พิมทำหน้าที่ส่งอาหารเช้าให้เตชินตามปกติ และร่วมทานมื้อเที่ยงตามข้อตกลงในสัญญา
เธอเข้าออกบริษัทบ่อยจนพนักงงานต้อนรับ
เริ่มจำเธอได้และต้อนรับเธออย่างดี
แต่ก็ไม่วายที่จะหลุดรอดจากคำซุบซิบนินทาของพนักงานในบริษัท
พนักงานจับกลุ่มซุบซิบกัน
” นี่ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าท่านประธานจะเปลี่ยนรสนิยมหันมาควงสาวน้อยหน้าใสแล้ว “
อีกคนก็เอ่ยขึ้นบ้าง
” ฉันได้ยินทางฝ่ายต้อนรับเขาเม้าท์กันว่า
เธอมาส่งข้าวเช้าให้ท่านประธานทุกวันเลย
บางวันก็มาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน “
อีกคนดูตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยินแล้วเอ่ย
” จริงเหรอ แสดงว่าคนนี้ต้องเป็นคนโปรดของท่านประธานที่ท่านประธานปลื้มมากแน่ๆเลย “
อีกคนก็อยากร่วมสนทนาด้วยจึงเอ่ย
” ฉันได้ข่าวมาว่า หลายวันก่อนที่เธอไม่มาทานข้าวด้วย ท่านประธานถึงกับต้องออกไปง้อเลย “
พนักงานสาวอีกคนก็เอ่ย
” แล้วแบบนี้ถ้ารองประธานรู้ จะรู้สึกยังไง พูดก็พูดเถอะ
ในฐานะผู้หญิงด้วยกันไม่ใช่ว่าฉันจะมองไม่ออกนะว่า
รองประธานดูมีความรู้สึกพิเศษต่อท่านประธาน “
อีกคนก็เอ่ยเสริมว่า
” นั่นสิ รองประธานอยู่เคียงข้างท่านมาธานมาตลอด
แต่เสียดายที่ท่านประธานกลับไม่เห็นเธอเป็นผู้หญิงทั่วไป “
พนักงานสาวอีกคนจึงพูดขึ้นว่า
” หุยเธอ เรื่องแบบนี้นะ มันบังคับกันไม่ได้หรอก จริงมั้ย “
พนักงานสาวที่เริ่มเปิดประเด็น ก็แสดงออกว่าเห็นด้วยจึงเอ่ย
” มันก็จริงแหละ ช่างเหอะๆ แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว รองประธานกำลังเดินมาทางนี้ “
แล้วทุกคนก็สลายวงกลับไปนั่งที่ทำงานของตัวเองต่อ
ณัชชารู้สึกว่าพนักงานดูผิดปกติไป เมื่อกี้ตอนเธอเดินเข้ามายังเห็นพวกเขาพูดคุยกันอยู่เลย
แต่ตอนนี้กลับเงียบผิดปกติ
เธอจึงชี้ไปที่พนักงานสาวคนหนึ่งที่ดูซื่อกว่าคนอื่นแล้วเอ่ย
” คุณตามฉันเข้ามาในห้อง “
พนักสาวที่ถูกชี้ก็ตกใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เอ่ยว่า
” ค่ะ “
แล้วเธอก็เดินตามณัชชาไป เมื่อเข้าไปในห้องรองประธาน
เธอยืนก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น ยิ่งทำให้ณัชชาเกิดความสนใจมากขึ้น
ณัชชายกยิ้มมุมปากแล้วจิกด้วยสายตาคมกริบ ถามพนักงานออกไปว่า
” เมื่อกี้พวกเขาคุยอะไรกัน “
พนักงานสาวก้มหน้าเอ่ยตอบไปว่า
” ไม่ทราบค่ะ เมื่อกี้ไม่ทันได้สนใจ “
ณัชชาเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น
” งั้นเหรอ สงสัยคุณยังไม่รู้ ว่าพนักงานพูดปด
ไม่ซื่อสัตว์ต่อเจ้านาย จะถูกไล่ออก ฉันว่าคุณเข้าข่ายข้อนี้นะ “
พนักงานสาวเอ่ยด้วยสีหน้ากังวลด้วยท่าทางลนลาน
