บทที่ 64 ฝีมือใคร
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ฉิน คุณรู้ใช่ไหม ว่าคุณมาเกาะแฟร์เวลเพื่อเปิดฟาร์มปลา ไม่ได้มาเที่ยวเล่น” ซีมอนสเตอร์กล่าวขึ้น
เขาใส่ใจเพื่อฟาร์มปลาและฉินสือโอวเอง วันหนึ่งใช้จ่ายไปตั้งล้านดอลลาร์แคนาดา กลับได้มาแต่เรือยอชต์สำหรับใช้ท่องเที่ยว ยังดีที่มีเรือหัวกว้างลำหนึ่งที่ยังเอาไปใช้ออกทะเลได้ แต่เดิมวันนี้ตั้งใจจะมาซื้อเรือประมงไม่ใช่หรือ?
ฉินสือโอวตบบ่าซีมอนสเตอร์ตอบยิ้มๆ “ฉันเข้าใจความหมายของนาย พวก แต่นายควรรู้ด้วยว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตก็คือการใช้ชีวิต ฟาร์มปลามันก็อยู่ตรงนั้น มันไม่หนีไปไหนหรอก แต่เรื่องเวลามันต่างกัน ควรใช้ขีวิตให้คุ้มค่าเข้าไว้”
ซีมอนสเตอร์แบมือยอมแพ้ใส่ชาร์ค ชาร์คหัวเราะ “บอสก็อย่างนี้แหละ เขาเป็นเจ้าของฟาร์มปลาสมัครเล่น ไม่ได้พึ่งพาฟาร์มปลาในการหากิน นายใช้มุมมองปกติกับเขาไม่ได้หรอก”
ทั้งขับรถคาดิลแลควัน เพิ่งซื้อเรือยอชต์ทรอลเลอร์มาล้านกว่า และเจ็ทสกีแบรนด์ดังอีกสองลำ เจ้าของฟาร์มปลาแบบนี้อาจไม่ได้พบเห็นบ่อยในเซนต์จอห์น แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เกาะแฟร์เวล
ซีมอนสเตอร์ถอนหายใจ ยอมประนีประนอม “ก็ได้ งั้นมาซื้อเรือประมงวันอื่นแทนก็แล้วกัน”
ฉินสือโอวยิ้ม กล่าวว่า “ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำงานทำการเสียหน่อย พวก จะเลื่อนวันซื้อเรือประมงไปทำไม?”
บิ๊กฟุตเรคโบกใบรายการในมือ พูดกับซีมอนสเตอร์ว่า “ฉันจัดการหาของตามที่ฉินขอไว้หมดแล้ว เหลือแค่หาอู่ต่อเรือมาสักหลังก็เสร็จแล้ว”
ซีมอนสเตอรับใบแสดงรายการมาดู มันคือคำแนะนำการซื้อเรือที่เขาเคยบอกฉินสือโอวไปก่อนหน้า ซึ่งถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว
การประกอบเรือประมงไม่ใช่เรื่องที่จะทำคนเดียวได้ ทั้งโครงสร้างใหญ่ เครื่องยนต์หนัก ที่จริงจะจัดการกันเองก็ได้ แต่ตอนประกอบขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญที่อู่ต่อเรืออยู่ดี เรคช่วยฉินสือโอวเลือก เป็นอู่เรือชื่อดังที่สุดในเซนต์จอห์นคือ อุตสาหกรรมเรือโพไซดอน
เมื่อทำตามคำแนะนำของซีมอนสเตอร์เรียบร้อย ฉินสือโอวจึงซื้อเรือประมงนอกน่านน้ำ 200 ตันลำหนึ่ง ใช้พลังขับเคลือน 928 กิโลวัตต์ ความยาว 40.19 เมตร ความลึก 3.5 เมตร ความกว้าง 7.4 เมตร บรรทุกได้ 473 ตัน น้ำหนักสุทธิ 199 ตัน นอกจากติดตั้งอุปกรณ์ทั่วไปบนเรือแล้ว ยังติดตั้งอุปกรณ์สำหรับจับปลา อุปกรณ์รักษาความสดและแปรรูป ตัวช่วยตกปลาและอุปกรณ์นำทาง ก็แทบพร้อมออกทะเลไปจับปลาแล้ว
ส่วนเรือเล็กที่ประกอบเอง ไม่ว่าเรือยอชต์หรือเรือประมง ก็ไม่สามารถขนไปได้ สุดท้ายความซับซ้อนของการสร้างฟาร์มปลาก็ไม่อาจเทียบกับคอมพิวเตอร์ได้เลย มันใหญ่เกินไป!
