ปล้นสวรรค์ – ตอนที่ 13 น้ำยาสัตย์จริง

SPH:บทที่ 13 น้ำยาสัตย์จริง
“สิ่งนี้คืออะไร? มันช่างงดงาม”
ฮันเสวี่ยมองไปยังขวดเล็กๆที่อยู่บนฝ่ามือของเย่หยูอย่างเงียบๆ และร้องออกมาด้วยความตกใจ
“นี้เรียกว่าน้ำยาสัตย์จริง!”
ฮันเสวี่ยย่นคิ้วเล็กน้อยและค่อนข้างสงสัย
“น้ำยาสัตย์จริง”
เย่หยูหัวเราะ
“ฉันไม่ได้โกหกเธอนะ น้ำอมฤทธิ์นี้สามารถทำให้คนพูดความจริงได้ภายในหนึ่งนาที!”
“หื้ม!” ฮันเสวี่ยพูดขึ้นมาเบาๆเมื่อได้ยิน
“ฉันไม่เชื่อหรอก!”
เย่หยูนำโซ่เงินออกมาและนำมาใส่ที่ข้อมืออีกครั้ง แล้วหัวเราะอย่างเงียบๆ
เย่หยูไม่ได้โกหกฮันเสวี่ยสิ่งนี้เรียกว่า น้ำยาวาจาสัตย์ ซึ่งเขาได้รับมาการจับรางวัลเมื่อคืน
“น้ำยาสัตย์จริง: ใครก็ตามที่ได้สัมผัสน้ำยานี้ ก็จะพูดความจริงในนาทีต่อมา!”
หลังจากใช้มัน คุณจะต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงในการใช้อีกครั้ง
นี้คือคำอธิบายบนระบบสำหรับเย่หยู แม้ว่ามันดูเหมือนจะง่าย แต่เย่หยูรู้ว่านี้เป็นของดีแน่!
มันเป็นอาวุธที่เฉียบแหลมที่สามารถทำให้คนพูดความจริงได้ ใครจะไปรู้ว่าเมื่อใช้มันอาจจะได้ผลดี และอาจใช้ได้แค่ครั้งเดียวด้วย!
“ระบบ!”
เย่หยูพูดเรียกในใจ แล้วระบบอินเตอร์เฟสก็โชว์หน้าออกมาในความคิดเขา
“มนุษย์: เย่หยู(ผู้ผึกตน เลเวล 1)”
“ร่างกาย: ร่างกายแห่งจิตวิญญาณดาบ”
“การขโมย: 1”
“คะแนนเต๋าชั้นสูง: 80/1000”
“ความสามารถ: ทักษะไพ่บิน สุดยอดคำนวณ “
“ทักษะท่าร่าง: “ท่าออกกำลังกาย​ 36​ ท่า(เริ่มต้น)”
“ไอเทม: น้ำยาสัตย์จริง”
“ล็อตเตอร์รี่: 0 “
ระบบเชื่อมกันและแสดงตัวเลือกรายการเพิ่มเติม ซึ่งมีลักษณะเป็นน้ำยาเวทย์มนต์
เมื่อเขาเห็นจำนวนครั้งที่เขาสามารถขโมยได้บนหน้าจอ เย่หยูอยากจะเลื่อนนิ้วไปจิ้มที่หน้าจอทันที
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ห้องเขาเริ่มเรียนแล้วและมีเพื่อนร่วมชั้นอยู่รอบๆ มันไม่สะดวกนัก​ สำหรับพวกเขา ดังนั้นเย่หยูจึงระงับความคิดที่จะทำไว้ก่อน
แตะ!แตะ!
เสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องเรียน ดูเหมือนมันจะหยุดก่อนที่จะส่งเสียงอีกครั้ง
โอวหยางหยู คนที่ยังคงหน้าซีดเผือด เดินเข้ามา
โดยไม่ได้ตั้งใจมองไปยังเย่หยู ร่างกายของเขาสั่นเทาและเกือบนั่งลงไปที่พื้นอีกครั้ง
มันเป็นความกลัวที่เย่หยู่มอบให้โอหยางหยูเมื่อวานมันมากเกินไป หลังจากที่เขากลืนน้ำลายและพยายามทำให้ตัวเองใจเย็น โอหยางหยูก้มหัวลงแล้วเดินไปยังที่นั่งเขา ปกติแล้วเขามีนิสัยหยิ่งยโสที่จะเดินเชิดหน้าเชิดอก
“โย่ว!”
“โอวหยางหยู เมื่อวานนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายหรอ? หรือว่าจะเรียกรถพยาบาลดีไหม?”
เย่หยูมองไปยังโอหยางหยูเงียบๆ เขายิ้มขณะพูด
“ฉันสบายดี ขอบคุณมากนะ” ร่างกายโอวหยางหยูสั่นในขณะที่เขาหรี่ตาลงมา เพื่อปิดบังไม่ให้เห็นแววตาที่อาบไปด้วยพิษในตาเขา
“นี่มันจะโคตรอัปยศเกินไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะกลับมาแก้แค้นให้ได้” หัวใจที่โกรธแค้นของโอวหยางหยูกำลังลุกไหม้ในใจเขา แต่เขาไม่กล้าแสดงออกให้เย่หยูเห็น เพราะเขากลัว
“ห๊า!”
เย่หยูสามารถเห็นความไม่เต็มใจและความเกลียดชังของโอวหยางหยู เขารู้ว่าโอหยางหยูไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆแน่ แต่ทางที่ดีที่สุดคือเตรียมตัวคิดบัญชี!
แคร๊ง! แคร๊ง!
กระดิ่งห้องเรียนดังขึ้นและอาจารย์วิชาภาษาอังกฤษ อู่ซูชุน เดินเข้ามายังห้องเรียนพร้อมด้วยกองเอกสารข้อสอบในมือ
หลังจากวางกระดาษข้อสอบไว้บนโต๊ะเลคเชอร์ อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษใช้นิ้วเคาะที่โต๊ะเบาๆ
ตึก! ตึก!
“วันนี้สอบวิชาภาษาอังกฤษ ทุกคนเก็บหนังสือออกไปให้หมด!”
“โห้ย โห้ว!”
นักเรียนทุกคนเคลียร์โต๊ะเรียบร้อยและไม่มีใครกล้านำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวางบนโต๊ะ นั้นเป็นเพราะ แม้ว่าโรงเรียนมัธยมต้นเซียงหยูจะเป็นโรงเรียนเอกชน แต่ก็ยังคงเข้มงวดเรื่องการเรียนโดยเฉพาะนักเรียนที่ชอบโกง
เมื่อพูดถึงข้อสอบภาษาอังกฤษ เย่หยูย่นคิ้วของเขา เพราะภาษาอังกฤษของเขาแย่มาก
ความจริง ภาษาอังกฤษของเย่หยูค่อนข้างดีสำหรับคนทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น นักเรียนของเซียงหยูไม่ได้ขาดแคลนเงิน และมีครูสอนพิเศษมาติวให้ในห้องเรียนมากกว่าที่อื่น
อย่างไรก็ตาม เย่หยูไม่มีพื้นฐานพวกนี้เลย ดังนั้นหากให้เทียบกับเพื่อนในห้องแล้ว ภาษาอังกฤษของเขาไม่ดีเท่าไหร่นัก
ด้วยเหตุนี้ เย่หยูไม่ยินดีอย่างยิ่งที่ต้องเผชิญกับการสอบวิชาภาษาอังกฤษ เนื่องจากอังกฤษของเขาอยู่ในลำดับต่ำสุดและผลก็จะออกมาต่ำเสมอ
ในทางกลับกัน เกรดวิชาอื่นของเย่หยูอยู่ในระดับดีมาก ซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษของเขาเป็นแบบนี้
“เฮ้อแค่เรื่องเดียว น่าอับอายอะไรขนาดนี้วะ”
โอวหยางหยู คนที่ยืนอยู่ข้างๆเย่หยู จ้องไปยังเย่หยูและพบว่าเขาย่นคิ้วเพราะกังวล เขารู้สึกตื่นเต้นทันที
“ภาษาอังกฤษของเขาแย่สินะ!”
โอวหยางหยูยืนยันกับตัวเองในใจ และแววตาของเขาเริ่มลุกเป็นไฟในขณะที่ปากเผยให้เห็นรอยยิ้มแสนชั่วร้าย
“เวลานี้ ฉันอยากให้แกไปลงนรกและออกไปจากเซียงหยูสะ!”
ปัง! ปัง!
ท่ามกลางอาจารย์ของชั้นปีที่ 1 อาจารย์วิชาอังกฤษ อู่ซูชุน กระแทกมือของเขาลงบนโต๊ะ
“เอาหละ ถึงเวลาแล้ว ส่งกระดาษของคุณแล้วผลตรวจจะประกาศให้ตอนเย็น”
ในขณะที่เขามองอู่ซูชุนเดินออกไปพร้อมด้วยกระดาษข้อสอบ เย่หยูถอนหายใจอย่างโล่งอก
สำหรับเย่หยู การสอบภาษาอังกฤษทุกวันเหมือนกับเขาโดนประหาร
“ฮ่าฮ่า เย่หยู ดูเหมือนนายจะกลัวการสอบอังกฤษนะ! นายกลัวว่านายจะสอบตกใช่มั้ยละ?”
เมื่อฮันเสวี่ยเห็นเย่หยูผ่อนคลายลง เธอจึงถามด้วยความสนุก
“ใช่ เธอก็รู้นิว่าเกรดวิชาอังกฤษฉันแย่”
“แล้วเรื่อง…” ฮั่นซื่อเอียงคอมองเย่หยูและกระพริบตาใส่เขาอย่างสนุก
“แล้วถ้าฉันจะช่วยนายเรื่องเรียนหละ?”
เย่หยูคิดอย่างจริงจังสักพัก
“ฉันว่าไม่ดีกว่า ฉันคิดว่าฉันหล่อมากแล้ว หากฉันยังเรียนดีอยู่อีก แล้วคนอื่นจะอยู่ยังไงหละ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า..” ฮันเสวี่ยขำทันที แล้วทุบไปยังเย่หยูเบาๆ
“ทำไมถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้!”
“ฉันเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว มิเช่นนั้น ฉันจะทำคะแนนสอบภาษาอังกฤษให้ดีเพื่อให้เธอได้เห็น

“หื้ม! ฉันไม่เชื่อหรอก!”.
ฮันเสวี่ยเหลือบมองไปยังเขา​ เธอพูดด้วยนำเสียงที่มีเสน่ห์
เธอไม่เชื่อฉันหรอ? เธอจะเชื่อฉันในไม่ช้า! โอวหยางหยูนั่งไม่ไกลจากเย่หยูนัก เขาบ่นพึมพำในใจ ปากของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มแสนเย็นยะเยือกในขณะที่จ้องไปยังเย่หยูด้วยแววตาเยาะเย้ย
อย่างไรก็ดี เวลานี้ เย่หยูไม่ได้รับรู้ถึงแผนการลับของโอวหยางหยู เขาลุกขึ้นและเดินออกไป
มองหาสถานที่ไม่มีคนไปเพราะจำนวนขโมยวันนี้ได้เพิ่มขึ้นแล้ว
เย่หยูเดินไปยังมุมของตึกเรียน มองไปยังรอบๆทั้งซ้ายและขวา แต่ไม่เห็นใคร
“ระบบ เริ่มการขโมย!”
เหวง!
รัศมีแพรวพราวปรากฏขึ้นตรงหน้าเย่หยู เขายกมือขวาขึ้นมาและยื่นเข้าไปหามัน

มันเป็นห้องที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก ผนังทั้งสี่ด้านเป็นสีขาวบริสุทธิ์และพื้นที่สะอาดปราศจาก
ฝุ่น
ถึงแม้ว่ามันจะสะอาด แต่มันก็ดูไม่เป็นระเบียบเพราะมีอุปกรณ์แปลกๆวางอยู่ มีชายชราร่างอ้วนสวมเสื้อคลุมสีขาวคนหนึ่งกำลังเดินกลับไปกลับมาข้างหน้าเครื่องมือมากมาย และสังเกตพวกมันอย่างระมัดระวัง
“ด็อกเตอร์อากาสะ คุณอยู่ไหน?”
ร่างเล็กๆเปิดประตูและยืนอยู่ตรงธรณีประตู
คนที่ดูเหมือนจะอายุ 7 หรือ 8 ปี เขาใส่สูทสีน้ำเงินเข้มพร้อมกับรองเท้าผ้าใบที่เท้าเขาและ
ดวงตาคู่โต เขาตะโกนอย่างกระวนกระวาย
“นั้นโคนันหรอ? ฉันอยู่นี่!”
เมื่อได้ยินเสียงที่ประตู ด็อกเตอร์อากาสะมองไปยังข้อความที่กระพริบอยู่บนหน้าจอขณะพูด
“ด็อกเตอร์อากาสะ ที่ผมขอให้คุณทำแว่นตาให้ผมหน่อย คุณทำมันรึยัง?”
โคนันเดินไปยังข้างๆด็อกเตอร์อากาสะและถามเขาในขณะที่เขามองไปยังหมอที่กำลังดูยุ่งๆ
“แว่นตาหรอ?” ด็อกเตอร์อากาสะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากโล้นของเขา
“โอ้! นี่ไง ฉันทำมานานละ ฉันดูมาให้นาย! “
ด้วยสิ่งนี้ ด็อกเตอร์อากาสะลุกขึ้นและเริ่มควานหาโต๊ะที่ทำงานเขา
เครช! เครช!
ด็อกเตอร์อากาสะควานหาของมากมายที่อยู่บนโต๊ะที่ทำงาน แต่ยังคงหาแว่นตาที่โคนันตามหาอยู่ไม่เจอ
“เอ่อ? แปลกมาก ฉันวางมันไว้ตรงนี้นะ? ทำไมมันหายไป??”
ด็อกเตอร์อากาสะพูดในขณะที่เขามองไปยังโต๊ะรกๆ
ทางด้านโคนัน เขายืนเขย่งปลายเท้าในขณะที่มองไปยังกองเศษขยะเศษเล็กเศษน้อยบนโต๊ะทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยเชือกสีดำ
“ด็อกเตอร์อากาสะ คุณไม่ได้ทำมันหาย ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่โคนันพูด ด็อกเตอร์อากาสะก็หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน
“อ่า ฮ่าฮ่า บางที ฉันอาจจะทำมันหายจริงๆ”
เห็นได้ชัดว่าโคนันรู้สึกไม่ดี ด็อกเตอร์อากาสะรีบพูด
“โคนัน ไม่ต้องกังวลไป ฉันทำสำรองไว้แล้ว แต่มันไม่ค่อยประณีตเท่าไหร่ “
ท้ายที่สุด โคนันก็เดินออกมาจากห้องแล็บด็อกเตอร์อากาสะด้วยแว่นตาคู่ที่น่าเกลียดแปลกๆบนหน้าของเขา
หลังจากส่งโคนันกลับไปแล้ว ด็อกเตอร์อากาสะหันกลับมามองที่โต๊ะทำงานและครุ่นคิด
“มันแปลก มันชัดมากว่ามันเพิ่งอยู่ตรงนี้เมื่อกี้ แล้วทำไมอยู่ๆก็หายไปในพริบตา?”

ปล้นสวรรค์

ปล้นสวรรค์

เรื่อง ปล้นสวรรค์ นักเรียนมัธยมปลายธรรมดา นามว่าเย่หยู จู่ๆวันหนึ่งก็มีลำแสงพุ่งลงมาที่มือของเขา ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ระบบปล้นสวรรค์มาคลอบครอง ในแต่ละวันเขาสามารถเปิดช่องมิติ เพื่อที่จะใช้มือของเขา ล้วงเข้าไปขโมยของต่างๆจากทุกที่มาเป็นของตน “ยอดภูเขาดาบ ซึ่งมีดาบวิเศษปักอยู่ จู่ๆก็เกิดวังวน พร้อมทั้งมีมือยื่นออกมา คว้าดาบวิเศษ ที่นิกายดาบสวรรค์เฝ้ารอคอย” “ดร.อากาสะแว่นตารุ่นล่าสุดของผมอยู่ไหนครับ” “ โอ้มันอยู่ตรงนี้ โคนัน เอ๊ะ! มันหายไปไหนแล้ว!” “ ฮ่าฮ่า ในที่สุดตำราฝังเข็มเล่มนี้ก็เป็นของข้า! อ๊ะ! ใครบังอาจขโมยไป”

Options

not work with dark mode
Reset