“พี่ชายลองขยับนิ้วก้อยหน่อยน้า~”
“แบบนี้เหรอครับ?”
เฟย์พยามนิ้วก้อยตามที่แม้จะดูเงอะงะไปบ้าง เพราะความรู้สึกที่ควรจะส่งผ่านมาจากมือข้างนั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย เพราะเนื่องจากแขนที่เขากำลังขยับนั้นเป็นเพียงแค่กลที่ถูกประดิษย์ขึ้นมาเท่านั้น แม้รูปร่างของมันจะใกล้เคียงกับแขนอีกข้างของเขามากก็ตามที
“ตอนขยับนิ้วรู้สึกเจ็บหรือตรงตัวเชื่อมรึเปล่าพี่ชาย?”
“ไม่เลยครับ”
“แสงว่าเชื่อมกับประสาทได้ดีสิน้า~ งั้นขอเวลาอีกนึดหน่อยน้า~”
คาลหยิบเครื่องมือรูปร่างประหลาดที่วางไว้ข้าฃ้างๆเธอ และนำสายของมันพันที่รอบๆ แขนกลของเขาจนหมด และกดปุ่มสีแดง หน้าจอบนเครื่องมือก็ปรากฏขึ้นเป็นค่าต่างๆ
“ทีนี้พี่ชายลองขยับนิ้วกับแขนให้เร็วที่สุดทีน้า~ แน่นอนว่าจะขยับยังไงก็ด้าย~”
“จะดีเหรอครับที่ให้ขยับเร็วแบบยังไงก็ได้เนี้ย”
“ม่ายเปนราย~ เพราะยางงานซา~ สายมันก็ย้าวยาวอยู่แล้วละน้า~ เพราะงั้นซาบายมาก”
“เข้าใจแล้วละครับ ท่างั้นผมขอลุกออกจากเตียงหน่อยนะครัับ”
“ได้เล๊ย~”
เฟย์ลุกออกจากเตียงทันทีที่ได้รับคำอนุญาติจากคาล เขาเดินออกห่างจากเตียงเล็กน้อย และยกแขนกลขึ้นมาตั้งฉากบริเวณใบหน้า และหายใจเข้าออกเป็นจังหวะอย่างช้าๆ
“3เขี้ยวกลืนกิน”
เฟย์ขยับแขนกลฟาดฟันไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตาแยกออกเป็น3ทิศทาง
“อึก!!”
เฟย์หยุดชะงักทันทีหลังจากที่พยามเริ่มเร่งความเร็วขึ้น ทำให้ไหล่ของเขาได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไหล่ข้างนั้นของเขานั้นแทบจะไม่ได้ใช้งานหนักมากนักทำให้ไม่สามารถขยับได้อย่างใจนึกเหมือนแขนอีกข้างที่เขาใช้เป็นประจำ
“งืมๆ ความร้อนใช้ได้ ความเร็วดีเยี่ยม การเชื่อมต่อประสาทกับวงจรเวทก็เยี่ยม กลไกลทำงานไม่มีปัญหา และก็…..”
คาลไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของเฟมากนักและจดจ่ออยู่กับหน้าจอของเครื่องมือต่อไป เพื่อบันทึกค่าต่างๆ ที่วัดได้ เพื่อประเมินผลการใช้งานของแขนกลที่เธอเป็นคนทำขึ้น อย่างจริงจัง และจดเก็บไว้เพื่อใช้อ้างอิงภายหลัง
“ประสิทธิ์ภาพโดยรวมอยู่ในขี้นดีเองเหรอ…คงต้องพัฒนาฝีมือขึ้นอีกหน่อยสินะ”
คาลดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจในผลงานครั้งนี้สักเท่าไหร่นัก แม้ผลที่ออกมามันจะอยู่ในระดับที่อยู่เกือบสูงสุดของเธอแล้วก็ตาม คาลเก็บกระดาษลงไปในแฟ้มสีชมพูและกดปุ่มสีแดงอีกครั้ง ผ้าที่พันแขนของเฟอยู่ก็คลายตัวและหลุดออกจากแขนของเฟทันที และม้วนเก็บด้วยตัวของมันเอง
“ขอโทษที่ให้รอน้า~พี่ชาย เป็นยังไงบางอะ แขนกลอันนั้นนะ ถูกใจรึเปล่าเอ่ย~”
“ท่าให้พูดตรงๆก็ถูกใจมากเลยละครับ ไม่คิดเลยว่าแขนกลจะสามารถขยับได้ถึงขนาดนี้”
“ก็มันเป็นแบบเบาพิเศษนี้น่า~ มันต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วละน้า~ ถูกใจก็ดีแล้วละน้า~ แต่ว่าก็อย่าใช้งานมันหนักมากน้า~ แม้จะเป็นแขนกลก็ต้องพักเหมือนกานนะ”
“เข้าใจแล้วละครับ ผมจะระวังเรื่องนั้นเป็นอย่างดีเลยละครับ”
“งั้นก็ดีแล้วละน้า~ และก็อย่าลืมขยับแขนบ่อยๆนะ ถ้ามีปัญหาอะไรละก็ กลับมาที่นี้ได้เสมอเลยน้า~ และรีบๆไปอวดน้องแมวด้วยล่า~ คาลเห็นน้องแมวตื่นเต้น ยิ่งกว่าพี่ชายซะอีกน้า~”
“ก็คงจะเป็นอย่างงั้นแหละครับ เด็กคนนั้นรอเฝ้ารอวันนี้มาตลอดเลยละครับ”
เฟพูดพร้อมหยิบด้ามดาบที่ใบดาบแตกไปแล้วขึ้นมาดูพร้อมกับนึกถึงอดีตตอนที่เขาได้รับมันมาครั้งแรก ก่อนที่จะเก็บมันไว้ในกระเป๋านักผจญภัคของเขา เพื่อนำไปทำดาบอันใหม่โดยใช้ด้ามอันเดิมอีกครั้ง
“เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ คาล”
“เอาไว้เจอกันใหม่จ้า~”
เขากล่าวลาคาลเสร็จก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัดเล็กๆภายในบ้านของคาล และเดินไปที่ห้องนั้งเล่นที่อยู่อีกห้องเพื่อไปหาดาที่กำลังรอเขาอยู่
“ยัยเด็กบ้า!! เอาอะไรมายัดในหางฉันเนี้ย!!”
“ใครเขาจะบ้าจู่ๆ เอาของไปยัดในหางของพี่สาวกันละ พี่สาวนั้นต่างหากที่จู่ๆ ก็มาเอาหางมากินรูปปั้นท่านผู้กล้าของหนูไปเฉยเลย หนูต่างหากที่เป็นผู้เสียหายไม่ใช่พี่สาว และแทนที่จะมาโวยวายใส่หนู พี่สาวเอาเวลาไปนั้งรื้อหางของตัวเองและคืนของๆหนูมาจะดีกว่ามั้ง”
“ก็เพราะฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนยังไงละยะ!! ไม่งั้นฉันไม่โวยวายหรอก!! ลองมามีหางฟู่ๆแบบฉันดูสิ แล้วเธอจะรู้สึก!!”
“งั้นหนูช่วยหาน้า~”
“เจ็บ!!! อย่ามาดึงขนกันสิยะ!!”
ดรีมที่เล่นอยู่วิ่งมาช่วยหาแต่ดูเหมือนว่าเธอจะมาเล่นหางของดาดามากกว่า
“อ๊า!! ไม่ได้นะดรีมไปจับหางพี่สาวแบบนั้นเดี๋ยวก็ติดหมัดมาหรอก”
“ฉันไม่มีหมัดซักหน่อย!! ถึงจะเห็นอย่างงี้ ฉันอาบน้ำทุกวันนะ!! หางเองก็แปรงมันทุกวันด้วย!! อย่ามาดูถูกกันสิ!!”