ตกเย็น พวกฉินสือโอวกำลังเดินทางกลับบ้าน เรือเฟอร์รี่แล่นลุยคลื่นลมกลางทะเล ฉินสือโอวเอนตัวพิงรั้วตรงหัวเรือมองไปยังหมู่เมฆสีแดงเต็มฟ้าทางทิศตะวันตกด้วยใจนิ่งสงบ
หลังมายังเกาะแฟร์เวล ทุกวันเวลาก่อนและหลังเลิกงานที่คลาคล่ำไปด้วยรถประจำทาง ชีวิตเร่งรีบวุ่นวายไม่ต่างจากสงครามนั้น ดูจะห่างไกลจากเขาเสียแล้ว จังหวะชีวิตของที่นี่ดูเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้า ขนาดความเร็วในการพูดยังช้ากว่าในเมือง
ฉินสือโอวค่อนข้างชอบชีวิตแบบนี้ทีเดียว
“คุณกำลังมองอะไรน่ะ?” วินนี่เอนตัวพิงรั้วเลียนแบบเขา ลมทะเลพัดผ่านเบาๆ ผมสีทองของเธอพลิ้วไหวตาม เสื้อผ้าพัดปลิวไปมา รู้สึกราวกับตัวเองกำลังโบยบิน
“มองสภาพอากาศน่ะ พรุ่งนี้คงจะอากาศดีอีก” ฉินสือโอกล่าวพลางถอนหายใจ
“รู้ได้ยังไง?” วินนี่ถามด้วยความสงสัย
“ท้องฟ้าสีเพลิงยามราตรี กะลาสีสำราญใจ ท้องฟ้าสีเพลิงยามอุทัย กะลาสีพึงจำไว้พายุจะมา” ฉินสือโอวยิ้มตอบ “นี่คือสิ่งที่พ่อสอนผมไว้ ไม่ผิดแน่นอน”
กลับมาถึงฟาร์มปลา นีลเซ็นก็สั่งพิซซ่า ฉินสือโอวทอดสเต๊กปลาอีกเล็กน้อบ ทุกคนต่างหัวเราะพูดคุยกันระหว่างทานอาหาร
นีลเซ็นรายงานเรื่องผลการสำรวจเบื้องต้นของแม็กซ์ เวลล์หัวหน้าวิศวกรบริษัทรับเหมาก่อสร้างเวลล์ที่มาฟาร์มปลาให้ฉินสือโอว “เขาเลือกสถานที่ที่จะสร้างท่าเรือได้สองที่แล้ว ท่าเรือแบบใช้แรงถ่วงอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฟาร์มปลา ส่วนท่าเรือแบบเสาสูงจะสร้างใหม่จากท่าเรือเก่าที่ยังมีอยู่ ทางคนงานคำนวณค่าวัสดุไว้ให้แล้ว ราคาประมาณห้าล้าน”
วินนี่แลบลิ้น พูดขึ้นอย่างแปลกใจ “ทำไมแพงขนาดนี้?”
ชาร์คที่เตรียมตัวรออยู่แล้ว เขาอธิบาย “วินนี่ นี่คือท่าเรือนะ อันหนึ่งเป็นท่าเรือแบบใช้แรงถ่วงที่มีเพียงรัฐบาลเท่านั้นที่มีกำลังพอจะสร้างไหว อีกอันเป็นท่าเรือเสาสูงห้าร้อยเมตรที่สามารถจอดเรือหมื่นตันได้!”
“ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้หรอก แค่รู้สึกว่ามันแพงก็เท่านั้นเอง” วินนี่หยิบพิซซ่าชิ้นหนึ่งเข้าปากคำใหญ่อย่างสมชายแบบชาร์คกับซีมอนสเตอร์ ไม่มีการใช้มีดหั่นเป็นชิ้นเล็กกินแบบกุลสตรีแม้แต่น้อย
“คือว่า ท่าเรือของพวกเราตอนนี้ เดิมเป็นแค่สะพานไม้ที่ยื่นไปในทะเล โดยมีเรือประมงผูกไว้สองด้าน แต่มันก็รองรับเรือประมงได้มากที่สุดแค่สองสามร้อยตัน ถ้าเกิดเป็นท่าเรือแบบเสาสูงห้าร้อยเมตร ก็จะสามารถสร้างกำแพงกันคลื่นตามแนวชายฝั่งได้ ที่จอดเรือที่กระจายตามกำแพงกันคลื่น ก็จะมีจำนวนและความยาวเพิ่มขึ้น” ชาร์คช่วยอธิบายเพิ่ม
“พูดง่ายๆคือ ฟาร์มปลาจะรองรับเรือประมงได้มากขึ้นเหมือนยิงนัดเดียวได้นกสองตัวเลย” นีลเซ็นเอ่ยยิ้มๆ
ฉินสือโอวยักไหล่ กล่าวว่า “ไม่ดีหรือไง? ในอนาคตธุรกิจฟาร์มปลาจะขยายใหญ่ขึ้น พวกเราเช่าที่จอดเรือในเซนต์จอห์นไปไม่ได้ตลอดหรอก เหมือนการตัดแบ่งเนื้อไปเรื่อยๆ มีแต่จะยิ่งเปลืองเงิน สู้จัดการทีเดียวไปเลยดีกว่า”
แต่ก่อน เมืองแฟร์เวลมีที่จอดเรือไม่พอ ท่าเรืออื่นก็ตื้นเกินไป เรือประมงหลายตันจึงจอดไม่ได้ จอดได้แค่ในเซนต์จอห์น ภายหลังเลยใช้เรือประมงเล็กในการจับปลาขนปลาไปมาแทน
ซึ่งมันค่อนข้างยุ่งยาก แต่เกาะแฟร์เวลยังไม่เคยมีฟาร์มปลาขนาดใหญ่มาก่อน และไม่มีได้โอกาสร่วมมือกับทางเรือประมงใหญ่มาก
ฉินสือโอวกินพิซซ่าไปชิ้นหนึ่ง แล้วฉีกชิ้นเล็กๆให้หู่จือกับเป้าจือกิน เจ้าเด็กสองตัวแย่งกินกันอย่างตะกละตะกลาม เดี๋ยวกินเดี๋ยวกัดกัน สร้างเสียงหัวเราะให้กับบทสนทนาบนโต๊ะอาหารไม่น้อย
หลังกินเสร็จฉินสือโอวตรงเข้าห้องนอน โดยมีหู่จือกับเป้าจือวิ่งดุ๊กดิ๊กตามหลัง แต่เมื่อถึงหน้าประตูห้องนอน ทั้งสองตัวก็หยุดตรงนั้น พวกมันนั่งแลบลิ้นเลียปากกับพื้น ตาโตล่อกแล่กไปมา ทำท่าทำทางน่ารัก
ฉินสือโอวกลุ้มใจ ถ้าเปิดประตู เจ้าสองตัวนี้ต้องพุ่งเข้าไป แล้วพวกมันก็จะยึดห้องนอนเป็นฐานแน่ จะแก้พฤติกรรมพวกนี้อย่างไรดี?
เขาเดินไปในห้องนอนอย่างลังเล และเหยียบเข้ากับฉี่กองหนึ่ง
“น้ำมาจากไหนเนี่ย?” ฉินสือโอวพึมพำกับตัวเองอย่างหนักใจ
เขามองกองน้ำบนพื้น มันเป็นทรงรีทั่วไป สีเหลืองอ่อน ไม่นานเขาก็เดาออกว่ามันคืออะไร
ฉินสือโอวกระชากประตูเปิดออกไปมอง เห็นหู่จือกับเป้าจือที่นั่งตัวสั่น พร้อมใจพากันวิ่งหนีหางจุกตูดลงบันได
เพราะบันไดเป็นแบบวน และค่อนข้างชัน เป้าจือที่วิ่งเร็วเกินเลยสะดุดล้มกลิ้งตกบันได
วินนี่ที่ยังอยู่ในห้องรับแขก เห็นเป้าจือสะดุดกลิ้งลงมา ก็รีบพุ่งไปรับอย่างใจเสีย ลูบหัวหมาน้อยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ทูนหัว ตกลงมาเจ็บไหม ไหน ให้ฉันดูหน่อยซิ ตกมาจากไหนกันเนี่ย…”
ยิ่งเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ฉินสือโอวจะเดาไม่ออกได้อย่างไรว่ากองน้ำในห้องนั้นมันคืออะไร? แค่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าฝีมือเจ้าหมาตัวไหน!
