SPH.บทที่ 130 เลื่อนขั้น
ข้างนอกห้องรับรองวีไอพีของอินเตอร์กริตี้เรียลเอสเทต
พนักงานขายรูปร่างดีสองสามคนที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มเงี่ยหูฟังอยู่ข้างประตู
“เฮ้ พวกเธอฟังสิ มันคือ! จุ๊จุ๊ ท่าทางของเธอแบบว่าแบบนั้น!”
“เฮ้ ฟังนะ เด็กหนุ่มนั้นพูดว่าให้ไปรูดการ์ด!”
“ฮ่าฮ่า รูดการ์? โทษทีนะ เธอคงเงินไม่พอละสิ!”
“นี่พวกเธอทําอะไรกัน!”
ด้านหลังพนักงานขาย เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงอันเยือกเย็นตะโกนมานั้นทําให้พวกเขากลัวมากจนต้องรีบยืนตัวตรง
“สวัสดีค่ะ ท่านประธาน!”
เมื่อเหล่าพนักงานขายเห็นท่านประธาน พวกเธอก็รีบพูดพร้อมเพียงกัน
เขาจ้องไปยังเหล่าพนักงานแล้วพูดด้วยน้ําเสียงต่ําว่า
“นี่พวกเธอมาทําอะไรข้างนอกประตูนี้?”
พนักงานขายต่างมองกัน จนมีพนักงานขายคนหนึ่งเรียกพี่ฟางมายืนข้างหน้าแล้วกระซิบกับเธอว่า
“ประธานหลิวเฉียนแค่พาแขกสองคนเข้ามาที่ห้องรับรองวีไอพีคะ”
“แล้วนี่เป็นที่ดีที่พวกเธอมาดักฟังหรอ?”
ประธานถามด้วยความสงสัย
“แต่ลูกค้าสองคนนั้น หนึ่งในนั้นมีชายแก่อายุประมาณไม่เจ็ดสิบหรือแปดสิบแล้วก็ดูเหมือนจะไม่เคยเห็นโลกแบบนี้มาก่อน อีกคนก็เป็นเด็กนักเรียน พวกเขาจะมาอยู่ในห้องรับรองและสามารถซื้อบ้านไหวหรอคะ? ”
”เหลวไหล!”
ใบหน้าของประธานหมองหม่นขณะตะโกนเบาๆ จากนั้นเขาก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง
หลังจากที่ประธานเข้าไปในห้องรับรอง เขาก็ปิดประตู เขาก็ปล่อยให้พนักงานขายสองสามคนยืนมองหน้ากัน
“อ้าย ทําไมประธานถึงอารมณ์ไม่ดีนะวันนี้”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีเขาอาจจะเพิ่งทะเลาะกับเมียเขามาก็ได้”
“ชิ ใบหน้าเขาซีดและดวงตาก็ดูมืดดํา บางทีอาจจะเจอผีมาก็ได้!”
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ประธารของโฮเนสเรียลเอสเทตก็เห็นการ์ดในมือของหลิวเฉียนแล้วก็ตกตะลึง เขาตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ
“หลิวเฉียน ทําแบบนี้ได้ยัง!? คิดว่าใครก็ได้หรอที่เข้ามาในห้องรับรองนี้ได้?”
“คุณหวังคะ ทําไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ!”
หลิวเฉียนร้องอุทานออกมาเมื่อเธอเห็นประธานเดินเข้ามาในออฟฟิซ
ประธารบริษัทโฮเนสเรียลเอสเทตยื่นแขนออกไปตบมือหลิวเฉียนขณะตะโกนด้วยความโมโห
“เธอ! มันไม่มีสมอง! ทําไมเธอไม่พิจารณาแขกก่อนว่าใครควรจะถูกต้อนรับ? คนพวกนี้น่าโดนฆ่าให้หมด”
ประธานบริษัทโฮเนสเรียลเอสเทตหันหน้าไปทางเย่หยูและเย่เว่ยกัว เขาต้องการจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นร่างเย่หยูสั่น ดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากอย่างไม่น่าเชื่อ
” พวกเรามันเป็นยังไง? พูดสิ!”
เย่หยูมองคนที่อยู่ตรงหน้า คนที่เขาเพิ่งเจอไปเมื่อคืน มุมปากของเขายกขึ้นจนดูเยือกเย็นและเหยียดหยาม
“ฉันจะเอาพวกคุณทั้งหมดออกไปที่ห้องรับรอง เพื่อให้รายระเอียดและการบริการที่ครอบคลุม!”
ณ ตอนนี้ หน้าผากของหวังต่งเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นชืด เขาอยากจะตบหน้าตัวเองหนักๆสักสองสามที แล้วด่าตัวเองอย่างเงียบๆที่ปากพล่อย ไม่เห็นรึไงว่ามีคนกําลังพูดอยู่!?
