“สุดยอด!! ที่นี้มีของขายเยอะแยะ ต่างจากที่หมู่บ้านลิบลับเลย”
เทลตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อเห็นตลาดของแกรนเทล ที่เต็มไปด้วยพ่อค้ามาตั้งแผงลอยขายของกันในพื้นที่ ที่จัดเอาไว้
อันที่จริงเธอต้องไปช่วยมีเรียเลือกดูของใช่ที่จำเป็น แต่แอบหนีมาจากมีเรียเพราะไม่อยากช่วยเธอยกของซักเท่าไหร่นัก และเลือกที่จะมาเดินดูตลาดด้วยตัวเอง
“ลุงๆ นี้มันอะไรอะ”
เทลชี้ไปที่รูปปั้นผู้ชายที่มีหน้าตาอันหล่อเหลาผมสีดำ เขาใส่ชุดเกราะที่ดูสง่างามและสูงส่ง กำลังชูดาบขึ้นไปบนฟ้าราวกับจะท้าทายสิ่งที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าตนเองร้อยเท่าพันเท่า
“โอ้ว คุณหนูตาถึงนี้ นี้นะคือรูปปั้นจำลองของผู้กล้ารุ่นแรก’คิรามิ แกรนเทล’ยังไงละ”
“เอาจริงดิ!! อันนี้ราคาเท่าไหร่อะ”
“ราคาจริงๆมัน5เหรียญทอง แต่ท่าคุณหนูสนใจลุงขายให้2เหรียญทองเลยเอ้า!!”
“ทำไมมันแพงจังเลยละ ลุง”
“คุณหนูลองสังเกตุดูดีๆสิ รูปปั้นนี้มีรายละเอียดสูงมากเลยนะ ถึงจะเห็นเล็กๆแบบนี้ก็เถอะ แต่ของแบบนี้ทำกันเป็นวันๆเลยนะ แถมยังลงสีโดยช่างด้วย จะแพงก็ไม่แปลกหรอก”
เทลควักถุงเงินของตัวเองเปิดขึ้นมาดู ซึ่งในนั้นบรรจุเงินไว้เพียง3เหรียญเงินเท่านั้น เธอถอดหายใจเบาๆ ก่อนที่จะเอาถุงเงินกลับไปไว้ที่เดิม คงต้องตัดใจจากมันแล้วละ
“นี้ 2 เหรียญทองคะ คุณลุง”
“โอ้ว ขอบคุณมากคุณหนูแสนสวย”
เจมินี่หยิบฟิกเกอร์ผู้กล้าและยื่นไปให้กับเทล ก่อนที่เธอจะทำท่าเหมือนจะไม่อยากรับมันจากเจมินี่และปัดมือของเจมินี่เบาๆ เป็นการปฏิเสธ
“คุณเจมินี่ไม่เห็นต้องซื้อให้หนูเลยนี้ นี้มันตั้ง2เหรียญทองเลยนะ แถมมันยังเป็นรูปปั้นโง่ๆ ที่ทำประโยชน์อะไรไม่ได้อีก”
“แหมๆ ถึงอย่างงั้นเทลเองก็อยากได้ไม่ใช่เหรอจ๊ะ แถมนี้มันไม่ใช่แค่รูปปั้นโง่ๆ หรอกนะ มันคือศิลปะต่างหากละ”
“อะไรคือศิลปะละนั้น?”
“จะให้อธิบายมันก็ยากอยู่นะ แต่เอาเถอะ ถ้าให้พูดมันก็คือการทำอะไรสักอย่างให้ออกมาเป็นอะไรสักอย่างที่ให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างโดยมีความตั้งใจที่จะสร้างมันขึ้นมาเพื่อสื่อสารอะไรบ้างอย่างออกมาจากชิ้นงานนั้นๆ ไงละจ๊ะ”
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย.. อะไรคืออะไรสักอย่างโดยสื่ออะไรบางอย่างละ”
“อืม~ ถ้าให้ยกตัวอย่าละก็…ก็เหมือนเสื้อผ้าที่ฉันออกแบบและตัดเย็บมันออกมาไง ฉันตั้งใจทำมันทุกตัวด้วยมือตัวเองเลยนะ สิ่งที่ฉันต้องการก็แค่อยากจะเห็นคนที่ใส่ชุดที่ฉันทำขึ้น เห็นค่าของมันและสามารถสวมใส่อย่างมั้นใจและมีความสุขที่ได้ใส่มันออกไปให้คนอื่นชื่นชม รูปปั้นอันนี้ก็เหมือนกัน คนที่ทำผลงานชิ้นนี้นะ ต้องการให้ใครสักคนเห็นค่าของมันและมีความสุขที่ได้ซื้อมันเก็บไว้เพื่อชื่นชมยังไงละ”
“แต่อย่างน้อยเสื้อผ้าของคุณเจมินี่ยังใส่ได้ แต่รูปปั้นนี้ทำได้แค่ตั้งโชว์ไว้เฉยๆเองนะ”
“ก็อาจจะจริงอย่างที่เทลว่านั้นแหละ แต่ว่าเทลมีความสุขที่ได้รับมันจากฉันไหมละจ๊ะ?”