การที่ลูกหมาฉี่ในบ้าน เป็นเรื่องพบเห็นได้บ่อย แต่เมื่อก่อนตอนฉินสือโอวเลี้ยงหมากลับไม่ค่อยได้ประสบเท่าไร เพราะทุกครั้งที่เลี้ยงลูกหมาในบ้าน พ่อเขาจะสอนมันให้หัดออกไปฉี่ตรงดินลานนอกบ้านก่อนแล้ว
นอกจากนี้ ตามธรรมเนียมบ้านเก่าของฉินสือโอว เวลาเลี้ยงลูกหมาจะต้องบูชาเทพเจ้าหวังเหย่ [1]เพื่อไม่ให้มันไปฉี่เรี่ยราด
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พ่อของฉินสือโอวทำ ซึ่งตัวเขายังไม่ได้ลอง แถมก่อนหน้านี้เจ้าพวกลูกหมาลาบราดอร์ก็น่ารักกันมาก พาลให้ลืมเรื่องนี้ไป
เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกหมายังเล็ก สามารถสอนได้ แต่ถ้าขืนปล่อยตามใจ จนพวกมันโตมา ได้ยุ่งยากกว่าเดิมแน่ เพราะพอถึงวัยสนแต่กินไม่สนขับถ่ายขึ้นมา พวกหมาจะรับมือยากมาก
ฉินสือโอวเดินลงมาทั้งหน้าโหด โดยมีหู่จือกระดิกหางตามถูไถลงบันไดมาด้วย เขายื่นมืออุ้มมันขึ้นมาแล้วไปยังห้องนั่งเล่น รับตัวเป้าจือที่วินนี่กอดไว้ จับมาวางบนเก้าอี้สูงด้วยกัน
เจ้าสองตัวดูจะรู้ตัวว่ามีความผิด จึงเบียดเข้าหากันพร้อมก้มหัวต่ำ หู่จือแลบลิ้นเลียปาก เป้าจือแลบลิ้นหอบ ‘แฮกๆ’ เหมือนทำหน้าทะเล้น
วินนี่เห็นฉินสือโอวท่าทีแปลกๆ จึงถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ฉินสือโอวชี้เจ้าเด็กสองตัว “เจ้าสองตัวนี้ วันนี้ตอนเราไม่อยู่บ้าน พวกมันถึงกับขึ้นไปฉี่กันในห้องนอนเลย!”
พอเห็นฉินสือโอวชี้นิ้วมา เจ้าลาบราดอร์น้อยทั้งสองก็พากันยืดหัวขึ้นเลียประจบเขา หางหมุนรัวจนแทบบินได้ ไม่ต่างจากใบพัดเฮลิคอปเตอร์
ในใจฉินสือโอวอยากหัวเราะ แต่ยังทำหน้าทะมึนไว้ เขารู้ว่าเวลานี้ไม่ควรทำหน้าใจดีใส่เด็กสองตัว ไม่งั้นห้องนอนเขาได้เตรียมกลายเป็นห้องน้ำแน่ จึงดึงมือกลับ แล้วจัดการดีดหน้าผากใส่ทั้งสองจนหงาย
เป้าจือร้อง ‘เอ๋งๆ’ ไปสองครั้ง มันลุกขึ้นหมุนไปมาบนเก้าอี้สองรอบ แต่ก็หาทางหนีไม่เจอ เก้าอี้ตัวนี้สูงหนึ่งเมตรสองฟุต สำหรับทั้งสองตัว คงเป็นความสูงที่น่ากลัวทีเดียว
“บอกมา พวกนายสองตัวใครไปฉี่ในห้องนอนกัน?” ฉินสือโอวถามพลางจ้องเขม็ง
เป้าจือกลอกตาล่อกแล่กหาทางหนีลงจากเก้าอี้ ส่วนหู่จือยังคงยื่นหน้าแลบลิ้นเลียปากแกล้งบื้อ
“มองฉัน แล้วตอบมา ว่าฝีมือใคร?” ฉินสือโอวจิ้มหัวเด็กสองตัว
วินนี่พยายามกลั้นขำ ขึ้นเสียงถามจากด้านข้าง “ไหนใครฉี่เรี่ยราดหืม? รีบแสดงตัวเดี๋ยวนี้!”
