ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1085 ปลาเก่าแก่ตัวหนึ่ง

ช่างต่างจากที่ฉินสือโอวคาดไว้ เขาคิดว่าแร่จะกองเป็นภูเขาอยู่ในเรืออับปางเสียอีก ที่จริงมันเก็บไว้ในกล่องไม้ต่างหาก กล่องไม้มากมายที่กองพะเนินเป็นภูเขา แน่นอนว่ากล่องไม้เหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ผุพังไปแล้ว
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนม้วนคลื่นทะเลชะล้างรอบๆ เรืออับปาง โคลนถูกเซาะออกจนสะอาด เผยให้เห็นกล่องไม้ต่างๆ และแร่ที่ร่วงออกมาตามรอยแตกของกล่อง
สีของแร่เหล่านี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาสีน้ำตาล แทนที่จะขรุขระแบบก้อนหิน แต่ละก้อนกลับเป็นทรงลูกบาศก์หยาบๆ โดยมีร่องรอยของการตัดและหลอมตรงขอบ
จิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปในเรืออับปาง เขาค้นหาตั้งแต่หัวจรดท้าย ก่อนจะพบกับเรื่องไม่คาดคิด
ภายในเรือมีซากโครงกระดูกแห้งกรังผุๆ มากมาย และมีพวกของมีค่าอย่างโซ่ทอง เครื่องประดับทองและแหวนทองตามตัวกระดูก
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือเมื่อมาถึงห้องบังคับการ มีโครงกระดูกร่างหนึ่งกำลังกอดกล่องขนาดเท่าลิ้นชักเอาไว้ ด้านในเป็นเครื่องประดับทองส่องประกายมีความเรียบง่ายลึกลับตามสไตล์อินคา มันถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี จนน่าส่งไปประมูลเป็นผลงานศิลปะ
ฉินสือโอวเจอเจ้าสามเกลอ เจ้าสามตัวนั้นกำลังไล่ตามปลาหมึกฝูงหนึ่ง อ้าปากกว้างงับดังกร๊วมๆ กินปลาหมึกพวกนั้นเข้าปาก ผ่านคอและลงท้องไป
แต่พอสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของจิตสำนึกโพไซดอน พวกมันก็รีบผละจากปลาหมึก แล้วม้วนไปตามน้ำที่กำลังถูกจิตสำนึกโพไซดอนควบคุม
พวกปลาหมึกที่ในที่สุดก็รอดพ้น ต่างหนีกันสุดชีวิต ปรากฏหนีไปได้ไม่เท่าไร ไม่ไกลกันนั้นพลันเกิดคลื่นน้ำกระเพื่อมไหว ปรากฏเงาขนาดใหญ่ขึ้นเหนือหัวพวกปลาหมึก ก่อนพุ่งเข้ามาล่าเหยื่อทันที ทำเอาพวกปลาหมึกต้องพบกับนรกอีกรอบ!
สิ่งที่จู่ๆ ก็พุ่งเข้ามานั้นเป็นปลาตัวใหญ่ประมาณสองเมตรกว่า ฉินสือโอวเพิ่งเคยเห็นปลาใหญ่แบบนี้ในมหาสมุทรอินเดียครั้งแรก ทีแรกคิดว่าเป็นฉลามตัวเล็ก แต่พอจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปใกล้กลับต้องตะลึงเมื่อพบว่ามันไม่ใช่ฉลาม แต่เป็นปลาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ปลาตัวนี้ดูท่าทางสง่าน่าเกรงขาม มันมีความยาวสองเมตรกว่า ลำตัวหนา หัวใหญ่ ปากกว้างและมีฟันเหมือนใบมีดด้านใน หน้าตาดูโหดเหี้ยมไม่ต่างจากฉลามเสือทรายไอซ์สเกตเลย
หน้าตาของมันค่อนข้างแปลก ลำตัวปกคลุมด้วยแผ่นเกล็ดกลมรีใหญ่ เกล็ดที่โผล่มามีหลายส่วนเป็นตะปุ่มตะป่ำ ทำให้พื้นผิวดูขรุขระ ผิดกับปลาส่วนใหญ่ ปลาใหญ่ตัวนี้มีครีบที่แข็งแรงไม่ว่าจะครีบท้อง ครีบหลังหรือหาง ล้วนดูทรงพลัง
ฉินสือโอวมองปลาตัวนี้พลางครุ่นคิดไปว่า ถ้ามันขึ้นบก เป็นไปได้ไหมว่ามันจะสามารถคลานได้ด้วย?
พอได้เจอปลาชนิดนี้เป็นครั้งแรก ฉินสือโอวเพียงประหลาดใจเล็กน้อย แล้วส่งพลังโพไซดอนเข้าไปในตัวมันส่วนหนึ่ง
เหตุผลที่ทำเช่นนั้นเพราะจิตสำนึกโพไซดอนจะสามารถสัมผัสถึงบางสิ่งได้จากในตัวปลา ฉินสือโอวสัมผัสได้ว่ามันมีชีวิตอยู่มายาวนาน ปลาแก่ตัวนี้อยู่มาหลายปีแล้วเลยไม่ค่อยได้ยินอะไร
ปลาตัวนี้เป็นแค่บทสลับฉากเท่านั้น หลังฉินสือโอวให้พลังโพไซดอนเรียบร้อยก็จากมา
เขามีจุดประสงค์ที่ทำแบบนี้อยู่ คือการแสร้งทำเป็นประสบความสำเร็จแบบพวกปรมาจารย์ในนิยายจอมยุทธ์ เวลาพบคนที่ชะตาต้องกันก็จะช่วยเสริมสร้างกำลังภายในเรื่อยๆ ให้ไปเริ่มสร้างตำนานบทหนึ่งนั่นเอง
พอพาเจ้าสามเกลอกลับมาข้างเรืออับปาง ฉินสือโอวก็สังเกตปากของพวกมัน ปากของโลมาปากขวดกว้างที่สุดแต่หัวเล็ก ปากของฉลามเสือทรายอ้าได้ไม่มาก ขณะที่ลูกวาฬเบลูกามีปากใหญ่
ประเด็นคือลูกวาฬเบลูกานั้นใหญ่ทั้งหัวและปาก แม้มันจะเติบโตค่อนข้างช้า แต่ตอนนี้ตัวก็ยาวถึงสองเมตรครึ่งแล้ว ตัวใหญ่กว่าไอซ์สเกตกับบีนอีก
บีนเองก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก สังเกตได้จากปฏิกิริยาที่มันไม่สนใจไอซ์สเกตเลย ไอซ์สเกตต้องเจอช่วงที่ยากลำบากเสียแล้ว ช่วงวัยรุ่นของโลมาปากขวดพวกมันจะสนใจในเพศเดียวกันมาก พอถึงวัยผู้ใหญ่ถึงจะกลับเป็นปกติ
ลูกวาฬเบลูกาหยิบแร่ขึ้นมาก้อนหนึ่งก่อนจะลอยขึ้นไป ฉินสือโอวไม่ได้ให้พวกมันนำไปไว้บริเวณเรือเก็บกู้โดยตรง เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องใหญ่กันพอดี
เขากับบิลลี่ขับเรือเล็กลำหนึ่งออกมาราวสิบกว่ากิโลเมตรเพื่อสมทบกับวาฬเบลูกา
เมื่อได้รับคำสั่งของฉินสือโอว บอลหิมะก็ค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ เหมือนก้อนหยกขาวกลมเกลี้ยงขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แสงอาทิตย์ส่องกระทบบนตัวมัน งดงามจนน่าหลงใหล!
