บทที่ 10 สุดท้ายแล้วจุดประสงค์ในแต่งงานกับฉันเพื่ออะไรเหรอ
ฝนเริ่มตกในตอนบ่าย ต่อเนื่องไปจนถึงกลางคืน สายลมยามค่ำคืน บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยความหนาวสั่น ลั่วมั่นไปอาบแล้วเปลี่ยนชุดนอน ลงไปชั้นล่างนั่งรอบนโซฟาในห้องรับแขก
ท่ามกลางความมืดในกลางคืน เสียงข้อความแสดงขึ้น “ติ๊ง”ลอยมาจากโต๊ะน้ำชา
ลั่วมั่นลืมตาขึ้นแล้ว รีบเปิดโทรศัพท์เพื่อตรวจดูอย่างรวดเร็ว ประกายในแววตาของเธอเมื่อมองภาพนั้นลดลงภายในพริบตา แล้วเต็มไปด้วยความเงียบงัน
ในรูปภาพ ใบหน้าของหลัวแมนจีซบบนอกอันเปลือยเปล่าของเฟิงเฉิน ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงในโรงแรม แม้ว่าจะถ่ายมาแค่ไหล่ แต่ก็พอเดาได้ว่าภาพอยู่ด้านล่างที่เหลือนั้นเป็นอย่างไร
มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มแข็งทื่อ สีหน้าเยาะเย้ยตัวเองบนใบหน้าของเธอ ปล่อยให้โทรศัพท์ของเธอหลุดมือจากฝ่ามือ
กระแทกกับพื้นด้วยเสียง “ปัง”
เธอกอดเข่าในอ้อมแขน ผมยาวสีเข้มร่วงไปที่ไหล่ ตามด้วยไหล่ที่สั่นไหว
หนึ่งหยด สองหยด…..
น้ำตาที่ไหลเหมือนไม่สามารถหยุดได้ ร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ จนทำให้พรมเปียกชื้น
สามปีของการเป็นสามีภรรยา นางหญิงเฟิงที่ดูสดใสและงดงาม แท้จริงแล้วแม้แต่นักแสดงก็ไม่สามารถเทียบได้
หน้าต่างของคฤหาสน์ปิดไม่สนิท ลมหนาวไหลผ่านเข้ามาในบ้านตลอดทั้งคืน เธอร้องไห้จนชัก ในที่สุดก็ขดตัวบนโซฟา เธอกอดผ้าห่มแน่น สติก็ยิ่งคลุมเครือมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะสะลึมสะลือกลางห้องก็เหมือนมีแสงไฟวูบวาบ และมีเสียงอันคุ้นเคยลอยเข้ามาในหูของเธอ
“นางหญิงเฟิง ทำไมถึงมานอนตรงนี้ล่ะ เฮ้…. นางหญิงเฟิง….ทำไมถึงตัวร้อนแบบนี้ล่ะ ?”
สติกลับมาอยู่ในความสับสนวุ่นวายใหม่อีกครั้ง ราวกับว่าตกอยู่ในภาพลวงตาอันสุดซึ้ง
เหตุการณ์ตรงหน้านั้นราวกับส่องแสงประกาย เธอลืมตาขึ้น มองภาพสะท้อนตัวเองจากกระจก
“ลั่วมั่น ไปกันเถอะ ที่เมืองเจียงมีไนต์คลับมาเปิดใหม่ มีธีมปาร์ตี้สนุกๆ ไปกันๆ”
“ฉันไม่ไป…. ได้ยินมาว่าที่นั่นวุ่นวายจะตายไป”
“ไม่วุ่นวายนะ พวกเรามีกันเยอะแยะ อีกอย่างพี่มู่หรง ก็ไปด้วยล่ะ!”
แสงไฟในไนต์คลับสาดแสงส่อง วัยรุ่นหนุ่มสาวฟลอร์เต้นรำที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์อันสดใส เสียงอึกทึกของเพลงเกือบทำให้ผู้คนพลิกคว่ำ
เธอนั่งหงุดหงิดที่บาร์ แล้วดื่มน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว
มีร่างสูงโปร่งตรงปากประตูห้องน้ำ ร่างของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์
ทันใดนั้นภาพก็เริ่มสั่นไหวทันที
แสงไฟที่สาดส่องภายในห้อง และร่างที่กระแทกกับผนัง
และถูกความเจ็บปวดแทรกซึมอย่างรุนแรง …..
ภาพกะพริบอีกครั้งมงคลคู่สีแดงสดบนผนังนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ และเธอนั่งเงียบ ๆ ข้างเตียงในชุดแต่งงานแบบจีน
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ตามด้วยฝีเท้าที่เดินสะเปะสะปะ พร้อมกลิ่นเหล้าที่ลอยมาแตะจมูก
“เอ่อ….”เธอส่งเสียงร้อง เธอถูกเฟิงเฉินสามีที่เพิ่งแต่งงานผนึกไว้ด้วยร่างที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า เขาจับลำคอของเธอไว้โดยไม่ทันตั้งตัว
“ลั่วมั่น บอกฉันมาสิ สุดท้ายแล้วจุดประสงค์ในแต่งงานกับฉันเพื่ออะไรเหรอ”
“ฮึ….”
ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ดี คุณไม่บอกสิน่ะ งั้นฉันจะบอกให้! คุณพยายามอย่างหนักเพื่อเข้าใกล้ฉัน แต่งงานกับฉัน เพียงแค่ตระกูลเฟิงจะมอบของขวัญให้สินะ หลังจากนั้นก็จะใช้เพื่อชดเชยและระดมทุนให้เครือตระกูลลั่วสินะ ใช่หรือไม่? ”
“……”
“ คุณนี่กตัญญูจริงๆ? เพื่อตระกูลลั่ว เพื่อพ่อแม่ มีอะไรที่คุณยังทำไม่ได้อีกล่ะ ?”
“คุณฟังฉันก่อน ….ฟังฉันอธิบาย….”
เสียงฉีกอะไรบางอย่าง ชุดแต่งงานสีแดงสดถูกฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ ด้วยมืออันใหญ่ของเฟิงเฉิน เหมือนดังผ้าชิ้นหนึ่งหลุดที่ออกจากข้างเตียง “อ้า……”
ลั่วมั่นกรีดร้อง ตื่นขึ้นจากความเจ็บปวดจากใจที่เต้นแรง เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดอย่างสมบูรณ์
เธอลุกขึ้นยืน พร้อมกับเหงื่อที่ท่วมตัว จับจ้องไปที่เสื้อเชิ้ตลายทางจากด้านหลัง เพราะว่าความกลัว หัวใจตรงหน้าอกของเธอนั้นเต้นตึกตักๆ ไม่ยอมหยุด เธอปิดหน้าอกของเธอไว้ด้วยความกลัวอย่างรุนแรงแม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้วแต่ในใจยังคงหวาดผวาอยู่.ใบหน้าไร้ซึ่งสีสันใดๆ
ผ่านไปเป็นเวลานาน เธอถึงมีสติได้กลิ่นแรงของยาฆ่าเชื้อ ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาล
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากประตู เฟิงเซิ่งถือขวดน้ำร้อนในมือของเขา พร้อมรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเขา
“ในที่สุดมันก็ตื่นขึ้นมาแล้ว คุณมีไข้สูงและคุณก็นอนทั้งบ่าย”
ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว – ตอนที่ 10
Posted by ? Views, Released on October 14, 2021
, ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว
เธอเป็นสะใภ้ตระกูลใหญ่มา3ปี สามีเธอหยอกล้อกับหญิงอื่น เธอก็ไม่สนใจแถมยังต้มซุปบำรุงไตส่งให้สามีทุกวันวันหนึ่ง ผู้หญิงที่สามีรักที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วบอกว่า"ฉันตั้งครรภ์แล้ว"นี่เป็นครั้งแรก ที่ลั่วมั่นได้ใช้อุบาย บังคับผู้หญิงคนนั้นทำแท้งเฟิงเฉินบีบคอของเธอ "ลั่วมั่น ที่เธออดทน3ปีมานี้ เสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหม"เธอยิ้มจนน้ำตาไหล "excuse me ฉันก็ตั้งครรภ์แล้ว ส่วนทายาทของตระกูลเฟิง ต้องเป็นลูกชายของฉัน!"