ถังซีทำเสียงคำรามเบาๆ ในลำคอใส่เฉียวเหลียง ขณะเดินไปนั่งข้างหนิงเหยี่ยน ถามเขาว่า “ผู้กำกับหนิง เราจะเริ่มถ่ายทำหนังกันเมื่อไหร่คะ ฉันเตรียมตัวแล้วนะ”
หนิงเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจที่ถังซีกระตือรือร้นที่จะถ่ายทำภาพยนตร์ เขาเลิกคิ้วถาม “เธอพร้อมเริ่มถ่ายทำได้ทันทีเลยใช่ไหม”
“เราเริ่มกันหลังเทศกาลตรุษจีนดีไหมคะ นี่เป็นตรุษจีนครั้งแรกที่ฉันจะได้อยู่ร่วมกับครอบครัว” ถังซีกล่าว แอบชำเลืองมองเฉียวเหลียงซึ่งกำลังมองมาที่เธอ แล้วทำสีหน้าชิงชังใส่เขา
เธอเป็นแฟนเขาแท้ๆ วันนี้เป็นวันเกิดเธอ แต่เขาไม่ได้เตรียมของขวัญให้เธอเลยด้วยซ้ำ แย่จริงๆ!
หนิงเหยี่ยนโกรธที่เห็นถังซีส่งสายตาเง้างอนให้เฉียวเหลียงขณะคุยกับเขา เขาจึงกล่าวขึ้นทันทีว่า “ไปหาแฟนเธอเถอะ ไม่ต้องมานั่งตรงนี้ ฉันไม่อยากเป็นบุคคลที่สาม!”
ถังซียกมือขึ้นยอมจำนนทันที “ผู้กำกับหนิง ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง ฉันจะไม่มองเขาอีกแล้ว”
หนิงเหยียนอึ้ง “…”
ว่าไงนะ เมื่อกี้เธอมองเขาอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่สักหน่อย เธอมองค้อนเขาต่างหาก!
เซียวจิ่ง เซียวส่า หยางมู่คุน และคนอื่นๆ กำลังเล่นเกมกัน เซียวเจี่ยนไม่ค่อยคุ้นเคยกับพวกเขา แต่เคยร่วมงานกับเฮ่อหว่านโจว เฮ่อหว่านหนิง และหนิงเหยี่ยน เขาก็เลยนั่งลงข้างๆ เฮ่อหว่านโจว ตอนนี้จึงเหลือสุนัขป่าผู้โดดเดี่ยวเพียงผู้เดียว นั่นคือ…
เซียวเหยา…
เซียวเหยากวาดตามองไปรอบๆ พบว่าเหลือที่นั่งว่างเพียงที่เดียวข้างๆ เฮ่อหว่านอี… ที่นั่งอื่นๆ ถูกจับจองหมดแล้ว เซียวเหยามองดูเฮ่อหว่านอีซึ่งนั่งหันหลังให้เขา เขาขมวดคิ้ว และตกอยู่ในภวังค์…
‘คุณอยากทานอะไร’ วันนั้นอากาศร้อนมาก แม้จะอยู่ในเดือนพฤศจิกายนแต่เขารู้สึกได้ถึงความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ในเมือง A เขามองดูเฮ่อหว่านอีที่สวมเสื้อคลุมบางๆ สีเบจ มีเข็มขัดรัดเอว เน้นส่วนโค้งเว้าของรูปร่างแล้วอดหน้าแดงไม่ได้ เขาต้องยอมรับว่าเฮ่อหว่านอีเป็นสาวพราวเสน่ห์ที่ดูเปล่งปลั่งราวกับแสงอาทิตย์
‘คุณเป็นคนชวนฉันมาทานมื้อค่ำวันนี้ เพราะฉะนั้นตามใจคุณค่ะ’ เฮ่อหว่านอียิ้มสดใส ขณะจ้องมองเขา ‘อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้ว่าฉันชอบทานอะไร’
เขายิ้ม ‘ตกลง ถ้าอย่างนั้นเราไปทานอาหารที่คุณชอบกัน…’ เฮ่อหว่านอีมองเขาด้วยสายตาเป็นคำถาม แต่เขาเปลี่ยนใจทันที ‘ไปทานอาหารฝรั่งเศสกันไหม ร้านอาหารฝรั่งเศสคนไม่แน่นมาก’
‘คุณจะพาฉันไปร้านไหน’ ดวงตาเธอเป็นประกาย เขาบอกได้เลยว่าเธออยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่พูด
‘ผมจำได้ว่าคุณชอบทานของทานเล่นแบบหาบเร่แผงลอยใช่ไหม’ เขามองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ‘แต่ร้านแผงลอยผู้คนมักแออัด ถ้าคุณไปตามร้านพวกนั้นกับผมบางที…” อาจทำให้เฮ่อหว่านอีเดือดร้อนมาก ถึงเขาจะไม่สนใจก็ตาม
‘ไปแถวนั้นกัน’
‘ไปไหนนะ’ เขามองตาเธอ รู้สึกงุนงงทำอะไรไม่ถูก
ใช่แล้ว เขากำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไม ดูเหมือนว่านี้เป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรไม่ถูกต่อหน้าเฮ่อหว่านอี เขากลัวว่าเขาจะไม่สามารถตอบสนองความรักของเธอ หรือว่าเขาแอบหลงรักเธอเข้าแล้ว
เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
เฮ่อหว่านอีขึ้นไปนั่งบนรถเขาอย่างสง่างาม และหันมามองเขา ‘มาสิคะ พาฉันไปที่ที่คุณอยากพาฉันไปตั้งแต่แรก’ เธอหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อไป ‘แน่นอน ถ้าคุณไม่อยากไป เราไปร้านอาหารฝรั่งเศสก็ได้’
ในที่สุดทั้งสองก็ไปที่ตลาดโต้รุ่งอันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย หลังจากนั้นก็แยกจากกันด้วยความไม่ลงรอย