เจมินี่ยิ้มอ่อนๆ ให้กับเทลก่อนจะยื่นฟิกเกอร์ผู้กล้าไปให้เทลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเธอจะรับมันไว้ด้วยความยินดี
“ขอบคุณคะ คุณเจมินี่”
“ด้วยความยินดีจ๊ะ”
เธอรับฟิกเกอร์ของผู้กล้าเอาไว้ด้วยตาเป็นประกาย ทางเจมินี่เองก็เหมือนจะมีความสุขที่ได้เห็นเทลยิ้มกรุบกริบ
“ดูเหมือนท่าทางเทลจะชอบผู้กล้าน่าดูเลยนะ”
“แน่นอนสิ!! ก็เขากล้าหาญนี้!! เขาคือคนในตำนานที่เคยกอบกู้โลกเลยนะ!! จะให้หนูเล่าตำนานของเขาให้ฟังไหม!!!”
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วละจ๊ะ แต่จะว่าไปพวกหม่าม๊าอยู่ตรงไหนกันนะ.. ทั้งๆที่ตอนออกมาก็บอกให้รอหน่อยแท้ๆ”
“ถ้าคุณหม่าม๊าอยู่กับป้ามีเรียตรงโน้น ให้หนูพาไปหาไหม? คุณเจ้าหญิง”
เทลพูดพร้อมกับยื่นมือมาทางเจมินี่ ทางเจมินี่
แม้จะตกใจเล็กน้อยที่ถูกเรียกว่าเจ้าหญิง แต่สักพักเธอก็ยิ้มออกมา
“งั้นหม่อมฉันคงต้องรบกวนท่านเวลาของท่านแล้วสินะเพคะ ท่านผู้กล้าตัวน้อย”
“ไว้ใจหนูได้เลย เจ้าหญิง!!”
เทลจูงมือเจมินี่เดินไปฝ่าฝูงชนเพื่อไปหาพวกไทเอลและมีเรีย ดูเหมือนตอนนี้พวกเธอจะสนิดกันมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
.
.
.
.
“เอ่อ..ฉะ.ฉันชื่อมารีคะ!!! ไม่ทราบว่าคุณชืออะไรคะ!!”
เด็กสาวคนหนึ่งถามชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เขามีผิวสีเข้มหน้าตาหล่อเหลามีบรรยากาศรอบๆตัวที่ดูลึกลับใส่ชุดสีดำและมีเสื้อคลุมสีขาวเป็นแฟชั่นที่แปลกประหลาด แต่กลับทำให้เขาดูดีมาก เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเธอก็ตกหลุมรักเขาทันที
“ผมชื่อไทเอล ไม่ทราบว่าผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ”
“มะ..ไม่มีอะไรหรอกคะ!!! ก็แค่….อยากจะชวนคุณไปกินข้าวด้วยกับฉันสัก–อี้!!!”
มารีร้องเสียงหลงออกมา เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเขากำลังส่งสายตาพิฆาตมาทางเธอ ในมือของผู้หญิงคนนั้นถือแท่งหมุดอันใหญ่อยู่ แถมปากเองก็ขยับเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับเธอ แม้เธอจะอ่านปากไม่ค่อยเก่งแต่ในนั้นต้องมีคำว่า’ตาย’อยู่แน่นอน
“เป็นอะไรไปรึเปล่าครับ?”
“มะ..ไม่มีอะไรคะ!! ฉันขอตัวก่อนนคะ!!”
พูดจบมารีรีบวิ่งหนีจากไป โดยปล่อยให้ไทเอลยืนงงอยู่ตรงนั้น
“หม่าม๊านี้ยังเนื้อหอมเหมือนเดิมเลยเนอะ!!”
เจมินี่ที่อยู่ด้านหลังไทเอลก็พูดพร้อมกับยิ้ม ดูท่าทางเหมือนเธอจะไม่ได้โกรธไทเอลเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆๆๆ ก็ช่วยไม่ได้นี้ครับ ก็ผมหน้าตาดีนี้นะ”
“ใช่แล้วละ…ก็หม่าม๊าหน้าตาดีนี้น่า ..ก็เพราะหน้าดีนี้แหละ..ถึงได้มีพวกนังหมูสกปรกพยามมาแย่งเธอไปจากฉัน…พึมพำๆๆๆๆ”
สายตาของเจมินี่ดูว่างเปล่า เธอบ่นพึมพำอะไรสักอย่างซ้ำไปซ้ำมาและก็กัดเล็บของตัวเอง จนไทเอลที่มองอยู่ก็เริ่มรู้สึกกลัวคู่ของตัวเองนึดๆ แล้วเหมือนกัน
“เอ่อ….คนเมื่อกี้แค่มาชวนไปกินข้าวเท่านั้นเองนะครับ แถมผมก็กะจะปฏิเสธอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี้ครับ”
“อ๊ะ!! ใช่แล้วละ!! ก็หม่าม๊ารักแม่คนเดียวนี้น่า…ไม่สิยังมีอีกคนสินะ..ในอนาคตเองก็อาจจะมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นๆๆๆๆๆๆๆ จนความรักที่เคยได้หายไปหมด ต้องทำอะไรสักอย่าง ต้องทำอะไรสักอย่าง!!!”