บิลลี่เห็นแร่ในปากบอลหิมะก็ไม่ได้รีบคว้าด้วยความยินดี เขาวาดไม้กางเขนตรงอกอย่างเปี่ยมศรัทธา พึมพำอ่านไบเบิลท่อนหนึ่ง แล้วจึงเอื้อมไปหยิบแร่
บอลหิมะไม่ได้สนใจแร่อยู่แล้ว พอบิลลี่เอาไป มันก็ยกหางขึ้นเหนือน้ำหันไปทางฉินสือโอว หางใหญ่ฟาดลงน้ำจนเกิดคลื่นสาดใส่ ฉินสือโอวเปียกเต็มๆ
เขาหัวเราะเสียงดัง ถอดเสื้อแล้วยื่นมือไปลูบบอลหิมะ มันขยับเข้าใกล้อย่างว่าง่าย แต่ทันทีที่อยู่ใกล้ก็อ้าปากพ่นน้ำสายหนึ่งใส่ทำฉินสือโอวเปียกโชกเป็นลูกหมาตกน้ำ
เมื่อเห็นดังนั้น บอลหิมะยิ่งชอบใจ ทำปากเสียง ‘บรืนๆ’ เป็นเสียงที่เรียนรู้มาจากเสียงคำรามของเครื่องยนต์เจ็ทสกีตอนที่ได้เจอฉินสือโอวครั้งแรก
พอหวนคิดถึงเหตุการณ์การเจอกันครั้งแรก ฉินสือโอวก็ยกยิ้มอย่างอ่อนโยน นั่งลงตรงดาดฟ้าเรือเล็กก้มลงไปลูบหัวบอลหิมะ
ตอนที่เจอกันครั้งแรก บอลหิมะอยู่กับแม่ ปรากฏหลังจากนั้นแม่ก็โดนนักล่าวาฬชาวญี่ปุ่นฆ่าตายและทำร้ายเจ้าตัวเล็ก ฉินสือโอวพลันตระหนักว่าตัวเองไม่ค่อยได้ใส่ใจเจ้าสามตัวนี้เท่าไร สำหรับเขามันอาจเป็นแค่สัตว์เลี้ยงสามตัว แต่สำหรับพวกมัน ฉินสือโอวมีแค่คนเดียว
โชคดีที่เขาให้พลังโพไซดอนกับทั้งสาม พวกมันเลยเป็นเพื่อนกันได้ ไม่งั้นมันคงอยู่ในทะเลอย่างโดดเดี่ยวแน่นอน!
คิดได้ดังนั้น ฉินสือโอวก็เรียกบีนกับไอซ์สเกตมาด้วย เขาถอดเสื้อผ้าก่อนจะกระโดดลงน้ำไปเล่นกับทั้งสามตัว
พอได้เห็นร่างแวววาวของบอลหิมะ บิลลี่ที่อยู่บนเรือก็วาดมือเป็นไม้กางเขนอีกรอบอย่างอดไม่ไหว ในแง่ของความประทับใจ วาฬเบลูกาก็เป็นเหมือนจิตวิญญาณแห่งท้องทะเลเลยทีเดียว
ทั้งสามตัวชื่นชอบการเล่นมาก นิสัยร่าเริงกันหมด ยิ่งได้อยู่กับฉินสือโอวก็ยิ่งมีชีวิตชีวา
ของทุกอย่างในน้ำล้วนทำเป็นของเล่นได้หมด ทั้งเศษไม้ลอยน้ำ สาหร่ายทะเล หรือปลาเล็กสักตัวก็เป็นของเล่นได้หมด
บีนเจอสาหร่ายเส้นยาวในน้ำ มันพันไว้รอบตัวเองเดี๋ยวดำเดี๋ยวโผล่ พอว่ายมาถึงด้านข้างฉินสือโอวมันก็อ้าปากพร้อมยกมุมปากขึ้นเหมือนกำลังยิ้ม
ฉินสือโอวเล่นกับพวกมันอย่างมีความสุข พลันเกิดฟองอากาศผุดขึ้นบนผิวน้ำ ปรากฏว่ามีปลาใหญ่ตัวหนึ่งโผล่หน้าขึ้นมา
ท่าทางมันคงไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับแสงอาทิตย์ ปลาใหญ่รีบดำลงน้ำทันทีที่หัวมันถูกแสงเพียงเล็กน้อย ร่างที่แข็งแกร่งและดูน่าเกลียดเคลื่อนผ่านไปตามผิวน้ำ การเคลื่อนไหวทรงพลังมาก
ฉินสือโอวจำได้ว่าเป็นปลาแก่ที่เขาส่งพลังโพไซดอนให้ก่อนหน้านี้ ไม่นึกว่ามันจะตามมาด้วย ดูท่าคงมากับสามตัวนั้นแน่
“ปลาซีลาแคนท์! ฟัค! นั่นมันปลาซีลาแคนท์อินโด! ต้องเป็นปลาซีลาแคนท์อินโดแน่ๆ!” เขาที่กำลังอาลัย จู่ๆ บิลลี่ก็ตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
ฉินสือโอวมองเขาอย่างประหลาดใจ “อะไรนะ ปลาซีลาแคนท์?”
บิลลี่อุทาน “นายเป็นชาวประมงทำไมถึงไม่รู้จักปลาซีลาแคนท์? นั่นมันปลาที่มีค่าที่สุดในมหาสมุทรอินเดียเลยนะ!”
……………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset