SPH:บทที่ 12 จับรางวัลอีกครั้ง
“ปู่ ผมกลับมาแล้ว” เมื่อเย่หยูเข้ามาใกล้ประตู เขาเห็นปู่ของเขา เย่เว่ยเกา กำลังนำอาหารจานร้อน
ไปวางไว้ที่โต๊ะ
เมื่อเย่เว่ยเกาได้ยินเสียง
เขาก็เงยหน้าขึ้นมาและเผยรอยยิ้มบนหน้าที่แก่ชราของเขา
“เสี่ยวหยูกลับมาแล้ว ปู่เพิ่งอุ่นอาหารมาให้ รีบมากินสิ!”
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ
เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงสี่ทุ่ม เย่เว่ยเกาอายุมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงเข้านอนไว เย่หยูนอนลงบนเตียงเขา เขารู้สึกระส่ำระส่ายจนทำให้ไม่สามารถหลับลงได้ วันนี้เป็นครั้งแรกที่เย่หยูต่อสู้กับอันธพาลที่มีความรู้สึกเจตนาจะฆ่าแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแค่คนอ่อนแอเมื่ออยู่ตรงหน้าเขา
ชายรอยสักงูพูดถูก ถึงแม้สมรรถภาพร่างกายของเขาจะดีมาก
เขาไม่ได้เป็นผู้ศิลปะป้องกันตัว และไม่รู้ว่าจะจู่โจมอย่างไร ไม่เช่นนั้น การต่อสู้คงไม่จบเร็วขนาดนี้
เมื่อนึกถึงท่าออกกำลังกาย 36 ท่า เย่หยูคิดอีกครั้งเกี่ยวกับรางวัลล็อตเตอรรี่ แม้ว่าชื่อของมันจะแปลกแต่ผลกระทบกลับดีเกินคาด หากไม่ใช่เพราะท่าออกกำลังกายชุดนี้ เย่หยูอาจจะถูกชายรอยสักงูทุ่มลงบนพื้น
ระบบพูดว่าชุดออกกำลังกายที่ออกมาจะเพิ่มสมรรถภาพร่างกายได้ถึง 5 เท่า
เย่หยูกระโดดลงจากเตียง เขาทำท่าออกกำลังบนพื้นที่ว่างในห้อง
ออกกำลังกายยืดร่างกายการขยายทรวงอก
เคลื่อนไหวด้วยการกระโดด
หลังจากที่อบอุ่นร่างกายเสร็จ ขั้นต่อไปจะจริงจังมากขึ้น นึกถึงการเคลื่อนไหวในความคิด เย่หยูปากกระตุก
นี้มันผิดปกติมากเกินไป ใครเป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นมา? นี้มันคือสิ่งที่มนุษย์ทำได้จริงๆหรอ?
เพียงดึงการเคลื่อนไหวธรรมดาๆออกมา
การเคลื่อนไหวง่ายๆเป็นขั้นตอนจะทำลายทำลายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ แม้แต่อาจารย์โยคะยังไม่สามารถทำท่าผิดปกติๆแบบนี้ได้
“บ้าเอ้ย! นี่มันเคล็ดลับแปลกๆประเภทไหนเนี่ย? พวกเขาจะทำให้ผู้คนกลายเป็นบ้า!”
เย่หยูด่าทออย่างเงียบๆ เขาบิดเอวและสะโพกจนเกือบจะเป็นเกลียวแป้งทอด
พื้นที่เย่หยูยืนอยู เปียกเนื่องจากเหงื่อของเขา
ด้วยร่างกายปัจจุบันของเย่หยู
เขาจะไม่มีเหงื่อแม้จะวิ่งด้วยความเร็ว 5000 เมตร อย่างไรก็ตาม ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ท่า เย่หยูกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อ
โป๊ะ!
เย่หยูไม่สามารถทรงตัวในท่านี้ได้ จึงทำให้เขาล้มลงบนพื้น เข้าเหนื่อยจนลิ้นห้อยและหอบหายใจอย่างหนัก จนดูเหมือนว่าเขากำลังจะตาย
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเย่หยูก็ฟืนตัวแล้วนอนบนพื้นแต่ยังไม่ยินดีที่จะเคลื่อนไหว
“ฟิ้ว… เสร็จละ!”