“….”
ตอนนี้เจมินี่อยู่ในโหมดหึงโหดเต็มตัวไปเสียแล้ว หากเธอพูดอะไรที่ไม่เข้าหูไปละก็คงไม่พ้นโดนดัดหลังอีกแน่นอน
“นึกออกแล้ว!! หม่าม๊ามานี้แปปนะ”
“…..”
ไทเอลรู้ดีว่ามันต้องเป็นเรื่องแย่ๆอีกแน่ๆ แต่เธอก็ปล่อยให้เจมินี่ลากไปอยู่ดีเพราะไม่อยากขัดใจเธอซักเท่าไหร่นัก
“แม่ของเธอเนี้ยปกติดูใจดีนะ แต่ตอนนี้น่ากลัวชะมัดยาด”
“คุณแม่ของคาลไม่ได้น่ากลัวซักหน่อย!! ก็แค่..รักหม่าม๊ามากไปหน่อยเท่านั้นเอง..”
“ดูท่าทางเธอไม่ค่อยมั้นใจในคำพูดตัวเองเท่าไหร่เลยนะคาล แต่เอาเถอะ ทางนี้ก็มีป้ามีเรียที่น่ากลัวสำหรับฉันละนะ”
“ป้ามีเรียน่ากลัวเหรอ? ไม่อะออกจะน่ารักจะตายคาลชอบป้ามีเรียนะ”
“เธอยังไม่รู้ความน่ากลัวที่แท้จริงของป้ามีเรียหรอก ป้ามีเรียนะขี้หงุดหงิดจะตาย วันๆเอาแต่บ่นให้ฉันทำตัวให้เหมือนเด็กผู้หญิงทั้วไปอยู่เรื่อย ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่เหมือนผู้หญิงทั้วไปแท้ๆ มีป้าที่ไหนบ้างสามารถยกกระสอบผลริกิทีเดียว5อันได้ละ ขนาดผู้ชายตัวโตๆยังทำไม่ได้เลย แถมยังชอบแอบกินขนมอีก ทั้งๆที่อายุปูนนั้นแล้วแท้ๆ ทำตัวเป็นสาวๆไปได้ ป้าเองก็อายุก็–“
“ขอโทษที่ป้าทำตัวเป็นเด็กนะ เทล”
เทลค่อยๆหันกลับไปช้าๆ มองไปที่ด้านหลัง ก็พบกับมีเรียที่หิ้วของพะรุงพะรังกำลังมองเธออยู่
“ปะ..ป้ามีเรียซื้อของกลับมาเร็วจังเลยนะ แหะๆๆ”
“หัวเราะกลบเกลื่อนไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอหรอกนะ”
“แต่ป้ามีเรีย!! หนูไม่ตั้งใจนินทาป้าเลยนะ!! “
“นินทาก็คือนินทาไม่มีคำว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจทั้งนั้น แถมยังหนีไปเล่นคนเดียวไม่ยอมช่วยป้าดูน้องอีก พอกลับไปที่โรงแรมเมื่อไหร่เธอโดนดีแน่”
“ค…คะ”
เทลยอมรับความผิดแต่โดยดี แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่อยากขัดใจป้าที่เลี้ยงเธอมาเหมือนกัน
“โดนดีแน่!!!”
ดรีมที่จูงมือมีเรียอยู่ก็วิ่งไปตีเทลที่กำลังซึ่มด้วยมือน้อยๆของตัวเองพร้อมกับพูดตามมีเรีย
“เดี๋ยวเถอะ กล้ามาตีพี่ได้ไง แบบนี้ต้องโดนลงโทษ!!”
“ว้ายๆๆ”
“เดี๋ยวเถอะ!! อย่าวิ่งนะทั้ง2คน!!”
ดรีมวิ่งหนีเทลที่ไล่ตามมาพร้อมกับตะโกนให้ดรีมหยุด จนออกห่างจากพวกมีเรียมาเรื่อยๆ จากพื้นที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนและพ่อค้า เปลี่ยนกลายมาเป็นโซนที่พักอาศัยโทรมๆ ที่ดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่นัก
“หยุดนะดรีม!! เธอจะวิ่งไกลเกินไปแล้ว!! เดี๋ยวก็หลงหรอก!!”
“ม่ายหยุด!!”
“แบบนี้ไม่ตลกแล้วนะดรีม!! พี่จริงจังอยู่นะ!!”
“สนุกจางเย้ยย..อุก!!”
“ดรีม!!!”
