ปล้นสวรรค์ SPH:บทที่ 139ประชันฝีมือ
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดสนิท สายฝนได้กระหน่ำเทลง
แสงไฟตกกระทบกับใบมีดคมทําให้เกิดแสงสว่างวาบดั่งอสนีบาตฝ่ากลางสายฝนกรีดลงไปทั่วท้องถนน
แสงนั้นแวบเข้ามาในดวงตาของเย่หยู่ เขาใช้สุดยอดทักษะการคํานวณชั้นสูงคํานวณวิถีดาบของเขา
เย่หยู่ไหวเท้าเล็กน้อยเพื่อหลบหลีกการโจมตีจากดาบทิพย์ของชางกุยจือที่อยู่ห่างจากเขาเพียงปลายเส้นผม
ท่ามกลางสายฝน เหล่านักต่อสู้ชุดดําที่ยืนล้อมชายทั้งสองกําลังชมเพลงดาบที่ถูกแกว่งไปมาโดยชางกุยจือ
“พี่ใหญ่สุดยอด!”
“ ฮ่าฮ่าเจ้าเด็กนั่นถูกพี่ใหญ่ต้อนให้จนมุม!”
” พี่ใหญ่เลิกเล่นได้แล้ว จับเจ้าเด็กนั้นสักที!”
“เฮ้อ นานๆพี่ใหญ่จะออกโรงเอง ให้พี่ใหญ่ได้เล่นหน่อยเถอะ!”
นักต่อสู้ชุดดําที่พูดคุยกันด้วยท่าทีสบายๆ แต่ถ้าพวกเขาได้เป็นฝ่ายสู้กับเย่หยู่ เขาคงไม่ทําตัวสบายเช่นนี้
“บ้าเอ้ย!” จริงๆแล้วเขารู้ว่าเย่หยู่นั้นเป็นผู้คุมเกมในศึกครั้งนี้ และเขาเองก็เป็นเหมือนกับหุ่นเชิดที่อยู่ในกํามือของเย่หยู่
เนื่องด้วยโทสะของเขา การโจมตีของชางกุยจือได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
“ ฮ่าฮ่า…ดูสิๆ พี่ใหญ่ดูตื่นเต้นมากเลย!”
“ฉิ้ง!” ดาบทิพย์ของพี่ใหญ่นั้นทรงพลังและแข็งแกร่งจริงๆ!
“ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่กําลังสนุกเลย แล้วนั่น ดูๆ เจ้าเด็กนั้นก็กําลังเล่นกับพี่ใหญ่ของเราด้วยเหมือนกัน!”
อีกทางด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสคนนั้นได้แกว่งดาบยาวของเขา ทําให้เกิดแสงสว่างวาบออกมา เขาอดทนรอที่จะเฉือนลูกน้องของเขาเองแทบไม่ไหว
“ไอ้พวกตาบอดเอ้ย!” ผู้อาวุโสที่กําลังเล่นอยู่กับเด็กเหลือขอและกลุ่มคนที่ยังคงจดจ่อกับการต่อสู้เนี่ยนะ! “
ผู้อาวุโสคนนี้ได้แต่สาปแช่งอยู่ภายในใจ เขาหยุดเพลงดาบและยืนอยู่กับที่ เขาพูดกับเย่หยู่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไอ้เด็กบ้า” แกเป็นนักต่อสู้ชาวจีนแต่กลับขี้ขลาด! แกมันดีแต่หนีเหมือนกับเต่าที่เอาแต่ซ่อนอยู่ในกระดองนั่นแหละ ทําไมแกไม่สู้กับฉันซึ่งๆหน้าล่ะ!”
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น สีหน้าของเย่หยู่ได้เปลี่ยนไปเดิมดวงตาของเขาแผ่รังสีเย็นเยือกออกมา เขาพูดอย่างเลือดเย็นว่า “ฮ่าฮ่า ผมก็แค่อยากให้คุณเรียนรู้การหลบการโจมตี มันก็ไม่ได้ทํากันง่ายๆนะครับ ใครจะไปรู้เล่าว่าคุณจะเอาแต่สู้ไม่ถอยเนี่ย เอาจริงๆผมอยากให้คุณเตรียมใจเอาไว้สักหน่อยเผื่อว่าคุณจะแขนหัก!”
