“ระ…รอดแล้วโว้ยยยยยยย!!!!!”
พวกทหารและนักผจญภัคต่างโห่ร้องอย่างดีใจ หลังจากที่ริสต้าใช้ม่านน้ำเพื่อปกป้องพวกเขาเอาไว้จากFire arrowจำนวนมากที่กำลังจะคร่าชีวิตของพวกเขา
“นายคือชิลใช่รึเปล่า?”
“ชะ..ใช่”
“นายกับแฟนของนายทำได้ดีมาก ฉันขอชื่นชมจากหัวใจเลยจริงๆ แม้จะพลาดในตอนท้ายก็เถอะนะ”
“เอ่อ..ฉันกับแคลเราเป็น–“
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหรอกน่า เอาเป็นว่ารับนี้ไป ให้แฟนนายดื่มตอนฟื้นขึ้นแล้วอาการจะดีขึ้นเอง”
ริสต้ายื่นขวดที่บรรจุยาสีดำออกม่วงๆไว้ข้างในให้กับชิล
“เอาละ ส่วนนายก็เป็นคนที่ยิงFire arrowใส่ยัยนั้นสินะ”
“…….”
ริสต้าหันไปถามชายหนุ่มอีกคน แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรและเลือกที่จะหลบตาริสต้า
“คงรู้ตัวดีแล้วสินะ ว่าทำอะไรลงไป..ไว้ฉันจะมาจัดการนายทีหลัง เตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ รวมถึงไอ้พวกดื้อรั้นที่อวดรู้กับจอมเวทด้วยละนะ”
ริสหันไปมองกลุ่มนักเวทกลุ่มหนึ่งที่เป็นต้นตอของความขัดแย้ง
“ริส!! ทางนี้ดับไฟเสร็จแล้วนะ จะเอายังไงต่อกันดี”
ฮันที่อยู่ในร่างของภูติจิ๋วตอนนี้ได้บินกลับมาริสต้า หลังจากที่เธอแยกตัวไปดับเพลิงที่เกิดจากธนูแสง
“จะทำอะไรต่อนะเหรอ… แน่นอนก็ต้องไปหยุดยัยนั้นอยู่แล้วสิ!!”
“คุณเอเลนฝากจัดการเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยนะคะ!! รอด้วยสิริส!! ท่าฉันไม่อยู่ใกล้เธอสัญญาพลังมันจะอ่อนลงนะ!!”
เมื่อพูดเสร็จทั้งสองก็บินออกไปอย่างรวดเร็ว ริสต้าควบคุมมวลน้ำนั้นให้กระจายตัวออกเพื่อหยุดการยิงมั้วซั่วของลูกธนูอย่างแม่นยำ จนจำนวนของลูกธนูที่สร้างความเสียหายกับเมืองลดลงอย่างรวดเร็วจนหายไปทั้งหมด หลังจากนั้นน้ำก็กลับไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอีกครั้งเพื่อปกป้องเมืองเอาไว้
ริสต้ายื่นมือออกไปด้านหน้า ช่องว่างสีดำปรากฏขึ้นมาด้านหลังของริสต้า
“ริสเวทโจมตีไม่มีผลกับเธอนะ ระวังด้วยละ!!”
“ใครบอกว่าฉันจะใช้เวทโจมตีกันละ”
เมื่อพูดจบขวดเหล้าเปล่าๆ จำนวนมากก็พุ่งออกมาจากช่องว่างสีดำด้วยความเร็วสูง ทางฝ่ายมีเรียเองก็เรียกลูกธนูแสงออกมาจำนวนมากอีกครั้ง
“เปล่าประโยชน์น่า ถ้าเธอยังใช้ธาตุไฟอยู่ก็สู้ฉันไม่ได้หรอกนะ”
เมื่อลูกธนูแสงปะทะกับขวดเหล้าของลูกธนูก็สลายหายไปทันที
บึ๋ม!!!!