ดรีมวิ่งไปชนกับชายร่างยักคนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนถนนจนล้มลงไป เธอรีบวิ่งไปดูอาการของน้องทันที
“อุแง้~ เจ็บอ่า~”
“โอ๋ๆๆ ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่บอกแล้วว่าให้หยุดวิ่งก่อน ก็ไม่ยอมเชื่อ”
“อะไรของพวกแกวะ ไอ้พวกเด็กเปรต!!”
“ขอโทษด้วยคะ น้องหนูเขา–“
เทลพยามจะขอโทษชายคนนั้น แต่ก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่เธอคุ้นเคย มันเป็นใบหน้าที่เธอจะไม่มีวันลืมมันเด็ดขาด
“หืม? แกนี้มันหน้าคุ้นๆ นี้หว่า”
“ลุงจำผิดแล้วละ ไปกันเถอะดรีม”
“เดี๋ยวเซ่ จะรีบไปไหนวะ ยังคุยกันไม่จบเลยนะเว้ย!!”
“ปล่อยนะ!!”
เทลพยามจะเลี่ยงเดินหนี แต่ก็ถูกชายคนนั้นจับไว้ซะก่อน
“ปล่อยพี่เทลของหนูนะ!!”
“เทลงั้นเหรอ? อ๋อจำได้สักที ก็ว่าทำไมหน้าถึงคุ้นๆ แกมันเป็นลูกของอีตัวแอนนี่นี้หว่า”
“อย่ามาเรียกแม่ของฉันว่าอีตัวนะ!! ไอ้ห้วโล้น!!”
“เหอะๆ ปากดีไปเถอะ แกมันก็กระหรี่เหมือนแม่ของแกนั้นแหละ”
“หุบปากเน่าๆ ของแกไปเถอะ!! ไอ้ชั่ว!! เป็นเพราะแกพี่ถึงได้กลายเป็นแบบนั้น!!”
“อะไรกันๆ ข้าก็แค่ฝึกไอ้มันเป็นกระหรี่ที่ดีเหมือนแม่แกไง”
“แก!!!”
เทลหยิบมีดอันเล็กที่แหน็บไว้ตรงเอวออกมาด้วยความโกรธ โดยหวังจะแทงชายคนนั้นและใช้จังหวะนั้นพาดรีมหนีไป แต่ก็ถูกจับมือข้างที่ถือมีดนั้นได้ไว้เสียก่อน และก็ยกร่างของเทลด้วยมือเพียงข้างเดียวไม่ว่าจะพยามดิ้นยังไงก็ไม่อาจหลุดได้
“คิดจะแทงฉันมันยังเร็วไปร้อยปี แต่ว่าท่าแกยังอยากโดนฉันแทงอีกก็ไม่ขัดข้องหรอกนะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“หนอยยย!!!”
“ปล่อยพี่เทลนะ นี้แนะๆ!!!”
“เกะกะวะ”
ปึกกก!!
“ดรีม!!!”
ชายคนนั้นใช้เท้าเตะร่างเล็กๆ ของดรีมจนลอยไปกระแทกกับกำแพงของบ้านหลังหนึ่ง
“ใครก็ได้ช่วยด้วย!!! ขอร้องละ!!!”
เทลพยามร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนี้ แต่พวกเขาก็ทำแค่มองเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเองและก็เดินผ่านไป
“ช่วยน้องสาวหนูที!! อย่างน้อยก็ช่วย–อุก!!”
เทลถูกชายคนนั้นต่อยเข้าไปที่ท้องจนไม่อาจพูดได้อีกเพราะความจุก
“คนแถวนี้ไม่มีใครเขาอยากมีเรื่องกับแก๊งราชามารหรอกน่า ร้องไปก็เท่านั้นแหละ”
“อ..ไอ้..ช..ชั่ว”
“ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณสำหรับคำชมวะ ไหนๆก็ผ่านมาตั้ง7ปีแล้ว ทำไมไม่มาลองเช็คของกันหน่อยละ”
เมื่อเขาพูดจบเขาก็พยามจะจับหน้าอกของเทล ตอนนี้เทลหลั้งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บใจเธอไม่อาจจะปกป้องน้องสาวตัวเองได้ นอกจากนี้ยังจะถูกคนที่เธอเกลียดที่สุดมาแตะต้องร่างกายเธออีกครั้ง
“ไม่คิดว่านั้นเป็นการกระทำผิดกฏหมายบ้างเหรอครับ? คุณหัวโล้น”
ไทเอลปรากฏตัวขึ้นมาจับมือของชายคนนั้นเอาไว้ก่อนที่จะสัมผัสหน้าอกของเทลเพียงแค่ปลายนิ้ว
“แกเป็นใคร โอววววว!!”