โดยไม่รอการตอบรับจากเจ้าสํานัก พวกนักต่อสู้ชุดดําต่างพากันโห่ร้องออกมาในทันที
“ไอ้เด็กเหลือขอปากเสีย!” พี่ใหญ่แค่ฟาดดาบออกไปเฉยๆและยังไม่ได้ทําร้ายแกแต่แกกลับพูดจาหยาบคายใส่เขาเนี่ยนะ!”
“ไอ้เด็กบ้า แกไม่รู้อะไรซะแล้ว! พี่ใหญ่ของเรา เขาให้โอกาสแกได้แสดงฝีมือยังไงล่ะ เขาอยากให้แกตายพร้อมกับความสุข แกไม่สํานึกบุญคุณเขาเอาซะเลย!”
“เราซาบซึ้งในพระคุณของพี่ใหญ่จริงๆ!”
ฟึบ!
เย่หยู่ทาบนิ้วของเขาลงบนที่หน้าอกเหมือนกับดาบ
ดาบลมปราณสายฟ้าได้พุ่งออกมา
ซ่า!
เม็ดฝนจะหยดลงบนลําแสงดาบได้แปรเปลี่ยนเป็นสายหมอกด้วยลําแสงดาบที่แหลมคมและความร้อนที่กําลังแผดเผาจากสายฟ้า
“อยากสู้นักใช่ไหม ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รับไปซะ!”
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดยามค่ำคืนมีแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้นมาดาบลมปราณสายฟ้าที่พุ่งออกไปข้างหน้ากลับกลายเป็นมังกรสายฟ้า เพียงแค่พริบตาเดียวมันก็ได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าของชางกุยจือในทันที
ชางกุยจือตกใจอย่างมาก เขายกดาบยาวของเขาขึ้นมาป้องกันตัวในทันที ทันใดนั้นดาบทิพย์ก็แปร่งแสงออกมาประทะกับดาบลมปราณสายฟ้า
ตู้ม!
เมื่อดาบทั้งสองได้ปะทะกันชางกุยจือรู้ได้ในทันทีว่าดาบลมปราณสายฟ้าของเย่หยู่นั้นมีอนุภาพมากขนาดไหน!
“คุณสู้ตัวต่อตัวกับผมไม่ได้หรอก!”
ชางกุยจืออยากกลับคําในทันทีที่ได้ยิน เขาอยากหลบการโจมตีของดาบลมปราณแต่สายฟ้าที่แผ่ออกมาจากดาบลมปราณนั้นทําให้ร่างกายของเขาไม่สามารถขยับเขยื่อนไปไหนได้
เขาไม่มีทางเลือก สิ่งเดียวที่ชางกุยจือสามารถทําได้ในตอนนี้คือต้องเข้มแข็งและพยายามต่อสู้กับดาบลมปราณอย่างสุดฝีมือเท่านั้น
ชิ้ง!
เขาใช้มือทั้งสองข้างจับดาบเอาไว้ให้มั่น คมดาบของชางกุยจือเปล่งแสงสว่างวาบออกมา สะท้อนกลับไปทางดาบลมปราณสายฟ้าในระยะสิบเมตร
พลังปราณและโลหิตภายในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่กําลังส่งพลังขึ้นไปบนฟ้า ชางกุยจือกัดฟันและฟาดดาบทิพย์ออกไปในทันที ทําให้ดาบลมปราณสายฟ้าของเยี่หยู่ค่อยๆหายไปในทันที
นักต่อสู้ชุดดําที่อยู่รอบๆเห็นว่ามีบางอย่างที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น พี่ใหญ่ตอบโต้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้อย่างไร
“เอ๊ะ พี่ใหญ่น่าทึ่งมาก เขาทําให้เจ้าเด็กนั่นมีความกล้าที่จะสู้กับเขาแล้ว มันไม่หนีอีกแล้ว”
“ฮ่าฮ่า ฉันนับถือในจิตวิญญาณนักต่อสู้ของพี่ใหญ่จริงๆ ทั้งยังสามารถหลบหลีกการโจมตีและโต้ตอบมันได้อีกด้วย!”
“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กนี่คงมีฝีมือไม่น้อย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะใช้ดาบโจมตีเป็นครั้งที่สามแล้ว! ”
“ ใช่ ใช่ เขาอยู่แค่ระดับกลั่นโลหิตเท่านั้น แต่การกระตุ้นพลังดาบของเขาจะต้องใช้โลหิตเป็นจํานวณมาก แต่เขาจะแข็งแกร่งกว่าโลหิตของพี่ใหญ่ได้ยังไงล่ะ”
หลังจากที่พลังดาบของเย่หยู่จบลง ชางกุยจือได้พ่นลมหายใจออกมาเขามองเย่หยู่ด้วยแววตาที่หวาดกลัว
ลูกน้องของเขากําลังชื่นชมและฝากความหวังไว้กับเขา เขาไม่อยากเสียหน้าและศักดิ์ศรีของเขาไป!
“เด็กน้อยเอ๋ย!” ดาบลมปราณของแกทําให้ผู้อาวุโสตาสว่าง แต่ดาบลมปราณนั้นได้ดูดซับพลังปราณและโลหิตของแกเป็นจํานวนมาก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกยังสามารถใช้ดาบลมปราณต่อสู้ได้อีก!
พรึ่บ!
เย่หยุตอบคําถามของชางกุยจือด้วยคมมีดและดาบลมปราณสายฟ้า
พรึ่บ!
ผลของการมาที่นี่คือการได้ใช้ดาบยาวและดาบทิพย์ของเขา แต่เขากลับโต้ตอบการโจมตีของเย่หยู่โดยการถอยหนีออกไปหลายเมตร
การประชันหน้าและการโจมตีของดาบลมปราณของเย่หยู่ในครั้งนี้ไม่ได้ลดความรุนแรงลงจากเดิมเลยสักนิด ชางกุยจือรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
“ยังมีพลังเหลืออยู่เหรอ” เป็นไปไม่ได้ แกไปเอาพลังปราณและโลหิตมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน!”
เมื่อเห็นแบบนี้เขาไม่อยากจะเชื่อความคิดนี้เลยสักนิดเย่หยู่ยิ้มออกมาก “สั้นๆเลยนะเพราะฉันแข็งแกร่งกว่าชายแก่ใกล้ตายยังไงล่ะ
” ตลกสิ้นดี!”
ชางกุยจ่อยิ้มออกมาอย่างน่ารังเกียจเขาจ้องไปที่เย่หยู่ด้วยสายตาเย้ยหยัน “แกไม่รู้จักนักต่อสู้ขั้นเข้าสู่แก่นแท้เลยสักนิด!”
“ผู้อาวุโสคนนี้อยู่ระดับที่สองกลั่นโลหิตสามารถกระตุ้นพลังปราณและโลหิตได้ตั้งแต่อายุยี่สิบห้า!” “เขาได้ผ่านการสร้างกล้ามเนื้อเส้นเอ็น สร้างกระดูก และชําระไขกระดูกก่อน ในที่สุดเขาก็ได้เป็นนักต่อสู้ระดับเข้าสู่แก่นแท้ด้วยอายุหนึ่งร้อยเจ็ดปี โลหิตของเขาก็เปรียบเสมือนแม่น้ำที่ยาวไม่รู้จบ เด็กน้อยเอ๋ย แกจะเก่งเท่าเขาได้ยังไง”
นักต่อสู้ชุดสีดําที่ยังคงยืนอยู่รอบๆพวกเขาพร้อมใจกันหันไปมองที่ชางกุยจือด้วยสายตาที่แสดงความนับถืออย่างมาก เมื่อพวกเขาได้ยินคําพูดของอีกฝ่ายในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าเด็กเหลือขอปากเสีย!” ผู้อาวุโสเจ้าสํานักของเรามีความสามารถมากเกินไป! มาสู้กับฉันนี่! “
“การระเบิดพลังปราณและโลหิตของผู้อาวุโสแสดงให้เราเห็นถึงพละกําลังของเขา! ความสามารถเช่นนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในล้าน! เด็กเหลือขอที่โง่เขลาอย่างแกกล้าดียังไงถึงมาพูดจาอวดดีกับพวกเราแบบนี้!”
“ ฮ่าฮ่า…ฉันเกรงว่าเด็กนี้กําลังหลอกเราอยู่เขาเป็นแค่นักต่อสู้ระดับสอง กลั่นโลหิตเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับความภาคภูมิใจของสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบเขาได้และมีโลหิตที่ไม่จํากัดแต่ก็ยังเอามาเปรียบกับพี่ใหญ่ที่เป็นถึงระดับเข้าสู่แก่นแท้ไม่ได้อยู่ดี!”
“ชิ!” มัทสึชิตะ นายชมเขาเกินไป! เขาก็แค่ระดับพลังปราณ แค่พลังปราณและโลหิตเท่านั้น”
“เฮ้อ…” เย่หยู่มองไปทางคนที่ชื่นชมชางกุยจือด้วยความภาคภูมิใจ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสาร เขาส่ายหน้าและพ่นหายใจออกมา
ชางกุยจือเห็นท่าที่ที่เปลี่ยนไปของเย่หยู่ เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เด็กน้อย แกหมดหวังแล้วสินะ ถ้าแกบอกฉันเกี่ยวกับคัมภีร์ลับสิบสามเข็มของสํานักปีศาจละก็ฉันจะไว้ชีวิตแก!”
“น่าสมเพช!” เย่หยู่มองไปที่ชางกุยจือพลางถอนหายใจออกมา “คุณคิดว่าคุณพอใจกับการเป็นนักต่อสู้ระดับเข้าสู่แก่นแท้ในช่วงอายุร้อยปีแล้วสินะ คุณอยากตายในระดับนี้จริงๆใช่ไหม”
ชางกุยจือตกใจกับประโยคที่ได้ยินอยู่ครูหนึ่ง ไม่ช้าเขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาฉายแววความดุร้ายออกมา “ไอ้เด็กเหลือขอ ฉันจะบอกอะไรให้นะ อย่าได้ดูถูกนักสู้ระดับเข้าสู่แก่นแท้!”
“ตาย!”
จู่ๆชางกุยจือก็ตะโกนออกมาเสียงดังก้องกังวาน โลหิตและพลังปราณรอบๆตัวเขาได้ระเบิดออกมา ออร่าดาบได้พุ่งทยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและโจมตีไปที่เย่หยู่โดยตรง
เย่หยู่มองดูการโจมตีที่เต็มไปด้วยโทสะของชางกุยจือโดยไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิด เข้ายิ้มออกมาอย่างไม่แยแส “คุณไม่อยากรู้เกี่ยวกับพลังโลหิตของผมบ้างเหรอ ถ้างั้นก็จับตาดูดีๆล่ะ!”
“ย๊าก”
เย่หยู่ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆจากนั้นออกร่าดาบก็ได้ระเบิดออกมาในทันที!
ตู้ม!
ซ่า!
สายฝนที่สาดไปที่ร่างกายของเย่หยู่ได้ระเหยหายไปกลายเป็นหมอกควันแทนเนื่องจากการแผดเผาของดาบลมปราณ
ท่ามกลางหมู่เมฆหมอกพร้อมกับเสียงคลื่นซัดของแม่น้ำและทะเล เสียงคํารามของมังกรดังก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน!
“นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้”
ชางกุยจือร้องออกมาด้วยความแปลกใจ มือที่กุมดาบยาวอยู่คลายออกเล็กน้อย สําหรับนักต่อสู้เข้าสู่แก่นแท้แล้ว นี่เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ!
“ดาบลมปราณและโลหิตราวกับมังกร!”
ชางกุยจือพยายามสยบความรู้สึกของเขาให้กลับมาปกติ เขาจับดาบยาวในมือให้แน่นขึ้น ความตั้งใจที่ต้องการจะฆ่าอีกฝ่ายฉายเข้ามาดวงตาที่เย็นชาของเขา ออร่าดาบได้ส่องสว่างขึ้นในทันที!
นักต่อสู้ชุดดําที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อพวกเขาได้เห็นมังกรกําลังพันร่างของเย่หยู่
“มันคืออะไรนะ ทําไมโลหิตและพลังปราณของเขาถึงเปลี่ยนเป็นมังกรได้!”
อึก!
“นี่ นี่คือสุดยอดพลังโลหิตระดับสูงสุด! “ พลังโลหิตที่หายากเหมือนกับมังกรที่แม้แต่นักต่อสู้นับล้านคนก็ยังมองไม่เห็นมัน!”
“ชิ!” การแปรเปลี่ยนของพลังภายในและโลหิตช่างน่าเกรงขามเสียจริง!”
“พระเจ้า!” ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเขาถึงบอกว่าพลังโลหิตของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าของพี่ใหญ่อีก!”
ชางกุยจือจ้องไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ในใจของเขาเต็มไปด้วยความต้องการที่จะสังหารเด็กคนนั้น “แกต้องฆ่ามัน! มิฉะนั้นสุดยอดนักรบจะต้องถือกําเนิดขึ้นที่ประเทศจีน!”