“ดูเหมือนว่าฉันกำลังจะตายไม่ช้า ฉันอยากจะรู้จริงว่าจักรวรรดิซิงฮั่นสนับสนุนท่าออกกำลังกายอย่างไร”
เย่หยูนอนลงบนพื้น มองไปยังเพดานที่อยู่เหนือเขาในขณะที่เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง
จริงๆแล้ว เย่หยูผิด ในจักรวรรดิซิงฮั่น การทำท่าออกกำลังกายทำขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ด้วยการเคลื่อนไหวทีละขั้น ทีละขั้น
เฉพาะผู้ที่ฝึกฝนทุกวันเป็นเวลา 7 ถึง 8 ปีเท่านั้นที่จะสามารถเคลื่อนไหวได้ครบทุกท่วงท่า ไม่เหมือนเย่หยู คนที่สามารถจบทุกกระบวนท่าภายในครั้งแรก
โชคดีที่มันเป็นพรสวรรค์ที่แฝงไว้
ความเหนื่อยล้ามากๆจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น
คลื่นความร้อนถูกปล่อยออกมาจากไขกระดูกเย่หยู เขารู้ว่าร่างกายของเขาอุ่นและผ่อนคลาย ราว
กับว่าเขากำลังแช่อยู่ในน้ำพุร้อนซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสบายมาก
หลังจากยืนขึ้น เย่หยูบิดเอวเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขาคล่องแคล่วกว่าเมื่อก่อนและเขารู้สึกเจ็บปวดกล้ามเหนื่อย
เย่หยูขมวดคิ้ว เขาไม่น่ารีบร้อนเกินไป ทำแค่วันละหนึ่งครั้งในลิมิทของเขาก็พอ
อย่างไรก็ตาม หากความคิดนี้เป็นทีรู้กันในจักรวรรดิซิงฮั่น พวกเขาอาจจะอ้าปากค้างในเรื่องที่ต้องทำวันละครั้ง? แค่ทรงตัวท่าเดียวก็ใช้พลังงานของคนปกติทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะทำครบเซ็ท
“มนุษย์: เย่หยู(ผู้ผึกตน เลเวล 1 )”
“รูปร่าง: ร่างกายแห่งจิตวิญญาณดาบ”
“การขโมย รวม: 0”
“คะแนนเต๋าชั้นสูง: 80/1000”
“ความสามารถ: ทักษะไพ่บิน, สุดยอดการคำนวน”
“ทักษะท่าร่าง: “ท่าออกกำลังกาย 36 ท่า(เริ่มต้น)”
“จับรางวัล: 1 “
เอ่อ?
เย่หยูมองไปยังแผงระบบในความคิด ท่าออกกำลังกายอยู่ในระดับเริ่มต้น
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องทำงานหนัก และพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะอยู่ในระดับสูงให้ได้
ตอนนี้ สมรรถภาพร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะมันไม่ได้รับรองว่าคุณจะกลายเป็นฮีโร่ที่ประสบความสำเร็จการช่วยสาวสวยในครั้งต่อไปได้ ยังคงมีโอกาสอีกครั้งที่จำทำเท่
เย่หยูถูมือของเขาเข้าด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอีกแล้ว จับรางวัล ไปกัน!
ในอาคารโรงเรียนมัธยมเซียงหยู
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนเตี้ยกำลังพิงอยู่ที่หน้าต่าง มองไปยังนอกหน้าต่าง
ภายใต้ชุดสูทที่ถูกรีดมาอย่างดีเผยให้เห็นพุง
มันทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ มีผมเส้นบางๆบนหัวที่เงาวาวและดวงตาที่ใหญ่เท่าเม็ดถั่วของเขาเบิกกว้าง พยายามอย่างมากที่จะเผยให้เห็นถึงร่องรอยที่สง่างาม
มืออ้วนๆของเขากำลังถือมือถือแนบไปที่หูของขา
“อย่ากังวลไปเลยหลานชายนายเป็นคนน่าสงสาร! ลุงของนายจะทำให้เขาออกจากโรงเรียนในอีก
ไม่ช้า!”
“ไม่มีปัญหา! เขากล้าทำร้ายลุงงั้นหรอ?”
“ลุงรู้ เขาชื่อเย่หยู ใช่ไหม?”
แม้ว่าชายวัยกลางคนอ้วนเตี้ยคนนี้จะดูน่าขยะแขยงแต่เขาก็เป็นที่รู้จักกันดีในโรงเรียนมัธยม
เซียงหยู
จูเหลียง หัวหน้าสำนักการศึกษา
แน่นอน ความจริงที่เขาได้เลื่อนขั้นไม่ได้หมายถึงว่าเขาโดดเด่นแต่ดีแต่เขามีน้องสาวที่ดี หนึ่งในผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมต้นเซียงหยู หยาน เฟิงอี
จูเหลียงเป็นลุงของโอวหยางหยู
เขาเพิ่งคุยกับโอหยางหยูเสร็จและพยายามหาปัญหาใส่เย่หยูภายใต้คำสั่งโอหยางหยู
จูเหลียงวางมือถือลงมองนักเรียนที่เข้ามาในโรงเรียนทีละคนๆ ปากของเขาโค้งเหมือนกำลังยิ้ม
เยาะ เด็กที่น่าสงสารอย่างเย่หยูคงต้องการพลิกสวรรค์เป็นแน่
เย่หยูเดินเข้าโรงเรียนอย่างช้าๆโดยไม่สนใจนักเรียนสาวที่กำลังมองเขาอย่างชื่นชม เขาเดินตรง
ไปยังอาคารเรียน
“สวัสดี พี่ชายสุดหล่อ ฉันชื่อฉินชิง คลาส 3 ทำไมถึงไม่เคยเห็นนายมาก่อนละ?”
เสียงใสดังเข้ามาในหูของเย่หยู และเมื่อเย่หยูหันหลังกลับไป
เขาย่นคิ้วเล็กน้อย
เธอไม่ใช่คนที่น่าเกลียดอะไร ตรงกันข้าม ฉินชิงเป็นคนน่ารัก เธอมีใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือ
นิ้วเรียวยาวและขาที่ยาวทั้งคู่ เธอดูขาวมาก!
สิ่งที่ทำให้เย่หยูย่นคิ้วเป็นผลมาจากการคาดคะเนขั้นสูง
“ผู้หญิงอายุ 18 ปี สูง 173 เซนติเมตร น้ำหนักตัว 90 จิน(45กก.) ใบหน้าซีด คิ้วดก
ตาเฉี่ยวขึ้นโหนกแก้มสูงเล็กน้อย ขาใหญ่ 2.5 เซนติเมตร ดูเหมือนนะ… “
โดยรวมแล้ว ฉินชิงเป็นคนใจแคบ ถ่อมตนและเป็นคนยากไร้
“เธอเป็นอะไร?”
เย่หยูมองไปยังฉินชิง
คนที่มีรอยยิ้มที่จริงใจบนหน้าและพูดอย่างไม่สนใจว่า
“อะ แฮ่ม…”
“หืม… นายไม่สนใจอยากจะมีเพื่อนใหม่หรอ?”
หลังจากที่ฉินชิงพูดจบ
เธอก็ก้มหัวลงแล้วเผยให้เห็นแก้มแดงๆบนหน้าหน้า เธอยื่นมืออกมาดึง
กระโปรงเพื่อที่จะพยายามปิดขาที่ยาวเกินไปของเธอ
“ไม่สนใจ!”
หลังจากที่เย่หยูพูดจบ เขาก็เมินฉินชิงและก็เดินตรงออกไป
“เดี๋ยว!”
ฉินชิงตะโกนข้างหลังเย่หยู
“ทำไม?”
“ขอโทษนะ เธอหน้าอกเล็กไป และฉันไม่ชอบแบบนี้!”
ราวกับสายฟ้าฟาดลงบนฉินชิง ทำให้เหมือนเธอช้าทั้งตัว
เมื่อฉินชิงกลับมาได้สติ เย่หยูก็ได้จากเธอไปแล้ว
ฉินชิงกำมือของเธอแน่นและแววตาของเธอก็ฉายแววแห่งความเกลียดชัง
“ถุย! ทำมาเป็นเสแสร้ง ก็แค่ผีน่าสงสารตัวหนึ่ง หล่อก็ไม่หล่อสักนิด ฉันต้องใช้แผนสำรองแล้วละ น่าเสียดาย “
ในห้องเรียนมัธยม 1 เย่หยูเดินเข้าไปในห้องเสียงดังจากครูทำให้ห้องเงียบทันที หลังจากนั้นใน
ไม่ช้านักเรียนสองสามคนก็เริ่มกระซิบกัน
“ทำไมเย่หยูถึงไม่เป็นอะไรละ?”
“ฉันได้ยินมาว่าโอหยางหยูบอกเขาให้ไปที่ป่า”
“ใช่ โอหยางหยูไม่ง่ายเลยนะที่จะคุยด้วย ดูเหมือนเย่หยูจะไม่ได้รับบาดเจ็บ”
“เฮ้!เสแสร้งว่าเป็นหลานชาย และเราจะทำอะไรได้ “
“บางทีเขาอาจจะเสียเงินไปเยอะ”
สายตาเย่หยูเปล่งประกาย เมินเฉยพวกเขา เขาเพียงนั่งลงบนเก้าอี้
“เย่หยู ได้ยินมาว่าโอหยางหยูบอกให้นายไปที่ป่าเมื่อวานไม่ใช่หรอ?”
ฮันเสวี่ย ถามเย่หยูระหว่างที่เรียนเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
เย่หยูเผยให้เห็นรอยยิ้มและพูดว่า
“ไม่เป็นไร ฉันคุยกับโอหยางหยูอย่างเป็นมิตร จนถึงตอนนี้เขาไม่ได้มาหาเรื่องฉันแล้ว”
“อ่อ ดีแล้ว ฉันกังวลเรื่องนายอยู่…”
“นี่เธอกังวลว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บหรอ? “
“มั่นใจได้เลย ฉันแข็งแรงมาก!”
เย่หยูยกแขนขึ้นมาและเบ่งกล้ามให้ดู
“เอ่อ? เย่หยู นายพันอะไรไว้ที่ข้อมือหนะ? มันสวยมาก “
ฮันเสวี่ยพบว่าเย่หยูสวมโซ่เงินที่พันรอบข้อมือของเขา และมีขวดแก้วเล็กๆห้อยอยู่ เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ของดีหนะ!”
เย่หยูคลายโซ่ออกแล้วถือขวดเล็กๆไว้ในมือ และมองไปที่มัน
นอกเหนือจากโซ่เงินแล้ว ก็มีขวดที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ
ขวดแก้วคริสตัลที่เต็มไปด้วยของเหลวจำนวนมาก
ขณะที่กำลังเคลิ้ม มันประกายเป็นแสงดวงดาว
ดูเหมือนมันจะมีเวทย์มนต์วิเศษอยู่