เมื่อโดนทั้งสองคนดุ พวกมันจำต้องยอมว่าง่าย ครวญเสียงต่ำ ‘หงิงๆ’ ในปาก ก้มหัวเบียดตัวเข้าหากันบนเก้าอี้ ทำท่าหงอยๆ
ฉินสือโอวจับหลังคอหู่จือหิ้วขึ้นมาตรงหน้า แกล้งคำรามใส่ “ไหน หู่จือ นายเป็นพี่ชาย สารภาพมาก่อนเลย ใช่ฝีมือนายหรือเปล่า?”
หู่จือมองฉินสือโอวอย่างงุนงง มันแลบลิ้นเลียปากก่อนก้มหน้างุด ขดขาป้อมๆทั้งสี่นิ่ง แสดงให้เห็นความสำนึกผิด
ฉินสือโอวคว้าเป้าจือมาอีกตัว เป้าจือร้องอย่างขัดใจ ตาเล็กๆสองข้างกลอกไปมา ไร้ซึ่งความจริงใจแบบหู่จือ ดูเสแสร้งมาก
หลังจากสั่งสอนเจ้าสองตัวสักพัก ฉินสือโอวก็พาพวกมันเข้าไปในห้องนอน วางไว้ข้างๆกองฉี่นั้น มือแต่ละข้างจับหัวพวกมันไว้ แล้วพูดข่มขู่ “มา พวกนายเป็นคนฉี่เอง แล้วยังไม่ยอมรับอีก งั้นก็มาช่วยฉันทำความสะอาดเสียเลย”
เจ้าเด็กสองตัวขัดขืนไม่ยอม ขาทั้งสี่ยันพื้นแน่น ฉินสือโอวดันพวกมันไปข้างหน้า ทั้งสองตัวพยายามยันขาหลังไว้ ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมไปเด็ดขาด เห็นดังนั้นวินนี่ก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว
ฉินสือโอวยังคงบังคับให้พวกมันอยู่ข้างกองฉี่สักพัก แล้วจึงหิ้วออกมานอกบ้าน วางไว้บนพื้นหญ้าเอ่ยว่า “ทีหลังจะถ่ายหนักหรือถ่ายเบาให้ออกมาข้างนอกนะ เข้าใจไหม ต้องออกมาถ่ายข้างนอกเท่านั้น!”
ทั้งสองตัวเงยหน้าจ้องฉินสือโอวตาโต ก่อนจะแกล้งบื้อต่อ
กระรอกเสี่ยวหมิงเห็นฉินสือโอวกับวินนี่ออกมา จึงปีนขึ้นไปบนกิ่งต้นเมเปิล ถือผลเฮเซลนัทแทะ ‘ง่ำๆ’ อย่างสุขใจ กินไปดูฉินสือโอวที่พยายามสอนเจ้าลาบราดอร์สองตัวนั้นไป
หลังวนไปมาอยู่สองรอบ ทั้งสองตัวถึงเข้าใจความหมายของฉินสือโอว ครั้งที่สองจากห้องนอนไปสนามหญ้า หู่จือก็ทำการนั่งยองค่อยๆเตรียมปล่อยหนักทันที เป้าจือมองหู่จืออย่างงุนงงครู่หนึ่ง ก่อนเกิดการเรียนรู้แบบ ลูกวัวถ่ายหนักตามแม่วัว แล้วเริ่มเตรียมปล่อยหนักบ้าง
………………………………………
[1] เทพเจ้าเตาไฟ เชื่อว่าจะคอยปกปักคุ้มครองคนในบ้าน โดยตั้งเตาหุงต้มหันไปทางทิศเหนือหรือทิศตะวันตก พร้อมของบูชา