พิมเข้าไปเช็ดรอยลิปสติกที่เลอะริมฝีปากออก แล้วเดินออกมา
เห็นเตชินยืนรอหน้าห้องน้ำ เธอทำตาเขียวใส่เขา แล้วเดินผ่านเขาออกไป
เตชินยิ้มอย่างสบายๆ เดินตามเธอออกไป จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้องว่า
” ส่งเธอกลับบ้าน ”
ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยถามขึ้น
” วันนี้คุณชายไม่ให้คุณพิมอยู่ทานข้าวด้วยแล้วเหรอครับ ”
เตชินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจือเย็นชา
” วันนี้ผมกับณัชชาต้องกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์
ไม่รู้ครั้งนี้ จะมีเรื่องน่าสนใจอะไรเซอร์ไพรส์อีกบ้าง ”
” ครับ ”
เอ่ยจบเตชินก็เดินกลับเข้าห้องไป ผู้ช่วยคังก็ไปส่งพิมกลับบ้าน
เมื่อกลับไปถึงห้องพิมเอาชุดทั้งหมดที่เตรียมไว้ยัดใส่ถุงขยะด้วยความอารมณ์เสีย
ตอนนี้เธอไม่รู้วิธีรับมือกับเตชินแล้ว เธอนั่งเครียดด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างจนปัญญา
เตชินก็จ้องแต่จะจับเธอเป็นนางบำเรอ ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเชือกเส้นเดียวบนที่สูงๆ
ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้ตัวเองรอดปลอดภัย
ช่วงบ่ายเตชินกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์พร้อมกับณัชชา
เมื่อทานข้าวเสร็จคุณหญิงจารวีก็เอ่ยขึ้น
” เตชิน อีกเดี๋ยวทนายประจำตระกูลจะมาพูดเรื่องพินัยกรรม ลูกกับหนูณัชชาอยู่รอก่อนนะ ”
” ครับ ”
แล้วพ่อของเตชินก็เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน
” เตชินแล้วช่วงนี้หนูพิมเป็นยังไงบ้าง
เธอสบายดีมั้ย ”
เตชินจึงเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อว่า
” ครับ เธอสบายดี ”
ทุกคนในบ้าน อัศววัฒน์สกุล ต่างก็เข้าใจว่า
พิมคือสาวใช้ที่เตชินถูกใจและกำลังจะแต่งเป็นภรรยาคนที่สอง
คุณหญิงจารวีมองสามีแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่
สบอารมณ์
” คุณจะไปถามถึงสาวใช้ป่าเถื่อน เห็นแก่เงิน
คนนั้นทำไมกัน ”
คุณผู้ชายทวีศักดิ์จึงเอ่ยขึ้น
” คุณหญิง คุณก็อคติเกินไป ”
คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยว่า
” ใครใช้ให้หล่อนมาไถเงินฉันล่ะ ”
คุณผู้ชายทวีศักดิ์ถอนหายใจแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น
” คุณหญิง คุณมีเหตุผลหน่อยสิ เธอเรียกค่าเสียหายจากคุณก็ถูกแล้ว
ใครใช้ให้คุณวางยาลูกชายตัวเองล่ะ ดีที่หนูพิมฉลาด สามารถเอาตัวรอดจากลูกเราได้
ไม่งั้นคุณคงได้ลูกสะใภ้คนที่สองเข้าบ้านเร็วขึ้นกว่านี้แน่ ”
เมื่อพูดถึงเรื่องวางยาณัชชารู้สึกละอายใจ
ที่รวมหัวกันกับคุณหญิงจารวี
เธอจึงเอ่ยขึ้น
” คุณพ่อคุณแม่คะ ณัชชากับพี่เตชินมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบค่ะ ”
ขณะที่ณัชชาพูดสาวใช้ก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ย
” คุณผู้ชายคุณผู้หญิงคะ คุณทนายที่นัดไว้มาถึงแล้วค่ะ ตอนนี้นั่งรออยู่ในห้องรับแขก ”
ได้ยินดังนั้นคุณหญิงจารวีก็ลืมเรื่องที่ณัชชาจะพูดเลย เขาจึงเอ่ยว่า
” คุณทนายมาแล้ว ออกไปกันเถอะ ”
ทุกคนลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่ห้องรับแขกอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ทนายประจำตระกูลจึงเอ่ยว่า
” เมื่อมากันครบแล้วผมจะเริ่มอ่านและชี้แจงเกี่ยวกับพินัยกรรมแล้วนะครับ ”
คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยว่า
” เชิญค่ะ ”
ทนายก็เริ่มอ่านพินัยกรรมแล้วชี้แจงว่า
” คุณหญิงโสภาได้กล่าวไว้ในจดหมายก่อนจากไปว่า