เมื่อชายคนนั้นหันกลับมาก็ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง ตอนนี้ไทเอลอยู่ในชุดเดรสสีม่วงที่เปิดเผยสัดส่วนของเธอพอสมควร ด้านบนของชุดเป็นแบบคอลึกเผยให้เห็นหน้าอกของไทเอลที่มีขนาดใหญ่มหึมา ส่วนด้านล่างที่เป็นกระโปรงนั้นก็เป็นแบบเว้าเผยให้เห็นขาอ่อนของเธอ ซึ่งตอนนี้ไทเอลมีผมยาวตรงสีดำ ตาสีแดงแดดเลือด ตอนนี้เรียกได้ว่าไทเอลนั้นคือสาวงามที่มีใบหน้าคมและรูปร่างที่ดียิ่งกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ด้วยผิวสีแทนและรูปร่างของเธอนั้นเรียกได้ว่าเซ็กซี่สุดๆ
“จะจ้องผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ช่วยปล่อยลูกสาวของผมก่อนได้รึเปล่า?”
“อะ..อืม”
ด้วยอะไรสักอย่างที่เหมือนมนต์สะกดเขา ช่วยคนนั้นทำตามที่ไทเอลพูดอย่างว่าง่าย
“ถ้าลุกไหวแล้วช่วยไปรวมกับคุณเจมินี่ตรงดรีมได้ไหมครับ เดี๋ยวทางนี้ผมมีเรื่องที่ต้องคุยอะไรกับเขานึดหน่อยนะ”
“อะ..อือ”
เทลทำตามอย่างว่าง่ายชายคนนั้นมองตามเทลที่วิ่งไป ก็พบกับหญิงสาวอีกคนที่ใส่ชุดเดรสสีขาว เธอมีใบหน้าที่งดงามกำลังอุ้มดรีมไว้ในอ้อมแขน รูปร่างของเธอผอมเพรียวและดูบอบบางยิ่งกว่าแก้ว ผิวสีขาวอมชมพูนั้นราวกับว่าแค่แตะเธอก็ละลายหายไปได้ เขาตะลึงในความงามของทั้งสองเพียงแค่แรกเห็นเพียงเท่านั้น
“เอาละ นี้คือการเอาคืนสำหรับดรีมครับ”
“อ็อกกก!!!”
ตูม!!!
“กรื้ดดดด!!”
ชายคนนั้นถูกไทเอลเตะเข้าไปที่ท้องจนกระเด็นไปติดที่กำแพงบ้านหลังหนึ่งจนทะลุ หญิงสาวที่อยู่ในบ้านหลังนั้นก็ร้องกรื้ดออกมาด้วยความหวาดกลัว
“และนี้สำหรับเทลครับ”
“อ้วกกก!!”
ไทเอลใช้ขาที่ใส่ส้นสูงถีบไปที่ท้องของเขาโดยใช้เพียงปลายเท้าเพียงเท่านั้น เพื่อไม่ให้ส้นของรองเท้าแทงไปที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ ของเก่าที่เขากินเอาไว้คายออกมาทางปากจนเกือบหมด
“ส่วนนี้ของแถมจากผมครับ”
ปึก!!!
ไทเอลเตะซ้ำไปที่ปลายคางของเขาจนสลบไปในทันทีในการโจมตีเพียง3ครั้งเท่านั้น และไทเอลก็หันกลับมามองผู้หญิงที่น่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นที่กำลังมองเธอด้วยสายตาหวาดกลัวเธออยู่
“คุณคงเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ใช่ไหมครับ?”
“อะ..อือ”
“ถ้างั้นได้โปรดรับนี้เป็นค่าซ่อมแซมกำแพงบ้านด้วยนะครับ และก็ขอโทษที่มารบกวนวันดีๆแบบนี้ด้วย”
ไทเอลยื่นถุงเงินให้กับเธอ เมื่อเปิดออกมาเธอก็พบกับเงินจำนวน15เหรียญทองบรรจุไว้ข้างใน ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากพอที่จะซ่อมแซมบ้านหลังนี้ทั้งหลังได้เลย
“นี้เธอ..รู้ไหมว่าทำอะไรลงไป”
“ก็แค่คุยกับคุณหัวโล้นเท่านั้นแหละครับ? ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
“ถ้างั้นก็รีบออกจากเมืองนี้ไปซะ ชายคนนี้เป็นรองหัวหน้าแก๊งราชามารที่ทำให้เมืองชั้นนอกนี้ต้องเสื่อมโทรมลงกว่าเดิมเพราะพวกมัน มันเป็นแก๊งที่มีอิทธิพลในแถวนี้มาก คนที่กล้าหาเรื่องกับมัน มันไม่ปล่อยไว้หรอกนะ”
“ขอบคุณสำหรับคำเตือนครับ ไว้ผมจะระวังตัว”
ไทเอลส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะเดินออกไปอย่างสบายใจ
“หยุด!! นี้คือ- โอววววว!!”
เขาร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นหน้าอกของไทเอล เขาคือทหารที่รีบวิ่งมาดูสถานะการณ์เพราะมีคนไปแจ้งว่ามีคนทำร้ายร่างกายเด็กผู้หญิงอยู่ เมื่อเขามาถึงก็ไม่เจออะไรนอกจากกำแพงบ้านหลังหนึ่งมีรูจึงรีบวิ่งมาดูก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดค่อนข้างวาบหวิว หน้าอกหน้าใจของเธอนั้นเรียกได้ว่าใหญ่ไม่แพ้เผ่ามิโนทอรัสเลยทีเดียว
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ?”