“เอ๋?? แต่ในหนังสือมันบอกว่าเผ่าสัตว์ประเภทขนดกรูปร่างคล้ายมนุษย์ จะชอบเลี้ยงหมัดไว้เป็นอาหารไม่ใช่เหรอคะ?”
“นั้นมันพวกเผ่าลิงยะ!! และก็ฉันไม่ได้ขนดกสักหน่อย แค่ขนเยอะเท่านั้นเองนะ!! อย่าเอาฉันไปรวมกับพวก–“
“โอ๊ะ เจอรูปปั้นแล้วแหะ”
“กรื้ด!!!!”
ดาดาร้องกรื้ดเสียงดังด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่เทลดึงฟิกเกอร์ผู้กล้าจากหางของดาดาที่พันอยู่ ทำให้ขนของดาดานั้นติดเต็มฟิกเกอร์ผู้กล้าของเทลเป็นกระจุก
“ขะ..ขอโทษนะ พี่สาว หนูไม่รู้ว่าขนมันจะติดมาด้วยก็เลย เผลอดึงซะเต็มทีเลย ขอโทษด้วยจริงๆนะพี่สาว”
“อูย~ มะ..ไม่เป็นไร…แต่อย่าทำแบบอีกนะ…”
ดาดาพูดทั้งน้ำตาที่คลอเป้าตาและพยามลูบหางส่วนที่ถูกดึงขนออกไปเพื่อบรรเทาแสบที่ถูกดึงขนไปเป็นจำนวนมาก จนขนตรงส่วนนั้นโล้นจนเห็นเนื้อของส่วนหางเลยทีเดียส
“ดูเหมือนว่าเธอจะเข้ากับเด็กๆ ได้ดีนะ ดาดา”
“ใช้ตาหรือใช้เท้าดูยะ!!! ก่อนจะพูดอะไร..หัด..ดู..”
ดาดากำลังจะหันไปโวยวายใส่เฟที่ปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อเธอเห็นแขนกล อารมที่กำลังร้อนของเธอก็เปลี่ยนกลายเป็นอารมที่แม้แต่ตัวเธอเองก็อธิบายมันไม่ถูกเหมือน เธอค่อยๆเดินไปหาเฟที่กำลังยืนอยู่และจับแขนกลของเขา เพื่อพิสูจสิ่งที่เห็นว่ามันเป็นจริง ไม่ใช่ภาพลวงตาที่เธอสร้างขึ้น
“ทีนี้ผมก็สามารถทำซาลาเปาให้เธออีกครั้งได้แล้วนะ”
“อืม!! ฉันจะรอกินมันอย่างใจจดใจจ่อเลยละ!!”
ดาดาพูดออกมาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ แขนที่เคยเสียไปในอดีตเพราะความดื้อรั้นของเธอในอดีต ตอนนี้มันได้กลับมาอีกครั้งแล้ว แม้มันจะไม่ใช่ของแท้ก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกดีใจที่ตอนนี้เฟสามารถกลับมาทำสิ่งที่เขาชอบทำมาตลอดได้อีกครั้งโดยที่ไม่ลำบากอีกต่อไปแล้ว
“ร้องเป็นเด็กๆไปได้ เธออายุ18แล้วนะดาดา เธอเองก็บอกผมอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอว่าอย่าทำเหมือนเธอเป็นเด็กๆนะ”
“เงียบไปเลยยะ นี้นะ ก็แค่ฝุ่นเข้าตานึดหน่อยไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย”
ดาดาเถียงกลับเฟและใช้มือเช็ดน้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมา ส่วนทางเฟเองก็ทำหน้าประมาณว่า ช่วยไม่ได้นะ และหยิบผ้าเช็ดหน้าไปให้กับดาดา
“ขอบคุณ…”
ดาดารับผ้าเช็ดหน้ามาจากเฟและเช็ดน้ำตาของตัวเอง
“พี่สาวทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเลยนะคะ คงจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยสินะคะ”
“ถ้าให้พูดก็คงจะเป็นแบบนั้นก็ได้มั้งครับ ก็ผมเลี้ยงดาดามาตั้งแต่เด็กๆเลยนี้น่า”
“เอ๋!! ท่างั้นพี่สาวก็อายุเยอะกว่าคุณดาดางั้นเหรอคะ?”