ขวดเหล้าเข้าใกล้มีเรียพลังเวทของเธอก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้ขวดเหล้าเปล่านั้นแตกกระจายและถูกผลักขึ้นกลับไปทางริสต้า แต่เมื่อเธอสบัดมือขึ้นเศษกระจกก็เปลี่ยนทิศลอยขึ้นไปข้างบนทันที
“อย่างงี้นี้เอง พลังเวทย์ที่อยู่รอบๆจะถูกดูดไปเป็นของตัวเองโดยไม่มีเงื่อนไข แต่พอเป็นวัตถุที่ไร้พลังเวทย์ก็เลือกที่จะผลักมันออกไปแทน เป็นวิธีดูฉลาดไม่เหมือนคนที่กำลังบ้าคลั้งเลยนะ ยัยเด็กบ้านี้นะ”
“ริส ลูกธนูอีกชุดกำลังจะมาแล้ว จะให้สร้างน้ำขึ้นมาใหม่เพื่อป้องกันไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ที่มีอยู่ก็เหลือเฟือแล้ว”
มวลน้ำจากด้านล่างบางส่วนกระจายตัวออกมาและมาร่วมตัวกันตรงหน้าของริสในรูปของสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ก่อนที่มันจะกลายสภาพเป็นเหมือนกระจกที่สามารถสะท้อนภาพที่อยู่ตรงหน้าได้แทนที่จะสามารถมองทะลุได้อีกฝั้งเหมือนกับน้ำทั้วไป
เมื่อลูกธนูจำนวนมากปะทะกับพื้นผิวของน้ำมันซึ่มเข้าไปในนั้นก่อนที่จะย้อนกลับไปทางฝั้งของมีเรีย
บึ๋มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ลูกธนูแสงนั้นต่างพุ่งใส่กันเองและสูญสลายหายไป
“นึกว่าจะเก่งซะขนาดไหนกันเชียว ที่แท้ก็มีดีแค่พลังเวทย์เยอะอย่างเดียวนี้เอง..”
เมื่อพูดจบริสต้าก็นำมือไปสัมผัสกับกระจก มันทำให้กระจกนั้นค่อยๆเคลื่อยตัวไปอย่างช้าๆ ไปทางมีเรีย
“……..”
มีเรียที่พอเห็นอะไรเข้ามาใกล้ๆ พลังเวทย์ของเธอปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้กระจกกลับกลายเป็นน้ำที่เป็นของเหลวตามเดิม
ฉึกๆๆๆ
ในจังหวะนั้นเองเศษกระจกที่ลอยอยู่ก็ไปปักร่างของมีเรีย แต่ถึงอย่างงั้นแสงสีดำที่ปกคลุมร่างของเธอไว้อยู่ก็ปกคลุมร่างกายของเธอและป้องกันเศษกระจกที่เหลืออยู่
“เฮ้อ~ ก็คิดอยู่หรอกว่ามันไม่ง่าย แต่แบบนี้ก็น่ารำคาญเกินไปมั้ง”
ริสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ และมองไปทางมีเรียที่ในตอนนี้กำลังถูกเศษกระจกที่เธอควบคุมโจมตีอยู่
“เอาเถอะ… ยังไงซะมันก็จบแล้วละนะ”
ฉึกกกกก!!!
ลูกธนูดอกหนึ่งถูกยิงมาจากด้านล่างฝ่าการป้องกันของแสงสีดำและปักเข้าไปที่หลังของมีเรีย
“กรื้ดดดดดด!!”