เซียวเหยาจำไม่ได้ว่าทำไมพวกเขาถึงแยกจากกันอย่างไม่มีความสุขในวันนั้น เขาจำได้เพียงว่าตอนนั้นเธอร้องไห้ ถามเขาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ‘เซียวเหยา คุณคิดว่าความรักของฉันที่มีต่อคุณเป็นเรื่องไร้สาระงั้นเหรอ คุณเมินเฉยใส่ฉัน แต่ฉันไม่เคยเพิกเฉยต่อคุณได้เลย ทุกๆ ครั้งที่หนิงเหยี่ยนจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ฉันจะไปงานนั้น ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้นเลยก็ตาม เพียงเพราะคุณอาจมางานนั้น คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายหรือเปล่า’
เซียวเหยามองแผ่นหลังของเฮ่อหว่านอีแล้วขมวดคิ้วอีก ตอนนั้นเขาพูดอะไรหรือ โอ ใช่ เขาบอกเธอว่า ‘หว่านอี ผมไม่คู่ควรกับความรักของคุณ เพราะฉะนั้น…’
‘พอแล้ว!’ เธอขัดจังหวะเขา และเขาโล่งอก เพราะคิดว่าเขาคงไม่กล้าพูดประโยคที่เหลือออกมา
สิ่งที่เขาพยายามบอกไม่ใช่ ‘อย่ารักผมอีกต่อไปเลย’ แต่เป็น… ‘ผมจะพยายามทำตัวให้ควรค่ากับความรักของคุณ’
เพราะผมไม่คู่ควรกับความรักของคุณ จนกว่าผมจะลืมเด็กผู้หญิงคนนั้นได้
‘เซียวเหยาฉันไม่ต้องการให้คุณมาเตือนฉัน ฉันรู้ข้อจำกัดของตัวฉันเอง คุณจะต้องเป็นหนี้ฉันตลอดไป’ เมื่อจบคำพูดเธอก็หันหลัง วิ่งหนีไป ทิ้งให้เขาเฝ้าดูเธอจากไป
ตอนนั้นนั่นเองที่เขานึกออกว่า ก่อนหน้านี้ทุกครั้งเธอเป็นคนที่คอยเฝ้ามองเขาเดินจากไปก่อนเสมอ
เขาช่างโง่เขลาจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง ความรักของหญิงสาวที่มีต่อชายหนุ่มสักคนนั้นเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่เขาไม่เคยถนอมรักษาความรักของเธอเลย
เมื่อคิดเช่นนี้เซียวเหยาก็กำมือแน่นขึ้น เฮ่อหว่านอีดื่มไวน์คนเดียวเกือบหมดขวด เธอสัมผัสได้ถึงสายตาร้อนรนคู่หนึ่งเบื้องหลังเธอ แต่เธอไม่กล้าหันไปมอง เพราะกลัวว่าหากหันไปสายตาคู่นั้นจะหายไป เธอจึงทำได้แค่เพียงนั่งเงียบๆ แสร้งทำเป็นว่าเธอไม่รู้อะไรเลย
เธออดบ่นในใจไม่ได้ ฉันให้คุณมากขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณถึงไม่คิดจะเป็นคนเริ่มก่อนบ้าง
ตราบใดที่คุณเต็มใจก้าวออกมา ไม่ว่าเราจะอยู่ห่างกันกี่แสนไมล์ ฉันก็ไม่ลังเลที่จะวิ่งเข้าไปสู่อ้อมแขนคุณ
เฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่มุมนั้น สังเกตเห็นบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างคนทั้งสอง เขาเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปาก สงสัยอยู่ในใจว่าเขาควรทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาให้ทั้งสองดีไหม
ถึงแม้เขาจะเกลียดการทำแบบนี้มากที่สุด แต่เซียวเหยาคือคู่แข่งทางความรักที่มีศักยภาพของเขา! แม้ชายหนุ่มคนนี้จะกลายเป็นพี่ชายซีซีไปแล้ว แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงภาวะวิกฤต แต่ถ้าเซียวเหยามีแฟนเป็นของตัวเอง เขาก็จะปลอดภัย
เฉียวเหลียงครุ่นคิด ลูบคางไปมา คิดว่าจะทำอย่างไรดีให้เซียวเหยากับเฮ่อหว่านอีคบกัน…
เฉียวเหลียงหันมองไปรอบๆ และพบบางสิ่งที่น่าสนใจ…
ถังซีกำลังสนทนากับหนิงเหยี่ยน แล้วจู่ๆ ก็พบว่าหนิงเหยี่ยนเหม่อลอย เธอจึงยกมือโบกตรงหน้าหนิงเหยี่ยน “ผู้กำกับหนิง นี่คุณฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
หนิงเหยี่ยนดึงสติกลับมาจากภวังค์ มองถังซีแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ”
ถังซียักไหล่ “ฉันกำลังบอกว่าฉันจะต้องเข้าร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฉัน ฉันจึงอยากขอลาหยุดสองวันในช่วงนั้น คุณคิดว่าจะให้ฉันหยุดได้ไหม”
หนิงเหยี่ยนพยักหน้า “ได้สิ”
เซียวเหยาซึ่งกำลังมองเฮ่อหว่านอีอยู่นั้น จู่ๆ ก็ขยับตัว…
Related