” หลิวเฉียน! ทําแบบนี้ได้ยังไง! แขกผู้มีเกียรติให้มาอยู่ในห้องแบบนี้ได้ยังไง แล้วยังไม่ไปเอาชามาเสิร์ฟอีก นี่ยังอยากจะทํางานต่ออีกไหม?”
หลังจากที่หวังต่งตําหนิหลิวเฉียนเสร็จ เขาก็หันหน้ามาหาเย่หยูแล้วยิ้มขอโทษ
” ท่านเซียน ท่านมาทําอะไรที่นี่หรือครับ?”
เย่หยูมองไปที่หวังต่งที่พูดด้วยความเคารพอย่างที่สุดและพูดกับเขาว่า
“แน่นอน ฉันมาที่นี่ก็มาซื้อบ้านนะสิ! อีกอย่าง ฉันพอใจกับการบริการของหลิวเฉียนมาก”
“เข้าใจแล้วครับ!”
–
หวังต่งพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างใจดีไปยังหลิวเฉียนที่กําลังตกตะลึง
“หลิวเฉียน ฉันรู้ว่าเธอเก่งมาก มันเพียงพอแล้วละ สําหรับการฝึกงาน จากนี้เป็นต้นไป เธอคือผู้จัดการฝ่ายขายอย่างเป็นทางการ!”
“หื้อ?”
หลิวเฉียนงงงวย ที่หวังต่งเดินเข้าห้องมาแล้วเลื่อนขั้นให้เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย หลิวเฉียนรู้สึกว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วเกินไป
“คะ อะไรนะคะ?”
หวังต่งตบไหล่หลิวเฉียนแล้วพูดกับเธออย่างขอบคุณ
“ผู้จัดการหลิว เธอทําดีมาก ที่สร้างความพอใจให้กับแขกผู้มีเกียรติท่านนี้! บ้านของลูกค้าพร้อมเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?
หลิวเฉียนตอบกลับอย่างร้อนรนว่า
“เรียบร้อยค่ะ เหลือแค่รูดบัตรอย่างเดียวค่ะ”
หวังตั้งพยักหน้าแล้วถามต่อ
“บ้านหลังไหนหละ?”
” บ้านที่มีสามลานบ้านใจกลางเมืองค่ะ”
“ใช่แล้ว! บ้านแบบนี้เนี่ยแหละเหมาะกับแขกผู้มีเกียรติแบบนี้!”
” ท่านประธาน การ์ดรูดผ่านค่ะ กระบวนการจะเสร็จในไม่ช้า !”
หลิวเฉียนถือการ์ดไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วเดินไปข้างๆเย่หยูและพูดอย่างสุภาพเรียบร้อย
เย่หยูหยิบแบล็กการ์ดกลับมาแล้วพูดกับหลิวเฉียนว่า
“ถูกต้อง หลังจากที่ทําธุรกรรมเสร็จ คุณจะได้เงินเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”
เมื่อหลิวเฉียนได้ยิน ดวงตาของเธอก็โค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว
“ค่ะ 1% ของค่าคอมมิชชั่น มากกว่าล้านหยวนค่ะ!”
เย่หยูมองหลิวเฉียนอย่างมีความสุข เขายิ้มและพูด
“มากกว่าล้านหยวน ไม่แย่เท่าไหร่”
เมื่อเห็นเย่หยูอารมณ์ดี หวังต่งก็เดินไปหาเขายิ้มและพูด
“ฮ่าฮ่า ท่าน นี่ก็นานมากแล้วตั้งแต่ที่บ้านถูกขายไป และของตกแต่งในบ้านก็เก่ามาแล้ว”
หวังต่งหยุดพูดสักพัก แล้วพูดต่อว่า
“แต่อย่ากังวลไป บริษัทพวกเราจะตกแต่งใหม่ให้ดีที่สุดและตกแต่งให้ฟรีด้วย!”
“ครับ”
เย่หยูพยักหน้าแล้วยืนขึ้นเพื่อจะไป แต่เมื่อเขาคิดบ้างอย่างออกกระทันออก เขาก็กลับไปนั่งพูดกับหลิวเฉียน
“ใช่แล้ว ผมจะซื้อบ้านสไตล์ยุโรปด้วย”
“หื้อ?”
หลิวเฉียนไม่ได้ตอบกลับไปในทันที การซื้อบ้านนี้มันซื้อง่ายเหมือนผักขนาดนั้นเลยหรอ มันจะดีจริงๆหรอ?