มีเรียร้องออกมาเสียงดังและแสงสว่างที่เธอปล่อยออกมาจากร่างกายนั้นค่อยๆ จางหายไป แสงสีดำปกคลุมร่างกายและดึงศรออกอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะสูญสลายไป
“เปล่าประโยชน์น่า พวกนั้นคงทำให้หัวศรหลวมๆไว้ ต่อให้ดึงออกไปหัวศรก็ยังค้างอยู่ในร่างกายของเธออยู่ดีนั้นแหละ”
ลูกธนูจำนวนมากถูกเรียกมาอีกครั้งแต่มันก็หายไปแทบจะทันทีที่ถูกเรียกออกมา
“ยังจะพยามใช้เวทมนต์อีกเหรอ ตอนที่เรียนที่โรงเรียนเวทมนต์ไม่ได้ตั้งใจเรียนเลยรึไง ฟังนะเหล็กดำมีถทธิ์ทำให้พลังเวทมนต์ที่อยู่ใกล้ๆ เกิดการแปรปรวนจนไม่สามารถควบคุมได้และจากนั้ยก็จะดูดพลังนั้น และสลายเวทมนต์นั้นในเวลาไม่นาน ถ้ามันสัมผัสกับผู้ใช้เวทมนต์ละก็เรียกได้ว่าจบสิ้นแล้วละนะ”
แสงทั้งหมดถูกเรียกออกมาได้สลายหายไปจนหมดก่อนที่เธอจะร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีมวลน้ำจำนวนมากคอยรองรับร่างเธอเอาไว้ไม่ให้ตกลงสู่พื้น
“ริสไม่คิดว่ามันจะหนักไปหน่อยเหรอ เธอถูกฟาวทำให้ไม่ได้สติอยู่นะ”
“ไม่หนักไปหรอกน่า ฉันพยามเบามือสุดๆแล้วนะ นี้ก็แค่ยับยั้งและเปิดโอกาศให้พวกนั้นมีจังหวะยิงศรดำเท่านั้นเอง ถ้าปกติเอาถึงตายละก็เศษขวดได้ฝักเข้าไปทั้วร่างจนบาดเนื้อข้างในจนเละแล้วละ”
“เธอนี้โหดร้ายกว่าที่ฉันคิดอีกนะริส”
“แค่นี้ยังเบาะๆน่า ถ้าเทียบกับป้าร็อดนี่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายละก็ ฉันกลายเป็นเด็กน้อยเลยละ”
“ถึงจะอย่างงั้นก็เถอะ แต่ว่า…”
“อย่าซึ่มสิ ไหนๆ ก็ชนะแล้วทั้งทีก็ทำท่าดีใจหน่อยสิ อย่างเช่นแบบนี้ไง”
ริสต้าชูกำปั้นขึ้นไปบนฟ้าหลังจากนั้นก็มีกระสุนเวทมนต์หลากหลายสีเป็นจำนวนมากขึ้นไปบนท้องฟ้า และก็ระเบิด เมื่อมองจากด้านล่างนั้นก็จะเห็นเป็นคำว่า’ริสต้าชนะแล้วจ้า~’
“ริสนี้เธอไม่ละอายใจหน่อยเหรอที่เอาพลังเวทย์มาใช้กับเรื่องไร้สารมากถึงขนาดนี้เนี้ย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี้ นานๆทีได้ทำมันก็รู้ดีออก เธอเองก็ทำอะไรบ้างสิ”
“ว้าย!!”
จู่ๆริสต้าก็คว้าตัวของฮันที่อยู่ในร่างภูติจิ๋วเอาไว้ในกำมือ ก่อนที่จะคลายมือออกและจับแขนซ้ายเล็กๆของฮันเอาไว้และบับคับมันให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เธอต้องการ
“ทำบ้าอะไรของเธอเนี้ย!! จู่ๆมาคว้าหมับแล้วมาบับคับมือคนอื่นแบบนี้นะ!!”
“ก็แหมนี้มันท่าโพสแห่งชัยชนะที่ฉันคิดให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ ที่เหลือก็แค่ยิ้มแล้วก็ตะโกนคำว่า’ชัยชนะ’ดังๆก็เรียบร้อยแล้วละนะ”
“พูดบ้าอะไรของเธอเนี้ย!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!! ท่าไม่ปล่อยละก็ฉันจะเปลี่ยนเหล้าทุกขวดที่เธอจับให้กลายเป็นน้ำเปล่าให้หมดเลยคอยดู!!”