” รองประธาน โปรดยกโทษให้ด้วยค่ะ ฉันไม่รู้จริงๆว่าพวกเธอพูดเรื่องอะไร “
เมื่อขู่ไม่ได้ผล ณัชชาเอ็นหลังพิงเก้าอี้แล้วเอามือกอดอก ไขว้เท้าขึ้นมา แล้วเอ่ย
” สิ้นเดือนคุณเก็บของแล้วออกไปจากบริษัทซะ “
พนักงานสาวได้ยินดังนั้นก็ถึงกับคุกเข่าลงทันที แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น
” ฉันพูดแล้ว รองประธานอย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ กว่าจะได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้ไม่ง่ายเลย
ฉันยังต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูครอบครัวอีกหลายชีวิต โปรดเมตตาด้วยค่ะ “
ณัชชาเอ่ยขึ้นอย่างเย่อหยิ่งด้วยสีหน้านิ่งเฉย
” พูดมา “
พนักงานสาวจำใจเอ่ยออกมาเล่าทุกอย่างที่ได้ยิน
” พวกเขาคุยกันว่า ท่านประธานควงผู้หญิงคนใหม่
ผู้หญิงคนใหม่มาส่งข้าวส่งน้ำให้ท่านประธาน
และร่วมทานมื้อเที่ยงกับท่านประธานบ่อยจนพนักงานเริ่มจำหน้าเธอได้ค่ะ
พวกเขายังพูดอีกว่าเธอเป็นคนโปรดที่ท่านประธานปลื้มมากค่ะ “
ได้ยินดังนั้นแววตาณัชชากลายเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที
แต่ต่อหน้าพนักงานเธอก็แสร้งทำตัวเป็นปกติ สีหน้ายังคงเรียบเฉย
มีเพียงแววตาที่เปลี่ยนไป หากไม่สังเกตจะไม่มีทางรู้เลย แล้วเธอก็เอ่ยว่า
” มันเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านประธาน พนักงานไม่ควรเอามาพูดให้สนุกปาก
หากฉันยังเห็นว่ามีการจับวงพูดคุยเรื่องของท่านประธานอีก ฉันจะไล่ออกไปให้หมดเลย “
พนักงานสาวเอ่ยด้วยท่าทางสั่นกลัว
” ขอโทษค่ะ ฉันจะกลับไปแจ้งพวกเขาเดี๋ยวนี้ค่ะ “
ได้ยินดังนั้น ณัชชาก็เอ่ยออกมา
” อืม ออกไปได้ละ “
” ค่ะ “
เอ่ยจบพนักงานสาวก็หมุนตัวเดินออกไปทันที
เพื่อนร่วมงานต่างเฝ้ารอเธออย่างใจจดใจจ่อ พอเธอออกมา พวกเขาก็ถามทันทีว่า
” รองประธานเรียกคุณเข้าพบเรื่องอะไร “
เธอจึงพูดให้ทุกคนฟัง ตามที่รองประธานสั่งไว้
แล้วทุกคนก็กลับไปนั่งที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ
ณัชชาเมื่อรู้ว่ามีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของเตชิน เธอก็อยู่ไม่สุขอีกต่อไป
จะให้เธอไปตามเตชินตรงๆเธอก็กลัวเขาจะไม่ชอบ
เธอจึงเดินไปที่ห้องวงจรปิด แล้วสั่งกับพนักงานว่า
” เปิดภาพกล้องวงจรทุกจุดในอาทิตย์นี้ขึ้นมาหน่อย ”
” ครับ “
พนักงานเอ่ยตอบแล้วทำตามคำสั่งเธอทันที
เปิดภาพกล้องวงจรที่บันทึกไว้ย้อนหลังห้าวัน
เมื่อเธอเห็นว่าคนที่เข้าออกบริษัทเป็นพิม เธอก็คิดว่าพนักงานคงเข้าใจผิด
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของพนักงานที่ว่า พิมร่วมทานมื้อเที่ยงกับเตชินบ่อย เป็นคนโปรดของเตชิน
เธอก็รู้สึกไม่พอใจลึกๆก็แอบอิจฉาพิม สายตาจ้องมองภาพของพิมเข้าไปในห้องของเตชิน
ใช้เวลานานกว่าจะออกมา เธอกำมือแน่น ในใจเต็มไปด้วยความอิจฉา ริษยา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เธออยู่ข้างเขามานานแต่กลับไม่เคยได้สิทธิ์อยู่ลำพังกับเขานานเหมือนพิมมาก่อน
ในวันต่อมา พิมก็มาส่งข้าวเช้าให้เตชินตามปกติ
เมื่อเดินเข้ามาในบริษัท ก็เห็นณัชชายืนคุยกับพนักงานต้อนรับ
พนักงานต้อนรับเอ่ยทักทายเธอ
” สวัสดีค่ะ คุณพิม “
ณัชชาหันมามองพิมด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างเป็นมิตรแล้วเอ่ย
” อ้าวคุณพิมนี่เอง มาส่งข้าวให้พี่เตชินเหรอคะ “
พิมจึงตอบไปว่า
” ใช่ค่ะ ขอตัวนะคะ “
พอพิมหันหลัง ณัชชาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเอ็นดู
” พี่เตชินนี่นะ ใช้งานคุณพิมหนักขนาดนี้ คุณพิมคงเหนื่อยน่าดู งานบ้านก็ต้องทำ
ยังต้องวิ่งมาส่งข้าวส่งน้ำให้พี่เตชินแบบนี้อีก
คุ้มกับเงินเดือนที่ได้หรือเปล่าเนี่ย
ฉันล่ะเอ็นดูคุณพิมจริงๆ “
เมื่อพนักงานได้ยินดังนั้นต่างพากันอึ้งไป
พิมรู้ว่าณัชชามีเจตนาจะทำให้พนักงานรู้ว่าเธอเป็นแม่บ้านของเตชิน
แต่เธอไม่แคร์ไง หน้าที่ของเธอคือกันณัชชาออกไปจากเตชิน ทำให้ณัชชาเลิกสนใจเตชินแค่นี้
แล้วเธอก็หันมายิ้มให้ณัชชาแล้วเอ่ย
” คุณณัชชาจิตใจดีจริงๆเลย ขอบคุณนะคะที่เอ็นดู “
เธอยกแขนขึ้นมามองดูนาฬิกาในมือแล้วทำท่าตกใจ
แล้วเอ่ยกับณัชชาด้วยสีหน้ายิ้มๆแสร้งเกรงใจหน่อยๆ
” โอ๊ะ! จะเที่ยงแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ
คุณเตชินรอฉันไปทานข้าวด้วย เสียมารยาทแล้ว ขอตัวนะคะ “
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินขึ้นลิฟท์ไป ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
ณัชชาโมโหมากที่ทำอะไรพิมไม่ได้เลย แต่ใบหน้าเธอกลับแสร้งยิ้มอย่างเป็นมิตร
พนักงานต้อนรับจึงเอ่ยขึ้นว่า
” ถ้ารองประธานไม่บอกว่าเธอเป็นสาวใช้ในบ้านท่านประธาน
พวกเราก็นึกว่าเธอเป็นแฟนของท่านประธานแล้วค่ะ “
พนักงานต้อนรับอีกคนก็เอ่ยขึ้น
” สมกับเป็นท่านประธาน ช่างมีมาตรฐานในการเลือกสาวใช้จริงๆเลยค่ะ
ทั้งหน้าตา สีผิวและหุ่นล้วนดูดีไปจนหมด
แม้จะตัวเล็ก
แต่ก็เป็นคนตัวเล็กที่น่ารักมากผิวขาวใส ราวกับหิมะ
เป็นสาวใช้ที่ผิวสวยจนน่าอิจฉาเลยค่ะ “
ได้ยินดังนั้นณัชชาก็เอ่ยขึ้น
” ในบริษัทอย่าพูดเรื่องที่ไร้สาระมากจนเกินไป อย่าลืมว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงเวลางาน “
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไปจากเคาน์เตอร์เดินขึ้นลิฟท์ กลับไปที่ห้องของตัวเอง
พนักงานต้อนรับมองหน้ากันแบงงๆ ว่าตัวเองพูดอะไรผิด
จนทำให้รองประธานหงุดหงิดใจหรือเปล่า