ให้เปิดอ่านพินัยกรรมสามครั้ง คือต้นปี กลางปี และสิ้นปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง
ตามเนื้อหาในพินัยกรรมระบุว่า คุณชายเตชินทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล
สามารถรับมรดกได้ก็ต่อเมื่อ
ทำการสมรสแล้วและมีทายาทกับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแล้วเท่านั้น
และทายาทที่เกิดจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ต้องมีใบรับรองผลตรวจDNAและใบผลตรวจDNA ยืนยันความเป็นทายาทในสายเลือด
หากคุณชายเตชินพ้นอายุ 30 ปี ยังไม่รับมรดกของตระกูล
จะถือว่าทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลได้สละมรดกทั้งหมดนี้
มอบให้แก่มูลนิธิเพื่อเด็กผู้ยากไร้ ด้วยความเต็มใจ ”
ได้ฟังดังนั้น คุณหญิงจารวีก็มองไปยัง
ลูกชายกับณัชชาด้วยแววตาขอร้อง
แล้วทนายความก็เอ่ยว่า
” หน้าที่ของผมได้ทำเรียบร้อยแล้ว ผมขอตัวนะครับ ”
คุณหญิงจารวียิ้มแล้วเอ่ย
” ค่ะ ”
แล้วพวกเขาก็เดินออกไปส่งทนายขึ้นรถกลับ
จากนั้นคุณหญิงจารวีก็หันมาเอ่ยกับลูกชายว่า
” เตชิน รีบมีทายาทให้แม่นะ แม่ไม่อยากเสียมรดกตกทอดทั้งหมดไปให้คนอื่น
คุณยายตั้งใจยกมรดกทั้งหมดให้ลูกคนเดียว
ในเมื่อท่านจากไปแล้ว
ลูกอย่าทำให้ท่านผิดหวังเลยนะ ”
เตชินเองก็คิดหนัก เปิดพินัยกรรมครั้งแรก
เขาไม่ได้อยู่ฟังเพราะไปทำงานต่างจังหวัด
ตอนนี้เขาเข้าใจแม่ของเขาแล้ว ที่เอาแต่เร่งให้เขามีทายาท ในวัย 30 ปี
เขาจึงหันไปเอ่ยกับผู้เป็นแม่ว่า
” คุณแม่ให้เวลาผมคิดก่อนนะครับ ”
เรื่องนี้คุณผู้ชายทวีศักดิ์เอง ก็เข้าใจหัวอกภรรยา เขาจึงจับไหล่ลูกชายแล้วเอ่ย
” เตชิน เรื่องนี้พ่อเข้าใจแม่ของลูกนะ ”
เตชินครุ่นคิดอย่างหนักกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้จะแก้ไขเรื่องนี้ยังไง
ในเมื่อเขาหย่ากับณัชชาไปแล้ว แล้วถ้าจะให้
ณัชชามาท้องลูกของเขา
เขาก็ไม่ยินดีที่จะทำแบบนั้นเพราะเขาไม่ได้รักณัชชาในเชิงชู้สาวเลย
ณัชชาที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น
” หนูกับพี่เตชิน เราหย่ากันแล้วค่ะ ”
คุณหญิงจารวีและสามีที่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ
คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยถามว่า
” หย่ากันแล้ว หนูณัชชาล้อเล่นใช่มั้ย ”
เตชินเอ่ยจึงยืนยันขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า
” พวกเราหย่ากันแล้วจริงๆครับ เราไม่ได้รักกัน จะรั้งกันไว้ให้เสียเวลาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปทำไม ”
คุณหญิงจารวีมองลูกชายด้วยความเสียใจแล้วเอ่ยด้วยความโมโห
” เป็นเพราะนางคนใช้ชั้นต่ำนั่นใช่มั้ย ที่ทำให้ลูกกับหนูณัชชาหย่ากันน่ะ ”
คุณผู้ชายทวีศักดิ์จึงเอ่ยขึ้น
” คุณหญิง พวกเขาก็พูดชัดเจนแล้ว
คุณจะโยงไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นทำไม
ผมไม่ชอบนิสัย ชอบดูถูกคนของคุณหญิงเลย ”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกันขึ้นมานิดหน่อย
ณัชชาจึงเอ่ยขึ้นอย่างใจกว้าง แต่ในใจเธออยากใช้โอกาสนี้ให้กำเนิดทายาทให้เตชินมากกว่า
” ถ้าจำเป็นจริงๆ หนูก็ยินดีท้องทายาทให้พี่เตชินนะคะ
ในเมื่อเราไม่ได้รักกัน ก็จดทะเบียนสมรสแค่ในนาม
หลังจากรับมรดกเสร็จแล้วค่อยไปหย่ากัน
พี่เตชินคิดว่าไงคะ ”
คำพูดของณัชชา เตชินสนใจเพียงแค่
ประโยคเดียว คือ จดทะเบียนสมรสแค่ในนาม
พอเตเตชินคิดอะไรได้ ก็เอ่ยตอบไปว่า
” จดทะเบียนสมรสแค่ในนาม เป็นความคิดที่
ไม่เลว ”
ณัชชาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มด้วยความดีใจ ที่เตชินเห็นด้วยกับความคิดของเธอ