“หลายๆคนก็ทักแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าปีนี้ผมเองก็อายุ27แล้วนะครับ และที่สำคัญผมเป็นผู้ชายนะครับ ถึงจะเห็นแบบนี้ก็เถอะนะ”
“ผะ..ผะ..ผู้ชาย.. เหรอคะ?”
เรย์ถามย้ำกับเฟอีกครั้งว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นไม่ผิด
“ครับ ผมเป็นผู้ชายครับ”
“โอย~”
“โอ๊ะ เกือบไปแล้วนะครับเนี้ย”
เฟช้อนร่างของเรย์ที่กำลังล้มลงไปได้ทัน ในตอนนี้เรย์ได้อยู่ในอ้อมแขนของเฟที่เรียบร้อยแล้ว สายตาของทั้งสองจ้องซึ่งกันและกัน ก่อนที่ตาของฝ่ายเรย์จะเริ่มเหลือกขึ้นบนและร่างของเธอก็กระตุกชักเกร็งเป็นจังหวะ
“เดี๋ยวนะ!! นี้พี่เป็นผู้ชายหรอกเหรอ!!”
“เอ่อ ก็ใช่นะครับ ไม่ทราบว่าผมทำอะไรผิดไปรึเปล่าครับ”
“เรื่องนั้นค่อยพูดทีหลัง ตอนนี้รีบๆปล่อยพี่หนูก่อนเร็ว!! ไม่งั้นพี่ได้ตายจริงแน่!!!”
“ขะ..เข้าใจแล้วครับ”
เฟค่อยๆวางร่างของเรย์ลงกับพื้นอย่างนุ่มนวลที่สุด เท่าที่จะเป็นไป และค่อยๆถอยห่างจากเรย์เล็กน้อย
“พี่เรย์ทำใจดีๆ ไว้นะ”
เทลรีบวิ่งไปหาเรย์ที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น และจับมือของเธอไว้แน่น
“ขะ..ขอโทษนะ เทล แต่พี่ไม่ไหวแล้วละ”
“พี่ต้องไม่เป็นไรสิ!! ไหนพี่บอกจะช่วยหนูอยู่ดูแลดรีมไง หนูดูแลดรีมคนเดียวไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีพี่อยู่ด้วยนะ!!”
“พี่เชื่อว่าเธอต้องทำได้…ไม่ต้องห่วง เทลนะแข็งแรงกว่าพี่สาวคนนี้อีกนะ”
“พี่..”
“ฝากดูแลน้องกับคุณป้าด้วยนะ…เทล”
“พี่!! อย่าหลับตาสิ!! ตื่นมาคุยกับหนูก่อน!! พี่!! พี่!! พี่!!!!!!!!!!!!!!!”
เทลตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับน้ำตา เธอกอดร่างที่แน่นิ่งไปแล้วของเรย์ไว้แน่น และร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้า
“กลับมาแล้วจ้า~ วันนี้ได้ของดีๆ มา– นี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย!!!”
มาเรียที่พึ่งกลับมาจากการซื้อของนั้นร้องถามออกมาหลังจากที่เห็นภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรง
“เรื่องนั้น..ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันครับ”
.
.
.
.
.
“เฮ้อ…”
“มัวแต่ถอนหายใจอยู่ได้ มันน่ารำคาญไม่ใช่รึไงยะ!!”