“แหมๆ ทั้งๆที่อยู่ในกำมือของฉันแท้ๆ ยังจะปากเก่งอีกเหรอจ๊ะ แม่ภูติน้อยเสียงแหลม”
“พูดขู่แล้วคิดว่าฉันจะกลัวเธอรึไง อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอเป็นคู่สัญญาฉันอยู่เพราะฉะนั้นเธอไม่มีวันทำร้ายฉันได้หรอกนะ!!”
“ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมทำจริงๆเหรอ?”
“ไม่ทำ!! และก็ไม่คิดจะทำด้วย!! รีบๆปล่อยฉันสักทีฉันจะได้ไปรักษาเด็กคนนั้นสักที”
“เข้าใจแล้วละ ไม่ว่าจะพูดยังไงเธอก็ไม่คิดจะทำจริงๆสินะ”
“ดะ..เดี๋ยวสิ ทำไมถึงจ้องฉันแบบนั้นละ คิดจะทำอะไรกันแน่ ขอบอกไว้ก่อนนะ ท่าเธอตั้งใจใช้ความรุนแรงกับฉันเธอเจอบทลงโทษจากสัญญาหนักแน่”
“ฉันไม่คิดจะทำอะไรเธอแรงๆอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวไปหรอก แต่ว่าฉันมีเรื่องจะถามเธอนึดหน่อยเกี่ยวกับร่างภูติจิ๋วของเธอนึดหน่อยนะ”
“มันก็แค่โหมดประหยัดพลังเวทเพื่อให้บินได้เท่านั้นเอง เธอก็น่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดีอยู่แล้วนี้”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อยเรื่องที่ฉันอยากจะรู้นะ มันยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะ บางทีนี้อาจจะเป็นความลับของร่างภูติจิ๋วเลยก็ได้”
“ร่างภูติจิ๋วมันไม่ได้พิเศษถึงขนาดต้องมีความลับที่ต้องปิดบังซักหน่อย”
“ไม่ๆ มันต้องมีความลับแน่นอน ขนาดในตำราเกี่ยวกับภูติของท่านย่ายังไม่มีระบุเรื่องนี้เลย”
“มันมีความลับแบบนั้นจริงๆเหรอริส? ร่างภูติจิ๋วนี้นะ”
“มีจริง ถ้าให้พูดตรงๆละก็เรื่องนั้นก็คือ…”
“คือ?”
“ตอนเธออยู่ในร่างภูติจิ๋วนี้ใส่กางเกงในปะ?”
“ก็ต้องใส่อยู่แล้วสิ!! ถามบ้าอะไรของเธอเนี้ย!!”
“เอ๋~ จริงเหรอ~ กางเกงในของเธอมันหดตามขนาดตัวด้วยเหรอ~ ไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องแบบนั้นเลยนี้”
“ก็มันทำมาจากเส้นใยเวทมนต์ไง!! ไม่งั้นตอนฉันแปลงร่างก็ต้องโป๊แล้วสิ!!”
“ฮัน…เธอควรรู้ไว้นะ แม่มดนะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก หากไม่เห็นกับตาก็ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ หรอกนะ”
“เดี๋ยวสิ!! คิดจะทำอะไรของเธอนะ!!”
ฮันที่ในขณะที่กำลังอยู่ในกำมือของริสต้าได้ร้องโวยวายออกมาเนื่องจากริสต้านั้นได้ใช้มืออีกข้างจับไปที่ชายกระโปรงของฮันและถลกมันขึ้นมาเล็กน้อย
“ถามอะไรแปลกๆ ก็จะพิสูจยังไงละ ว่าเธอใส่กางเกงในจริงรึเปล่านะสิ”
“หยุดนะ ยัยขี้เมาจอมลามก!!”
“ไหนๆ ขอดูหน่อยสิ อะไรกันนะ ที่อยู่ภายในใต้กระโปรงเล็กๆของเธอน้า~ แหะๆๆ”
“ไม่น้า~!!!”
