ได้ยินพวกทหารพูดกลั้วหัวเราะกัน ฉินสือโอวก็หยิบปืน AK-74 ในมือแบล็คไนฟ์มา ทันทีที่ความหนักและเย็นเยียบของปืนไรเฟิลลงสู่มือเขา เขาพลันตระหนักว่านี่คือสงครามนองเลือด ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่อย่างใด
โครงสร้างและหลักการพื้นฐานของไรเฟิลนั้นเหมือนๆ กัน ยิ่งฉินสือโอวที่เคยเล่น AK-74 มาก่อนจึงคุ้นเคยกับ AK-74 ในตอนนี้เป็นอย่างดี
เขาปิดเซฟดึงรังกระสุนออกมาดู ด้านในเต็มไปด้วยกระสุน ปลอกกระสุนสีทองส่องประกายเย็นเยียบ แผ่ความรุนแรงอันสวยงามเฉพาะตัวของมัน
หลังเช็กว่ามีกระสุนเต็มรังเพลิง ฉินสือโอวก็ปลดกระสุนออกมาใหม่ ดึงสไลด์เปิดเซฟแล้วบรรจุกระสุนเพื่อเพิ่มความกล้าให้ตัวเอง ก่อนเอ่ยเสียงต่ำว่า “ทุกคนระวังตัวด้วย ถ่วงเวลาเอาไว้ จำไว้ว่าความปลอดภัยของชีวิตสำคัญที่หนึ่ง!”
แบล็คไนฟ์มองฉินสือโอวอย่างตกใจ “บอส อย่าบอกนะว่าคุณก็จะสู้อยู่ตรงนี้ด้วย?”
ฉินสือโอวยิ้ม ตอบอย่างแน่วแน่ “ฉันเป็นบอสของพวกนาย ก็ต้องอยู่สู้กับพวกนายแน่นอนสิ พวกนายคงไม่คิดว่าฉันจะเป็นนายทุนที่แค่สนุกสนานอย่างเดียวหรอกใช่ไหม?”
ได้ยินดังนั้น เบิร์ดก็รีบมารั้งฉินสือโอวไว้ กล่าวอย่างเข้มงวดว่า “ไม่ครับบอส นี่คือสงคราม ไม่มีใครรู้ว่าไม่กี่นาทีข้างหน้าจะมีอะไรรอตัวเองอยู่ ดังนั้นคุณอย่าออกไปเสี่ยงดีกว่า คุณเข้าไปในเคบิน ข้างนอกให้พวกเราจัดการเองเถอะครับ”
พูดตามตรง ถ้าเป็นไปได้ ฉินสือโอวก็ไม่อยากอยู่ข้างนอกเหมือนกัน เขาเข้าใจความอันตรายของการต่อสู้ด้วยปืนดี เขามีจิตสำนึกโพไซดอน มีภรรยาที่รัก เงินดอลลาร์มหาศาล และยังมีลูกสาวที่เพิ่งเกิดอีก
แต่ยามนี้เขาจำเป็นต้องออกไปสู้ เพราะเขากลัวตายบนเรือที่สุด ไม่อยากตายเลยสักนิด และตอนนี้เขาไม่อยากฝากความปลอดภัยในชีวิตไว้กับพวกทหาร เขาอยากไปคุมด้วยตัวเอง
เขาใคร่ครวญดีแล้ว ถ้าสถานการณ์วิกฤตขึ้น เขาจะใช้จิตสำนึกโพไซดอนพลิกเรือสองลำนั้นเสีย ต่อให้เป็นการเปิดเผยความสามารถตัวเองก็ช่าง ยังไงเขาก็ไม่อยากตาย!
ตอนนี้ปัญหาคือเขาไม่รู้กำลังที่แท้จริงของโจรสลัดที่จะบุกเข้ามาแม้แต่น้อย เขากังวลว่าพวกทหารจะต้านไม่ไหว แบบนั้นถ้าพวกเขาป้องกันเรือล้มเหลวแล้วโจรสลัดขึ้นเรือมา ตอนนั้นจิตสำนึกโพไซดอนจะไร้ประโยชน์ไปเลย
มีแต่ต้องไปอยู่แนวหน้า เขาถึงจะใช้งานจิตสำนึกโพไซดอนได้
แต่เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถเป็นฮีโร่ถือไรเฟิลไปลุยแนวหน้าได้ ได้แต่หาที่ปลอดภัยซ่อนพลางคอยดูสถานการณ์การรบก็พอ ถ้าพวกทหารได้เปรียบเขาก็ไม่ต้องใช้จิตสำนึกโพไซดอน ถ้าพวกทหารแพ้ถึงค่อยออกโรง
นี่คือแผนของฉินสือโอวแต่คนอื่นๆ ไม่รู้ เข้าใจแค่ว่าเขาอยากทำตัวเป็นฮีโร่ จึงพากันเกลี้ยกล่อมให้เขาไปซ่อนในเคบินก่อน
เบลคลากฉินสือโอวมาแล้วกล่าวว่า “สนามรบไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา เรื่องนี้ปล่อยให้บอดี้การ์ดของนายจัดการไปก็พอ พวกเรามาซ่อนก่อนดีที่สุด อย่าไปเพิ่มเรื่องยุ่งยากให้พวกเขาก็พอ”
ฉินสือโอวแน่วแน่ที่จะดูการต่อสู้ เขาเลยพยายามซื้อใจเต็มที่โดยแสดงท่าทีมุ่งมั่นไม่หวาดกลัว “พวกเขาไม่ใช่บอดี้การ์ดฉัน เป็นแค่ชาวประมงที่ฟาร์มปลาฉันเอง ฉันไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้พวกเขาต้องทำงานถวายชีวิตเพื่อเงินค่าประมงแบบนั้น! ถ้าฉันไปซ่อนแล้วทิ้งพวกเขาไว้กับดาดฟ้าเรือ จากนี้ไปฉันคงต้องสมเพชตัวเองไปตลอดแน่!”
พูดจบเขาก็ตบบ่าพวกแบล็คไนฟ์ทีละคน เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ฉันทิ้งคนของฉันไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้หรอก ฉันต้องพาพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัยให้ได้!”
พวกแบล็คไนฟ์ต่างพยักหน้าเคร่งขรึม ยื่นมือไปกำปั้นไปกระทุ้งอกฉินสือโอว เจ้าหน้าที่บนเรือของบิลลี่พากันมองเขาด้วยความชื่นชมก่อนจะมองหัวหน้าตัวเอง ความหมายนั้นชัดเจนมาก ดูบอสคนอื่นสิช่างเป็นลูกผู้ชาย กล้าหาญขนาดนี้ แล้วดูคุณสิ?
บิลลี่ไม่กล้าอยู่สู้กับโจรสลัดจริงๆ เขาได้แต่เปลี่ยนเรื่อง ตวาดตอบว่า “เพราะไอ้เวรอาบูนั่นแท้ๆ ไอ้พวกเวรนั่น ทำไมมันต้องขับสปีดโบ๊ทของพวกเราไปด้วย? ฟัคพวกแม่งทุกคน! ถ้าเวลาอย่างนี้มีสปีดโบ๊ทล่ะก็ อย่างน้อยพวกเราจะได้หนีกันไปก่อน!”
เขาบ่นกระปอดกระแปดจนฉินสือโอวต้องบ่นตามอย่างทนไม่ไหว “หุบปากซะโอเคไหม? มาพูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย ทำไมบนเรือนายถึงไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลย? ที่นี่คือโซมาเลียนะ เรือพวกนายมาอยู่ตั้งหลายวัน ทำไมถึงไม่รู้จักจ้างบอดี้การ์ดบ้าง?”
บิลลี่พูดด้วยความคับแค้นใจ “ที่จริงโซมาเลียไม่ได้วุ่นวายขนาดนั้น ไม่มีโจรสลัดมายุ่มย่ามปีหนึ่งแล้ว แถมเรือเรายังเป็นเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์อีก โจรสลัดมันจะมาสนใจเรือแบบนี้ได้อย่างไร? พวกมันปล้นแต่เรือสินค้าทั้งนั้น”
ออกทะเลมามีกะลาสีทำหน้าที่บอดี้การ์ดแค่สี่คน เทียบกับเรือใหญ่ห้าพันตันแล้วบอดี้การ์ดสี่คนไม่ได้ช่วยอะไรเลย อย่างน้อยจัดหาคนมาสักยี่สิบกว่าคนก็ยังดี
บิลลี่ต้องขอบคุณเบิร์ด ทีแรกเขาไม่ได้เตรียมปืนมาเยอะขนาดนี้ เป็นเบิร์ดที่ระแวงอันตรายมากกว่า หลังมาถึงโซมาเลียก็ติดต่อพ่อค้าอาวุธในตลาดมืด เอาปืนไรเฟิลมากองหนึ่ง แน่นอนว่ามีแค่ไรเฟิล ไม่สามารถถือครองอาวุธอื่นที่รุนแรงกว่านี้ได้
เบลคกับแบรนดอนก็ไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย เพราะพวกเขาคิดแบบเดียวกับบิลลี่นั่นเอง ปัจจุบันโมกาดิชูถูกรัฐบาลควบคุมไว้ในกำมือ จะมีอะไรให้กังวลกัน?
ในทางกลับกันฉินสือโอวที่ไม่รู้เรื่องสถาการณ์โซมาเลียมากที่สุด คิดว่าประเทศนี้ยังอยู่ในสภาวะสงคราม ควรพาคนไปเยอะๆ ตอนนี้กลับมีประโยชน์ที่สุด ถ้าไม่มีฉินสือโอว พวกบิลลี่ตอนนี้คงยกมือยอมแพ้พวกโจรสลัดไปแล้ว
สปีดโบ๊ทของโจรสลัดขับ ‘บรืนๆ’ เข้ามาแล้ว พวกบิลลี่กับเบลคพากันก้มตัววิ่งเข้าไปในเคบิน ฉินสือโอวก็รีบเอ่ยกับแบล็คไนฟ์ว่า “พวกนายรีบมาสั่งการคนหนึ่งเร็วเข้า!”
แบล็คไนฟ์มองฉินสือโอวทั้งตะลึง ตะโกนตอบ “บอส ไม่ใช่ว่าต้องเป็นคุณเหรอ?”
จวนจะถึงเวลาสู้แล้ว เสียเวลาไม่ได้ ฉินสือโอวเลยสบถตอบ “นายยังมัวงงอะไรอยู่? ยังกับฉันรู้เรื่องการทหารงั้นแหละ! ตอนนี้ฉันเป็นแค่นายทหารธรรมดา นายรีบเข้ามาเถอะ รีบเลือกผู้บังคับบัญชาซะ!”
เบิร์ดโบกมือตกลง “โอเค ฟังนะ ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าระดับสูง! แบล็คไนฟ์ นายเอากระสอบทรายไปท้ายเรือ ถ้าโจรสลัดคิดจะขึ้นจากทางนั้นก็อัดมันให้น่วม ยิงสวนไปเลย!”
“บอส คุณไปอยู่กับนีลเซ็น พวกคุณรับผิดชอบเรื่องคุ้มกันกับซุ่มยิง จำไว้ว่าทุกครั้งหลังยิงต้องเปลี่ยนที่ตลอด และคุณเกาะติดนีลเซ็นไว้!” เบิร์ดดึงนีลเซ็นมากำชับต่อ “ดูแลบอสดีๆ โอเค?”
นีลเซ็นทำมือบอกไม่มีปัญหา ก่อนพาฉินสือโอวไปซ่อนหลังประตูเหล็กห้องบังคับการ บิลลีที่กำลังโผล่หัวมามองรอบๆ ในห้องบังคับการ พอเห็นทั้งสองเข้ามา เขาก็รีบเปิดประตู “รีบมาซ่อนเร็ว!”
เบิร์ดทำการมอบหมายหน้าที่ให้คนอื่นๆ ต่อ คนส่วนใหญ่หมอบลงกับข้างเรือเพื่อไม่ให้คนข้างนอกเห็นตัวพวกเขา
ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกโพไซดอนออกไป ยามนี้เริ่มมีลมทะเลพัดผ่าน ทว่าแรงลมนั้นไม่พอจะสร้างคลื่นใหญ่ได้
เขานำจิตสำนึกโพไซดอนไปควบคุมเรือประมงโจรสลัดด้านหลัง จากนั้นพัดโหมพายุจากเล็กไปใหญ่จนสุดท้ายกลายเป็นคลื่นน่าสะพรึงพัดใส่เรือประมงโจรสลัด ทำให้มันไม่สามารถไปด้านหน้าได้ง่ายๆ แบบนี้สปีดโบ๊ทกับเรือโจรสลัดด้านหลังก็จะโดนดึงแยกห่างจากกัน
………………………………………………….
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1093 สมกับเป็นลูกผู้ชายจริงๆ
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!