“เรื่องนั้นก็พอรู้ตัวอยู่หรอก แต่ว่าพอนึกว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กคนนั้นเป็นลมแล้วมันก็….เฮ้อ”
“โอ๊ย!! ก็บอกแล้วไง!! มันไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย เด็กคนนั้นก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่รึไง!! เพราะงั้นเลิกทำหน้าอมทุกข์แบบนั้นซักที เห็นแล้วมันหงุดหงิดนะ!! ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันที่นายควรจะดีใจที่ได้แขนกลับมาไม่ใช่รึไง!!”
เฟทำหน้าหนักใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าตอนนี้แขนของเขากลับมาแล้ว นั้นก็หมายความว่าตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี้อีกต่อไปอีกแล้ว
“ดาดาผมมีเรื่องที่จะต้องคุยกับเธอ….ตอนนี้เธอสะดวกรึเปล่า”
เขาหันกลับไปพูดด้วยใบหน้าที่ดูจริงจังหลังจากที่ซึ่มมานาน
“อะ..อะไรของนายจู่ๆ ก็มาทำหน้าจริงจังแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆอีกแบบนี้มันน่ากลัวนะ”
“…ขอโทษด้วยนะ ลืมๆมันไปเถอะ ถือซะ ว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้พูดอะไรละกัน”
“เป็นอะไรของนาย นายดูแปลกๆไป ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ มีอะไรอยากพูดก็ พูดมาสิ”
คำพูดของดาดาทำให้เกิดความลังเลในใจของเขา แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ต้องพูดมันออกไปอยู่ดี
“ดาดา…คือจริงๆแล้ว ผมนะ ตัดสินใจเรื่องหนึ่งไปได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วละนะ…มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอโดยตรงเลย…”
“อืม..พูดมาสิ ฉันกำลังฟังอยู่”
‘พูดออกไปสิ..นายตัดสินใจไปแล้วไม่ใช่รึไง… ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ คนที่เสียใจที่สุดจะไม่ใช่่นาย แต่จะเป็นดาดาต่างหาก..”
เขากำหมัดแน่น และเตรียมใจที่จะพูดมันออกไป
“ดาดา..ผมนะ..อยากให้เธอทำงานเป็นการ์ดที่นี้ หลังจากที่ผมออกจากที่นี้ไปแล้วนะ”
“เอ๋?”
‘พูดออกไปจนได้สินะ…. ดูเธอจะเจ็บปวดน่าดู แต่ว่าเพื่อเธอแล้ว ต่อให้เธอจะเกลียดผมก็ไม่เป็นไร’
“ยะ.. อย่ามาล้อเล่นกันสิเฟ เรื่องนี้มันไม่ขำนะ”
“มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรอกดาดา มันคือเรื่องจริง.. ผมตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วละ”
“ทำไมละ ฉันทำอะไรผิดละ เฟ ถ้านายโกรธที่ฉันชอบโวยวายใส่นายละก็ จากนี้ไปฉันจะไม่ทำอีกแล้ว–“
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกดาดา ผมไม่เคยโกรธเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย”
“ถ้างั้นมันเรื่องอะไรละ!! พูดออกมาให้ชัดๆสิ!!! ไม่งั้นฉันไม่เข้าใจหรอกนะ!!”
ดาดาตะคอกเฟเสียงดัง ที่ดวงตาของเธอมีน้ำตาซึ่มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับหางที่ปรากฏขึ้นมาครบทั้ง9หาง เฟรู้ดีว่าในตอนนี้เธอกำลังสับสน และมันก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องพูดออกไปให้กับดาดารับรู้
“ผมรู้ว่าเธอกำลังโกรธผม แต่ว่าหากเธออยู่ที่นี้เธอจะแข็งแกร่งขึ้น และพวกนั้นก็แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเธอได้ ตัวผมในตอนนี้นะเริ่มที่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆแล้ว เพราะงั้นผมนะ ไม่อาจจะปกป้องเธอได้อีกแล้วเพราะงั้น–“
“ฉันไม่ได้ขอให้นายมาปกป้องฉันสักหน่อย!! ทำไมนายถึงชอบเห็นฉันเป็นเด็กๆอยู่เรื่อย ตอนนี้ฉันโตพอแล้ว ฉันดูแลตัวเองได้!!”