หวังต่งแอบมองหลิวเฉียนยิ้ม และพูดกับเย่หยูว่า
“ไม่มีปัญหาครับ! เราจะจัดการให้ทันทีครับ”
“นอกจากนี้แล้ว เราจะตกแต่งให้ฟรีด้วย”
เย่หยูโบกมือให้หวังต่ง
“ไม่จําเป็นต้องเดือดร้อนตัวเองหรอกครับ ไปหาคนมาปรับพื้นที่ของอาคารวิลล่านี้ทั้งหมดเถอะ!”
“เขาเพิ่ม เขายังเพิ่มอีก?!”
หวังต่งพูดอย่างประหลาดใจ
“ท่าน เข้าใจผิดอะไรรึเปล่า? คฤหาสน์นี้สร้างสไตล์ยุโรปล้วนๆ มันค่อนข้างที่จะแพงและท่านต้องการจะยกระดับมันขึ้นหรอครับ? ”
“ช่วยติดต่อบริษัทการก่อสร้างอาคารโบราณด้วย!”
ถึงแม้ว่าหวังต่งยังไม่รู้ว่าเย่หยูคิดอะไร เขาก็ยังคงตกตะลึงอยู่ในใจและพยักหน้าไป
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะไปติดต่อให้เดี๋ยวนี้!”
“หลิวเฉียน อย่ามัวยืนอยู่ที่นี่สิ ไปช่วยลูกค้าจัดการสิ!”
หลิวเฉียนกลับมาได้สติแล้วถอนหายใจอยู่ในใจ คนรวยนี้เอาแต่ใจจริงๆเลย!
“คุณลูกค้าคะ ขั้นตอนทั้งหมดดําเนินการเรียบร้อยแล้วค่ะ นี่คือใบรับรองค่ะ!”
เย่หยูหยิบสําเนาใบรับรองมาสองใบ แล้วพลิกดูอย่างไม่ตั้งใจ
“ไม่แย่เท่าไหร่ คุณทํางานเร็วมาก”
หวังต่งที่ยืนอยู่ข้างเย่หยู แล้วยิ้มอย่างขอโทษ
“ตราบเท่าที่ท่านสบายใจเลยครับ”
ข้างนอกห้องรับรอง พนักงานขายสองสามคนยืนหงุดหงิด และคุยกันด้วยเสียงต่ําอยู่ข้างนอก
“เฮ้ เธอคิดว่าประธานจะโกรธไหม?”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ไม่เห็นหน้าหงุดหงิดของประธานหรอ? ”
“อั้ยหยา เราจะทํายังไงกันดี? แล้วหลิวเฉียนจะติดร่างแหไปกับพวกเราไหม? “
“ไม่ต้องกังวล! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หลิวเฉียนต้องรับผิดชอบ ใครบอกให้เธอพาคนพวกนี้มาที่ห้องรับรองกันหละ!”
“ใช่ ทุกอย่างจะโอเค พี่ฟางเป็นแชมป์ของสํานักงานขายเรา พี่ต้องได้เป็นผู้จัดการฝ่ายขายได้แน่!”
พี่ฟางแสร้งถ่อมตัวขณะยิ้มแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“เฮ้ ผู้จัดการฝ่ายขายอะไรกัน? อย่าพูดแบบนั้นออกมาเลย! บางที่ประธานอาจจะแต่งตั้งคนอื่นก็ได้”
กลุ่มพนักงานขายก็รีบมาล้อมพี่ฟางแล้วพูดอย่างอิจฉาว่า
“พี่ฟาง อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย แค่ค่านายหน้าของพี่ก็เป็นแสนแล้ว ใครจะไปทําได้กัน? ”
“ใช่แล้ว! พี่ฟาง ถ้าไม่ใช่พี่ ฉันก็ไม่เห็นด้วยกับผู้จัดการฝ่ายขายคนอื่นหรอก!”
“ถูกต้อง! ตําแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายเป็นของพี่อยู่แล้ว!”
“ฮิฮิ พี่ฟาง ถ้าได้เป็นผู้จัดการแล้วอย่าลืมพวกเรานะคะ!
พี่ฟางรู้สึกได้ว่าเธอเดินมาถึงจุดสุดยอดของชีวิตแล้ว เธอพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“ไม่มีปัญหา! พี่จะเป็นพี่ที่ดีของพวกเรา พี่จะปกป้องพวกเราให้ได้”
เอี้ยด!
เสียงเปิดประตูกะทันหันทําให้การสนทนาของเหล่าพนักงานขายหยุดลง
เตกเตก!
หลิวเฉียนเดินออกมาจากห้องรับรอง
เมื่อเห็นพนักงานขายอยู่รอบประตู หลิวเฉียนก็ถามด้วยความประหลาดใจ
“พี่ฟาง พวกเธอมาทําอะไรกันข้างนอก?”