“……”
“ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะครับ ที่คุณจะจ้องหน้าอกขอผม แต่ว่าท่าไม่มีธุระอะไรกับผมละก็ คงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“ดะ..เดี๋ยวก่อน!!”
ทหารหนุ่มจับแขนของไทเอลที่กำลังเดินจากไปเอาไว้ เพราะเขายังไม่เสร็จธุระกับเธอ
“สรุปมีธุระกับผมสินะครับ”
ไทเอลหันกลับมาถามทหารหนุ่มที่จับแขนของเธอเอาไว้
“ธุระเหรอ? แน่นอนสิท่าเห็นถึงขนาดนี้ไม่มีธุระด้วยก็บ้าแล้ว!!”
ไทเอลเตรียมควักขวดน้ำยาสีแดงสำหรับลบความทรงจำ แม้เธอจะไม่อยากใช้มันกลางเมืองแต่คงไม่มีทางเลือกซักเท่าไหร่นัก
“เธอนะ..มะ..มี..แฟนรึยัง!!”
“?????”
ไทเอลค่อนข้างงงกับคำถามของทหารหนุ่ม ตอนแรกเธอนึกว่าตัวเองจะโดนจับกุมเสียอีก แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เธอจึงเก็บขวดน้ำยาสีแดงกลับไป
“ถ้าหมายถึงคู่ละก็มีแล้วละครับ แถมยังมีลูกด้วยกันด้วยนะครับ”
ไทเอลตอบทหารหนุ่มไปด้วยใบหน้ายิ้มอย่างเป็นมิตรที่ชอบทำเป็นประจำ แต่เหมือนคำตอบของเธอจะทำให้ทหารหนุ่มสิ้นหวังน่าดู
“หากหมดคำถามแล้ว ผมก็ขอตัวก่อนนะครับ บังเอิญคู่ของผมกำลังรออยู่”
ไทเอลสะบัดมือของทหารหนุ่มทิ้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในตรอกปล่อยให้ทหารหนุ่มคนนั้นยืนช็อคอยู่ตรงนั้นต่อไป ไทเอลเดินไปเรื่อยๆ จนเจอเจมินี่ที่กำลังอุ้มดรีมไว้ในอ้อมอก
“อาการเป็นยังไงบางครับ คุณเจมินี่”
“ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอก ให้กินซุปเปอร์โพชั่นไปแล้วคิดว่าสักพักน่าจะฟื้นแล้วละ”
“งั้นก็ดีแล้วละครับ…. ถ้างั้นช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับว่าชายคนนั้นเป็นใครได้ไหมเทล”
“……….”
เทลไม่พูดอะไรเธอเลือกที่จะเบือนหน้าหนีไทเอล
“ผมรู้อดีตของพวกคุณจากคุณแอนนี่เรียบร้อยแล้วครับ แต่หากไม่สบายใจที่จะพูดตอนนี้ผมก็ไม่ห้ามอะไรหรอกนะครับ”
“แม่…เล่าหมดเลยเหรอ?”
เทลถามออกมาด้วยน้ำเสียบที่ฟังดูอ่อนแรง
“ใช่แล้วละครับ เธอเล่าให้ผมฟังทั้งหมดเลยครับ”
“งั้นเหรอ..ท่างั้น..คุณหม่าม๊าคงรู้ใช่มั้ย ว่าหนูกับพี่เกิดในซ่องนะ”
“ครับ…”
“ก็ได้…หนูจะเล่าให้ฟังละกัน.. แต่ขอเวลาหนูสักพักหน่อยนะ ตอนนี้หนูรู้สึกเหนื่อยนึดหน่อยนะ”
“แน่นอนครับ นานแค่ไหนผมก็จะรอ”
“เอาละนะ 3 2 1 ไฟต์!!”
แปะๆ
เทลนับถอยหลังและตบไปที่แก้มของตัวเองเบาๆ เพื่อไล่ความรู้สึกด้านลบของตัวเองออกไป
“พร้อมแล้วละ!!”
“เร็วจังเลยนะครับ จะใช้เวลานานกว่านี้ก็ได้นะครับ”
“ม่ายๆๆ ขืนใช้เวลานานก็ไม่สมกับเป็นหนูสิ”
เทลพูดพร้อมกับยิ้มอย่างร่าเริ่งให้กับไทเอล
“จริงๆแล้วไอ้โล้นนั้นเป็นน้องชายของเจ้าของซ่องที่พวกหนูอยู่ เหมือนไอ้โล้นนั้นจะได้เป็นครั้งแรกของพี่ด้วย หลังจากนั้นมันก็ข่มขืนพี่ซ้ำๆ ทุกวันพร้อมกับทุบตีพี่ที่ร้องไห้จนหยุดร้อง ก็เลยทำให้พี่เป็นโรคกลัวผู้ชายไปเลย แต่ถึงอย่างงั้นพี่ก็ถูกบับคับให้รับแขกอยู่ดี ส่วนทางหนูเองตอนนั้นก็ถูกรับแขกพร้อมพี่ด้วยละนะ…แม้จะไม่เท่าพี่ก็เถอะ…”
“ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเล่าแล้วละครับ ผมพอเดาเนื้อหาคร่าวๆหลังจากนี้ได้แล้วเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไร..ใกล้จะเล่าจบแล้วละ หลังจากซ่องถูกทำลายเจ้าของและผู้เกี่ยวข้องถูกฆ่าตายทั้งหมด พวกเราก็ถูกปลดปล่อยหลังจากนั้นไม่นานดรีมก็เกิดมา ตอนนั้นหนูก็เลยสัญญากับตัวเองว่าจากนี้ไป หนูจะไม่กลัวอะไร จะปกป้องแม่ พี่และดรีมให้ได้ แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำอะไรไม่ได้แถมยังปล่อยให้ดรีมอยู่ในสภาพนั้นอีก…หนูนี้มันอ่อนแอเป็นบ้า….น่าสมเพชที่สุด…”
เทลร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเอง เธอไม่สามารถแม้แต่ปกป้องน้องสาวคนเล็กของเธอได้เลย เธอไม่เคยเจ็บใจและผิดหวังในตัวเองถึงขนาดนี้มาก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุรไม่กลัวผู้ชายคนนั้นแถมยังกล้ายืดหยัดที่จะปกป้องครอบครัวตัวเองก็เก่งมากแล้วละ”
ไทเอลพูดพร้อมกับกอดเทลไว้ในอ้อมอกเพื่อปลอบใจเธอ
“หนูมันไม่ได้เรื่อง…ทำอะไรก็ไม่ได้ดีไปสักอย่าง”
“ก็ไม่มีใครมันเก่งได้ทุกเรื่องหรอกครับ ขนาดผมเองก็ยังมีบางอย่างที่ผมทำไม่ได้อยู่ตั้งเยอะเลยนะครับ”
“แต่ถึงอย่างงั้นหนูก็ปกป้องดรีมไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละ”
“คุณก็พยามเต็มที่แล้วไม่ใช่เหรอครับ เพราะเสียงร้องขอความช่วยเหลือของคุณ ผมจึงสามารถตามมาช่วยเหลือพวกคุณได้ทันยังไงครับ ถ้าไม่ได้เสียงของคุณผมเองก็จนปัญญาเหมือนกัน”
“งั้นเหรอ..คุณหม่าม๊าหูดีจริงๆด้วยสินะ”
“แน่นอนครับ ก็ผมอายุยังน้อยนี้ครับ”
“นี้….คุณหม่าม๊าหนูมีเรื่องจะขอหน่อยได้ไหม..”
“ว่าไงครับ?”
“หนูอยากจะขอยืมหน้าอกของคุณแทนหมอนหน่อยได้ไหม..ตอนนี้หนูรู้สึกเหนื่อยมากๆเลย..อยากจะขอนอนสักงีบได้รึเปล่า”
“ได้แน่นอนสิครับ ไม่มีหม่าม๊าคนไหนปฏิเสธคำขอร้องของลูกสาวหรอกนะครับ”
“ขอบคุณนะ..คุณหม่าม๊า”
ไทเอลลูบหัวของเทลที่นอนอยู่ตรงหน้าอกของเธอ พอผ่านไปได้สักพักเทลก็หลับสนิดไป ด้วยความเหนื่อยล้า
“ผมรู้ว่าคุณคิดจะทำอะไรนะครับ ช่วยใจเย็นๆและวางเข็มยักนั้นลงไปก่อนได้รึเปล่าครับ คุณเจมินี่”
ไทเอลพูดเตือนเจมินี่ที่กำลังกำหมุดในมือของเธอแน่นจนมือสั่น เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เธอโมโหสุดๆ จนพลังเวทของเธอเออล้นออกมาจนทำให้ไทเอลสัมผัสได้อย่างชัดเจน
“ทำไมละ!!! หม่าม๊าก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าเด็กพวกนั้นโดนทำอะไรบ้าง!! ถ้าไม่ฆ่ามันละก็..แม่เองก็ไม่หายโมโหหรอกนะ!!!”
“ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดีครับ.. แต่ว่าพวกเราเองก็มีกฏที่จะไม่ฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราแม้คนๆนั้นจะชั่วแค่ไหนก็ตาม คุณลืมไปแล้วเหรอครับ?”
เมื่อไทเอลพูดจบเจมินี่เองก็สลายหมุดเวทมนต์ในมือทิ้งไป และกลับไปดูอาการของดรีมที่กำลังนอนสลบไม่ได้สติอยู่
“พวกเราทำอะไรคนพวกนั้นไม่ได้เลยเหรอ..”
“ก็ตามนั้นครับ เราทำอะไรคนพวกนั้นไม่ได้เลย…แต่ว่าคืนนี้ผมคิดว่าอยากจะทำการทดลองอะไรนึดหน่อยนะครับ”
“จะทดลองสินะ…ให้แม่ช่วยด้วยไหม”
“แน่นอนครับ ก็ความสามารถของคุณเป็นสิ่งจำเป็นสิ่งจำเป็นในการทดลองครั้งนี้ครับ”
“หม่าม๊าอยากให้แม่ช่วยทำอะไรดีละ”
“ก็แค่…..”
.
.
.
.
“เทล!! ดรีม!!!”
มีเรียวิ่งไปดูอาการของเด็กทั้งสองที่ถูกอุ้มอยู่ด้วยความเป็นห่วง แม้ตัวเธอจะมีของพะรุงพะรังก็ตาม
“ใจเย็นๆสิครับ ทั้งสองก็แค่หลับไปเท่านั้น ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรร้ายแรงเลยครับ”
“นี้มันเกิดอะไรกันขึ้นคะ คุณไทเรล”
“เผอิญ2คนนี้วิ่งไปจนถึงฝั้งสลัมในเมือง และบังเอิญไปเจอคนไม่ดีเข้า แต่ไม่ต้องห่วงผมจัดการไปเรียบร้อยแล้วละครับ”
“งั้นเหรอคะ.. ฉันน่าจะวิ่งตามพวกเธอไปตั้งแต่แรก แต่กลับคิดว่าเดี๋ยวเทลก็พาดรีมกลับมาเอง…ฉันนี้บกพร่องจริงๆ มาประมาทช่วงสำคัญแบบนี้ซะได้”
“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกครับ นั้นก็เพราะคุณต้องดูแลลูกสาวของผมไม่ใช่เหรอครับ ไหนจะเรื่องของที่แบกมาอีก เพราะอย่างงั้นอย่าโทษตัวเองเลยครับ”
“ไม่หรอกคะ รอบนี้เป็นเพราะความประมาทของฉันจริงๆคะ”
“ถ้างั้นผมกับคุณเจมินี่ก็ประมาทเหมือนกันครับ ที่ปล่อยให้เด็กๆอยู่ตามลำพัง จนคุณต้องดูแลเด็กๆคนเดียว เพราะงั้นปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไปเถอะครับ ยังไงซะพรุ้งนี้พวกเราก็ต้องอยู่ที่เมืองนี้ต่อก่อนจะเดินทางกลับกันนะครับ”
“เข้าใจแล้วคะ… แต่ครั้งหน้าฉันจะไม่ให้เด็กๆต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกแน่นอน!!!”
“งั้นก็ดีแล้วละครับ ส่วนเรื่องห้องนอนผมขอเปลี่ยนใจให้คาลมานอนกับพวกผม ส่วนคุณไปนอนกับพวกเด็กๆละกันครับ”
“เอ๋? ทำไมละคะ ไหนคุณยืนกรานว่าพวกเด็กๆต้องนอนด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ?”
“ผมก็กะจะทำแบบนั้นอยู่แหละ แต่ผมดันลืมเรื่องคุณเจมินี่ไปซะได้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ แต่ถ้าอยากมา–“
“ให้ฉันนอนกับพวกเด็กๆเถอะคะ!!”
มีเรียยังไม่ลืมเรื่องเมื่อวานที่เธอถูกบีบหน้าอกโดยเจมินี่ ขนาดเมื่อคืนตอนที่เธอหลับก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของเจมินี่ที่จ้องเธอตอนที่นอนข้างๆกัน จนทำให้เธอนอนไม่หลับไปทั้งคืน เพราะกลัวจะถูกทำมิดีมิร้ายอีก
“จะว่าไป..ทำไมคุณถึงใส่ชุดแบบนั้นละคะ”
มีเรียพร้อมพร้อมชี้ไปที่ชุดของไทเอลที่ค่อนข้างเผยสัดส่วนอย่างชัดเจน จนคนรอบข้างมองกันอย่างไม่ละสายตา มีบางคนถึงกับต้องเดินผ่านพวกเธอ2-3รอบเพื่อส่องหน้าอกของไทเอลเลยทีเดียว
“ก็คุณเจมินี่เขากลัวผมไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น เธอก็เลยให้ผมใส่ชุดแบบนี้ละครับ น่าเสียดายจริงๆ ที่หน้าตาหล่อๆ ของผมกลับไม่สามารถดึงดูดคนได้เพียงเพราะเจ้าก้อนเนื้อก้อนนี้”
ไทเอลพูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าอกตัวเองที่มีเทลนอนซุกอยู่ ซึ่งสำหรับมีเรียนั้นถือว่าไทเอลนั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก พอๆกับพวกมิโนทอรัสเลยก็ว่าได้ ขนาดตัวเธอเองก็ยังเผลอมองไปตั้งหลายครั้งเหมือนกัน
“งะ.งั้นเหรอคะ.. ท่างั้นเรากลับไปโรงแรมกันเถอะคะ ป่านนี้เรย์คงรอจนเบื่อแล้วละคะ”
“ดีเหมือนกันครับนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย พวกเรากลับไปกันเถอะครับ คุณเจมินี่”
“อืม..”