วิ้ง
ในขณะที่ริสต้ากำลังแกล้งฮันที่อยู่ในมือของเธอ แสงสว่างก็ส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เธอต้องหยุดชะงักทันที เมื่อทั้งหันไปก็พบมีเรียที่พยามจะยืนขึ้นอีกครั้ง
“ดูเหมือนต้องทำให้หมดสภาพก่อนจริงๆ ถึงจะจบสินะ”
เมือริสต้าพูดจบน้ำที่คอยรองรับร่างของมีเรียเอาไว้ก็ห่อหุ้มร่างกายของมีเรียเอาไว้ เพื่อที่จะทำให้มีเรียหมดสติจากการจมน้ำไปเอง
“ริส.. ทำแบบนั้นไม่เกินไปหน่อยเหรอ เด็กคนนั้นกำลังบาดเจ็บอยู่นะ”
ฮันที่เห็นสภาพของมีเรียที่พยามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ก็เกิดความสกสารขึ้นมา
“อย่าพูดอย่างกะฉันเป็นตัวร้ายสิ ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำซักหน่อย ก็ยัยเด็กนั้นขนาดโดนศรดำเข้าไปเต็มๆ ก็ยังสามารถแผ่ออร่าแสงออกมาได้ถึงขนาดนี้ ก็แสดงว่ายังควบคุมเวทมนต์ได้อยู่แม้หินดำจะฝังอยู่ในร่างกายก็ตาม บางทีโดนศรดำอีกครั้งก็อาจจะหยุดเธอได้ แต่ยัยเด็กนั้นจะทนไหวรึเปล่านั้นก็อีกเรื่องนะ”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละ นี้นะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่จะช่วยเหลือ เพราะยังไงซะเธอก็สามารถควบคุมน้ำได้อย่างอิสระอยู่แล้ว เดี๋ยวค่อยไปเอาน้ำออกมาจากร่างของยัยเด็กนั้นทีหลังก็ได้น่า ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า”
“อืม..”
พวกเธอทั้งสองตัดสินใจที่จะเฝ้าดูมีเรียอย่างเงียบๆ เพื่อให้การช่วยเหลือหลังจากที่มีเรียหมดสติ แม้ทางฮันจะรู้สึกแย่ที่ต้องมาเห็นมีเรียที่พยามดิ้นรนเพื่อออกมาจากน้ำนั้นก็ตาม
‘ทำไม….’
“เมื่อกี้นี้เอเลนติดต่อมารึเปล่าฮัน”
“ก็เปล่านะ มีอะไรเหรอ?”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงเหมือนคนพูดอะไรสักอย่าง แต่สกสัยจะหูฝาดไปเองละมั้ง”
‘เกลียด..’
“นั้นไงมาอีกแล้ว เธอได้ยินรึเปล่าฮัน”
“อืมได้ยินแล้วละ… แถมจากสัมผัสเมื่อกี้คนที่พูดออกมาก็น่าจะเป็น…”
ตูม!!!!!!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นน้ำที่ห่อหุ่มร่างของมีเรียเอาไว้ก็แตกกระจายออกมา แสงที่ริบรี่ก็กลับมาส่องประกายมากกว่าเดิมอีกครั้ง
“บอกให้เอเลนสั้งให้พวกนั้นยิงศรดำใส่อีกรอบเร็วเข้า!!”
“จะดีเหรอริส เธอเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าท่ายิงใส่อีกรอบร่างกายอาจจะ..”
“ตอนนี้ยังไงก็ช่างก่อน!! รีบๆ ยิงเร็วเข้าก่อนที่ยัยนั้นจะอาละวาดอีกครั้งเร็ว!!”
“อะ..อืม..”