“…..”
เฟเงียบไม่ตอบอะไรกับดาดา
“ฉันเป็นภาระของนายเหรอเฟ..ตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับนาย ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้เลยรึไง…”
“ถ้าผมตอบว่าใช่ละ….”
“!!!!”
ดาดาตะลึงในคำตอบของเฟเธอก้มหน้าลง เพื่อไม่ให้เฟเห็นใบหน้าของเธอในตอนนี้
“งั้นเหรอ..ฉันเข้าใจแล้วละ…นายคงลำบากมากเลยสินะ ที่ต้องมาแบกภาระอย่างฉันไปมาตลอดเวลานะ”
“…..”
ปึก!!!
ดาดาโยนดาบที่เธอเคยได้รับเป็นของขวัญจากเฟกลับคืนไปหาเขา
“ก็ได้!! ฉันจะไปจากชีวิตนาย ในเมื่อนายมีตอนนี้นายมีแขนขวาฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กับนายแล้วนี้!!”
“……”
“อย่า..เอาแต่เงียบสิยะ..ตาบ้า…”
ดาดาวิ่งจากไปทั้งน้ำตา ส่วนเฟนั้นก็ยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับไปไหน เขาเอาดาบที่ดาดาโยนกลับคืนมาเหน็บไว้ที่เอว
“แค่กๆๆ”
เฟไอออกมาเล็กน้อย เขานำมือมาอังไว้ที่ปากตามนิสัยของเขาที่ทำประจำ
“ความเย่อหยิ่งและทรนงตัวของเจ้าจะนำหายนะสู่ตัวเจ้าและคนรอบข้าง ในสักวันตัวเจ้าจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ตาม….. สกสัยคำพูดของอาจารย์ดูเหมือนจะใกล้เป็นจริงซะแล้วสิ”
เฟนึกถึงคำพูดสุดท้ายของอาจารย์ที่เคยพูดไว้กับเขา พร้อมกับมองเลือดที่ติดอยู่บนฝ่ามือของเขา ก่อนที่จะเช็ดมันด้วยผ้าเช็ดหน้าที่พกเอาไว้เป็นประจำ
“คูมิ..ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้ว ตัวข้าเองจะเป็นคนทำให้ดาดาเจ็บปวดมากที่สุดสินะ….”(ภาษาต่างแดน)
เขาพูดพร้อมกับเงยหน้ามองไปที่ท้องฟ้าที่เริ่มจะครึ้มและมัวหมอง สายลมแห่งฤดูหนาวยังคงพัดผ่านตัวของเขาไป โดยที่ทิ้งความหนาวเย็นเอาไว้ให้กับเขาที่อยู่เบื้องหลังของมันอย่างโดยดายในตอนนี้
.
.
.
.
.
“บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ตุบๆๆๆๆ
ดาดากางกรงเล็บออกมาและก็ข่วนไปที่ต้นไม้แห้งซ้ำๆ เพื่อระบายความโกรธที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้
“เป็นแค่เฟแท้ๆกล้าดียังไง!! มาบอกว่าฉันเป็นภาระได้ยังไงกันยะ!! !!”
ตูม!!!!
ดาดาใส่แรงไปเต็มที่ใส่ต้นไม้ ทำให้ต้นไม้ต้นนั้นหักและโค่นลงมา
“แฮ่กๆๆๆ… ฉันนะ..ก็ไม่ได้อยากจะเป็นภาระของนายสักหน่อย..”
ดาดานั้งลงหลังจากที่โค่นต้นไม้เสร็จด้วยความเหนื่อยล้า เธอใช้ท่อนไม้ที่โค่นออกมานั้นเป็นที่พักผิงเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้า และมองไปที่มือข้างซ้ายของตัวเอง
“คอยดูเถอะ ฉันจะพิสูจให้นายเห็น…ว่าฉันนะ… ไม่ใช่ภาระของนาย อีตาซื่อบื้อ”
เธอพูดพร้อมกับมองไปที่มือของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้น เพื่อกลับไปคุยกับเฟอีกครั้ง
“ว้ายยยยย!!”
ดาดาร้องออกมาด้วยความตกใจหลังจากที่มีบางสิ่งบางอย่างพุ่งมาหาเธอ แต่ด้วยทักษะของเธอ ทำให้เธอสามารถหลบสิ่งที่พุ่งเข้ามาหาเธอได้อย่างทันทวงที
“โธ่เว้ย!!! อีดอกนั้น!! บังอาจทำกันซะได้!!”[ภาษาต่างแดน]
สิ่งที่พุ่งมานั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นชายที่อยู่ในชุดผ้าคลุมที่สวมใส่หน้ากากสีน้ำเงินขาวเพื่อปกปิดใบหน้าของตัวเอง ในตอนนี้เขากำลังถูกไล่ล่าหลังจากแผนการของเขาพลาด
“พุ่งมาหาพระแสงอะไรของแกยะ!! รู้ไหมว่าเมื่อกี้แกเกือบจะชนแล้วนะ!!”
“!!!!”
ดาดาตะคอกใส่เขาด้วยความหงุดหงิด ทำให้ชายคนนั้นหันกลับมามองดาดาทันที หน้ากากที่เขาใส่อยู่นั้นสำหรับดาดานั้นมันดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง… แถมพลังยังไม่แข็งแกร่งมากอีก.. ดูเหมือนโชคชะตายังคงไม่ละทิ้งข้าสินะ”[ภาษาต่างแดน]
“พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง แต่ช่างเถอะ วันหลังอย่าพุ่งใส่คนอื่นแบบนี้ละกัน”
“เดี๋ยวสิสาวน้อย”[ภาษาต่างแดน]
ก่อนที่ดาดาจะได้เดินจากไปชายสวมหน้ากากก็รั้งแขนของเธอเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ!! ไอ้โรคจิต!!!”
ดาดาใช้เรี่ยวแรงอันมหาศาลของเธอเพื่อสะบัดมือของชายคนนั้นออกแต่ไม่ว่ายังไง ก็ไม่อาจสู้แรงแขนที่จับมือของเธอไว้ได้
‘หมอนี้แรงเยอะจัง อย่าบอกนะว่าเป็นมนุษย์สัตว์เหมือนเรา’
“ไม่ดิ้นต่อแล้วเหรอสาวน้อย งั้นก็ดีแล้วละ ทางนี้จะได้ทำงานได้ง่ายขึ้นมาอีกหน่อย”
“อึก!!”
ชายสวมหน้ากากดึงร่างของดาดามาใกล้ๆ และก็สับไปที่ท้ายทอยของเธออย่างแรง ทำให้ดาดานั้นหมดสติไปทันที
“ไอ้โรคจิต!! แกจะทำอะไรน้องจอกจิ้งกัน ห๊า!!!”
ซอร์ดพุ่งมาหาชายสวมหน้ากากทันทีและใช้ดาบฟันไปที่คอของเขา แต่ถึงอย่างงั้นเมื่อดาบปะทะกับร่างของเขามันก็ทะลุผ่านไปทันที ราวกับว่าชายคนนั้นไร้ตัวตน
“ลาขาดละ ยัยพวกสัตว์ประหลาด”[ภาษาต่างแดน]
ตูม!!!!!
ชายสวมหน้ากากปาบางสิ่งบางอย่างลงสู่พื้น ทำให้คว้นสีดำฟุ่งกระจายบดบังวิสัยทัศของซอร์ด
“แค่กๆๆๆๆ ไอ้บ้านั้น พริ้วเหลือเกิน ท่าจับได้ละก็ แม่จะจับแยกเป็นพันๆชิ้นเลยคอยดู!!”
ซอร์ดพุ่งทะยานอีกครั้งแต่ถึงอย่างงั้นเธอก็หยุดลงทันทีเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะรุกล้ำเขตแดน ของหมู่บ้านอื่น
“….แล้ว..ทีนี้ฉันจะไปบอกกับคุณเฟยังไงดีละเนี้ย”
ซอร์ดทำหน้าปั้นยากและมองป้ายแบ่งเขตแดนที่เป็นรูปรอยประทับอุ้งเท้าสัตว์
“ทำสีหน้าปั้นยากเชียว ทำศัตรูหลุดไปได้รึไงซอร์ด”
โซน่าที่ตามมาทีหลังเอ่ยทักขึ้นหลังจากที่เห็นซอร์ดทำหน้ากลุ้มอยู่ตรงที่แบ่งเขตแดน
“มันแย่กว่านั้นอีกนะสิ หมอนั้นดันจับน้องจอกจิ้งเป็นตัวประกันด้วยนะสิ”
“แย่เลยนะนั้นนะ แบบนี้เธอต้องโดนหัวหน้าดุแน่ๆเลย”
“เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างเถอะ ฉันเป็นห่วงน้องจอกจิ้งมากกว่า ท่าเธอได้สติมาคงจะกลัวไอ้หมอนั้นจนร้องไห้แหงๆ”
“อืม ก็จริงนะ ถ้างั้นละก็…”
โซนาก้มลงไปแตะที่พื้นหลังจากนั้นก็ถ่ายไปพลังเวทย์ลงไป
“เจอที่อยู่แล้วละ อยู่ในกระท่อมใกล้ๆนี้เอง แต่ว่าดันอยู่ในเขตของหมู่บ้านอื่นที่ยุ่งยากที่สุดด้วยสิ”
“อ๊า~ กะแล้วเชียว น่าเจ็บใจชะมัด!! ทั้งๆที่อยู่ไม่ไกลแท้ๆ แต่ดันทำอะไรหมอนั้นเลยไม่ได้เนี้ยนะ!!”
“น่าๆ ฉันMarkหมอนั้นกับน้องจอกจิ้งไว้แล้ว ไม่ว่าจะไปตรงไหนก็หาเจออยู่ดีนั้นแหละ เอาไว้ไปรายงานหัวหน้ากับรองหัวหน้าให้มาจัดการเรื่องนี้เถอะ”
“แต่ว่า-“
“ซอร์ดอย่าลืมสิ ว่าตอนนี้เรากำลังสานสัมพันธ์กับหมู่บ้านนั้นอยู่ ถ้าเราไปบุกรุกเขตแดนของพวกนั้นเกินไปละก็ สิ่งที่ทำมาก็จะสูญเปล่าทั้งหมดนะ”
โซน่าพูดย้ำกังซอร์ดอีกครั้ง ทำให้ซอร์ดที่กำลังลังเลอยู่ถึงกับถอดหายใจยอมแพ้ และเก็บดาบเข้าฝัก
“เฮ้อ~..ก็ได้…แต่เธอต้องมาช่วยฉันอธิบายเรื่องน้องจอกจิ้งกับคุณเฟด้วยละ”
“จ้าๆ ฉันจะรอดูตอนที่คุณเฟโมโหเธออย่างใจจด ใจจ่อเลยละ”
“เธอนี้นิสัยแย่ชะมัดเลยนะเธอเนี้ย นอกจากจะไม่ช่วยยังรอซ้ำเติมกันอีก ฉันควรเลิกคบเธอเป็นเพื่อนดีมั้ยเนี้ย”