ฮันหลับตาและตั้งสมาธิอีกครั้งลูกธนูก็ถูกยิงมาจากด้านล่างทันที แต่รอบนี้จำนวนลูกธนูที่ถูกยิงออกมานั้นมากกว่านั้นตอนแรกเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างงั้นลูกธนูทั้งหมดนั้นกลับหยุดชะงักก่อนที่จะถึงร่างของมีเรียและร่วงลงสู่พื้น
“ดูเหมือนจะใช้ศรดำไม่ได้ผลแล้วสินะ งั้นเอานี้หน่อยเป็นไง!!”
ริสต้าตัดสินใจควบคุมเศษแก้วที่เหลือสาดใส่มีเรีย แต่ถึงอย่างงั้นผลลัพธ์นั้นก็ไม่ต่างจากศรดำมากนัก
“ระ..ระ..ริส..แย่แล้วละ เหมือนเธอกำลังรวบรวมพลังเวทย์เพื่อทำอะไรสักอย่าง แถมยังมหาศาลมากด้วย!!”
“รู้แล้ว!! ถึงได้รีบหยุดยัยนั้นอยู่นี้ไง!!”
ริสต้าพยามโจมตีมีเรียด้วยวิธีต่างๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่อาจจะทำอะไรมีเรียได้เลยแม้แต่น้อย
“เวทมนต์ไร้ผล โจมตีด้วยวัตถุก็ไร้ผล แถมยังมีพลังเวทย์เยอะอีก ยัยเด็กบ้านั้นจะขี้โกงไปไหนเนี้ย!!”
“ริสแย่แล้ว!! พลังเวทที่เธอกำลังรวบรวมมันเยอะมากขึ้นเรื่อยๆเลย ถ้าเธอปลดปล่อยมันออกมาละก็แย่แน่!!”
“บอกให้พวกนั้นมารวมตัวกันเป็นกลุ่มให้ได้มากสุดเร็วเข้า!! ฉันจะรีบพาหนีไปไกลๆก่อนด้วยเทเลพอร์ตเอง!!”
“อืม!!!”
ฮันหลับตาและตั้งสมาธิอีกครั้ง แสงสว่างสีฟ้าที่ค่อยๆส่องประกายออกมาจากร่างเธอค่อยๆ ลดลงทีละน้อย
“ฉันบอกทุกคนที่อยู่ใกล้ๆแล้ว..ส่วนตำแหน่งฉันส่งไปให้เธอทั้งหมดแล้วนะริส..”
“อืม.. ขอบคุณนะฮัน เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการต่อเองเธอไปพักก่อนเถอะ”
“เข้าใจแล้วละ..ขอโทษด้วยนะ”
ฮันบินเข้าไปในกำมือของริสต้า ร่างของฮันเริ่มมีคริสตัสสีฟ้ามาปกคลุมร่างกาย
เมื่อคริสตัสปกคลุมร่างกายเธอจนหมดแล้วริสต้าจึงค่อยๆเก็บเธอเอาไว้ในกระเป๋าของเธอก่อยที่จะเริ่มร่ายเวทมนต์
“ข้าและคณะตั้งต้นจากจุดเริ่มต้น”
วงเวทสีม่วงปรากฏขึ้นหลายตำแหน่งใต้เท้าของคนที่อยู่บนพื้นรวมทั้งตัวของเธอด้วย
“จุดหมายของข้านั้นอยู่ห่างไกล และเวลาของข้าก็มีน้อย”
วงเวทเริ่มส่องประกายแสงออกมาเป็นสัญญาณว่าเวทมนต์กำลังทำงานแล้ว แต่เหมือนเธอต้องเร่งมือขึ้นอีกหน่อยเพราะแสงเริ่มจะส่องประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแน่นอน
“จงย่นระยะทางด้วยอำนาจของข้า จงอย่ารีรอและเริ่มเดินทางกัน ณ บัดนี้ Teleport”
วงเวททั้งหมดส่องแสงมากขึ้นก่อนที่จะหายไปพร้อมกับผู้คนที่อยู่ที่นี้ยกเว้นมีเรียที่ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน