ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1094 สมเป็นโจรสลัด

หลังวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว เบิร์ดก็มาซ่อนที่ห้องบังคับการ
บิลลี่ชะงัก แล้วถามว่า “นายก็มาซ่อนเหรอ?”
ครั้งนี้เบิร์ดเป็นผู้บัญชาการของฝั่งพวกเขา แม้ปกติผู้บัญชาการมักต้องอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในสนามรบ แต่นี่เป็นความขัดแย้งขนาดย่อมนะ ห้องบังคับการก็ต้องเหมาะสำหรับผู้นำ เป็นจุดยุทธศาสตร์แนวหน้านั่นเอง
พอเจอบิลลี่สงสัย เบิร์ดก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาพยักหน้าให้ฉินสือโอว ก่อนเข้าไปในห้องบังคับการหยิบไมโครโฟนขึ้นมา เปิดแตรเรือเสียงดังเปิดเสียงออกไปข้างนอก
ขณะดำเนินการเบิร์ดก็อธิบายให้ฉินสือโอวฟังไปด้วย “โจรสลัดจะเริ่มทำการเจรจาก่อน ผมจะลองดูว่าจะล่อเจ้าพวกโง่นั่นขึ้นมาบนเรือได้ไหม ถ้าเป็นงั้นคงจัดการพวกมันได้ไม่ยาก”
แน่นอนว่าหลังเสียงเขาปล่อยออกไปภายในไม่กี่วินาที สปีดโบ๊ทก็แล่นทะยานเข้ามาหยุดจอดใกล้เรือ จากนั้นมีคนยืนถือลำโพงตรงหัวเรือตะโกนดังสุดเสียงขึ้นว่า “คนบนเรือจงฟัง พวกเราคืออาสาสมัครหน่วยยามชายฝั่ง! เราเป็นลูกน้องของหัวหน้าอบาดี ซุกกา! ถ้าพวกนายยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็รีบยอมแพ้เสีย อย่าคิดขัดขืนใดๆ!”
ก่อนจะมาโซมาเลียฉินสือโอวได้ตั้งใจทำความเข้าใจสถานการณ์ของทางนี้ไว้ หลายปีที่ผ่านมาที่แห่งนี้สับสนวุ่นวายไปด้วยสงคราม ผู้คนล้วนอดอยาก แล้วก็เกิดอาสาสมัครหน่วยยามไร้สาระขึ้นมา!
อาสาสมัครหน่วยยามชายฝั่งที่โจรสลัดพวกนี้พูดถึงนั้นดันเป็นองค์กรที่มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่อาสาสมัคร เป็นกลุ่มโจรสลัดที่ใหญ่มากจนติดหนึ่งในสามที่ครอบคลุมทั้งน่านน้ำโซมาเลีย
หัวหน้าอบาดี ซุกาที่ว่าก็คือผู้นำกลุ่มโจรสลัด เขาแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้บัญชาการ โดยมีลูกน้องและพวกเจ้าหน้าที่การเงินอายุน้อยเปี่ยมความสามารถ มีการสร้างทหารเด็กขึ้นด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมไร้ปรานี
แต่ตามที่ฉินสือโอวรู้ อบาดี ซุกาคนนี้โดนเก็บไปแล้วนี่นา เพราะไม่กี่ปีก่อนเขาอาจหาญส่งคนไปขโมยเรือรบลำหนึ่งของรัสเซียเข้า!
การกระทำนี้ของอาสาสมัครหน่วยยามชายฝั่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ท่านปูตินเป็นอย่างมาก เขาถึงกับไม่สนใจอำนาจอธิปไตยอะไร แล้วส่งกองทัพเรือไปกวาดล้างน่านน้ำโซมาเลียในนามของการคุ้มกัน โดยเฉพาะเรือโจรสลัด นอกจากนี้ยังประกาศต่อสาธารณะว่าพวกเขาจะฆ่าอบาดีให้ได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฆ่าก็จะไม่กลับแล้วทำการกวาดล้างต่อไปเรื่อยๆ
ตอนนั้นเองโจรสลัดกลุ่มอื่นๆ ก็เริ่มหวาดกลัว พวกเขาร่วมมือกันฆ่าอบาดีกันเอง แล้วรีบส่งไปให้ท่านปูตินอย่างไว
จะเห็นได้ว่าคนชั่วต่างมีความชั่วในตัวเอง แต่ไหนแต่ไรโจรสลัดโซมาเลียไม่ได้มีองค์กรทางทหารที่แข็งแกร่งอะไร การที่พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดในน่านน้ำนี้ได้ ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่เป็นแต่ละประเทศไม่ได้ตั้งใจจะจัดการพวกเขาอย่างจริงจังต่างหาก
ทำไมรัฐบาลแต่ละประเทศถึงไม่คิดจะกวาดล้างโจรสลัดล่ะ สาเหตุนั้นเรียบง่าย เพราะเบื้องหลังโจรสลัดพวกนี้ที่แท้ก็คือผลประโยชน์ของพวกเขานั่นเอง…
พอพวกโจรสลัดเริ่มพูด เบิร์ดก็ถอนหายใจ เขาเปิดปุ่มสื่อสาร ลำโพงตรงหัวเรือพลันเกิดเสียงแสบแก้วหูขึ้น โชคร้ายที่เรือเล็กพวกโจรสลัดดันจอดอยู่หน้าเรือพอดีซึ่งได้ยินเสียงลำโพงไปเต็มๆ ทำพวกเขาสะดุ้งโหยงกันถ้วนหน้า
พวกโจรสลัดเริ่มโมโหกัน แต่เบิร์ดรีบพูดปลอบ “ท่านนักรบทั้งหลาย ได้โปรดอย่าเพิ่งใจร้อน เรายินดียอมแพ้อยู่แล้ว อย่างไรพวกเราก็เป็นแค่ลูกเรือธรรมดาเท่านั้นเอง เหมือนกับพวกคุณนั่นแหละ พวกเราล้วนอยากหลุดพ้นจากวันอันยากลำบากของความจน ขอเชิญนักรบทั้งหลายขึ้นมาคุมเรือเราได้เลย แต่ห้ามฆ่าพวกพี่น้องของเรา เชิญพวกคุณมาเก็บเงินกับเจ้าของเรือครับ”
โจรสลัดโซมาเลียนั้นมีกฎอยู่ ถ้าเจ้าของเรือยินดีจ่ายค่าไถ่ โดยทั่วไปพวกเขาจะไม่ทำร้ายตัวประกัน และพวกโจรสลัดไม่สามารถเรียกร้องเกินราคาได้ พวกเขาจะกำหนดเงินค่าไถ่ตามราคาของเรือที่ยึดปล้นได้และสัญชาติของลูกเรือ
  ปัจจุบันในโซมาเลีย โจรสลัดหาเลี้ยงชีพโดยการกลายเป็น ‘บริษัท’ เต็มตัวรูปแบบหนึ่งไปแล้ว การเรียกค่าไถ่ถือเป็นห่วงโซ่ที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรม พวกโจรสลัดไม่สามารถแหกกฎกันได้ง่ายๆ
ได้ยินเบิร์ดพูดดังนั้น โจรสลัดพวกนี้ก็ส่งเสียงเชียร์ยินดีกันทันที โจรสลัดยกลำโพงขึ้นตะโกนตอบ “รีบเอาบันไดพวกแกลงมาเร็ว ให้ไวด้วย ไม่งั้นพ่ออาจให้พวกแกได้กินกระสุนกัน!”
เบิร์ดส่งเสียงตกลง บันไดเรือเก็บกู้ถูกปล่อยลงมาวาง คนบนสปีดโบ๊ทสะพายไรเฟิลต่างแย่งกันปีนขึ้นไป
ตามขั้นตอนลำดับเหตุการณ์ ต่อไปก็ต้องเป็นการปล้นสะดมระลอกที่หนึ่ง พวกโจรสลัดทำการขโมยเงิน นาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับของลูกเรือ จากนั้นจึงขโมยอาหารบางส่วน สุดท้ายก็จับพวกเขาขังเรียกค่าไถ่
แต่คราวนี้เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย มีการสะดุดกองสาหร่ายทะเลมากมายบนเรือ พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ารอบข้างไม่มีวี่แววของคนเลย มีแค่เรือใหญ่ที่เงียบเชียบ
พวกเขารู้สึกใจคอไม่ดีจึงหันเตรียมวิ่งกลับ ปรากฏพอหันมาก็พบกับปากกระบอกปืนสีดำเป็นแถว
AK-74! ขี้โกงชัดๆ!
ทันทีที่โจรสลัดพวกนี้กระจ่าง ใบหน้าสีดำของพวกเขาพลันเปลี่ยนเป็นเดี๋ยวดำเดี๋ยวซีดแทน ความโอ้อวดคุยโวก่อนหน้าแทบหายวับไป แต่ละคนเงียบกริบ ไม่ต้องให้พวกแบล็คไนฟ์พูดเตือน พวกเขาก็เอามือกอดหลังคอตัวเองไว้อย่างรู้งานแล้วนั่งยองๆ ลงบนดาดฟ้าเรือ
ฉินสือโอวที่แอบมองอยู่หลังประตูเอ่ยอึ้งๆ “นี่จบแล้วเหรอ?”
บิลลี่ก็ประหลาดใจพอกัน “ฟัค นี่น่ะโจรสลัดที่มีชื่อเสียกระฉ่อนนั่น?!”
พวกเขาต่างรู้สึกแย่ เหมือนโดนคนหลอกแกล้งเล่น
สีหน้าของเบิร์ดกลับยังดูไม่วางใจ เขายกกล้องส่องทางไกลมองไปทางเรือประมงที่ขับเข้ามาด้วยแรงม้าที่เพิ่มขึ้น
ไม่จำเป็นต้องอธิบาย เบิร์ดออกไปบอกให้ลูกเรือใช้เชือกมัดพวกโจรสลัดเอาไว้ทั้งหมด ฉินสือโอวออกไปมองดู ทว่าเขากลับเจอคนคุ้นหน้าคนหนึ่งเข้า ในบรรดาโจรสลัดพวกนี้เหมือนมีคนที่เคยเห็นแวบๆ ตอนที่เครื่องบินร่อนลงสนามบินนานาชาติโมกาดิชู เจ้าคนที่ถือลำโพงสั่งให้พวกเขาบินลงจอดแล้วจากนั้นยังมาขอทิปกับนักบินนั่นเอง
มิน่า ฉินสือโอวถึงรู้สึกว่าท่าทางของคนที่เพิ่งถือลำโพงตะโกนบนสปีดโบ๊ทดูหน้าคุ้นๆ ที่แท้ก็คนคุ้นเคยกันนี่เองที่มาก่ออาชญากรรม
คนๆ นั้นก็ดูท่าจะรู้จักฉินสือโอว พอเห็นเขาเพ่งความสนใจมาที่ตัวเองก็รีบยิ้มอธิบายตะกุกตะกัก “ไม่ ไม่ ไม่ใช่นะ ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิดกันระหว่างพวก พวก พวกฉัน ฉันใช่ไหม? ที่จริงพวกเราแค่ล้อ ล้อเล่นเองน่า”
ฉินสือโอวไม่ได้ตอบอะไร เบิร์ดหยิบไรเฟิลให้แบล็คไนฟ์ เขาใช้ด้ามไรเฟิลฟาดอย่างแรงจนเจ้านั่นร่วงลงไปนอนกับพื้น พร้อมกับเอ่ยว่า “หุบปาก! ไอ้พวกโง่! ตอนนี้ฉันถามแกต้องตอบ ใครมันโกหกฉันจะยิงส่งให้มันไปหาอัลลอฮ์ซะเลย เข้าใจไหม?”
พวกโจรสลัดแตกตื่นพยักหน้า แบล็คไนฟ์ถือไรเฟิลขึ้นมา เอ่ยเสริม “พวกแกมีทั้งหมดหกคน ดังนั้นโอกาสเลือกเราเลยมากกว่า จะไม่ให้โอกาสพวกแกครั้งที่สองแล้ว ใครโกหก จะตายทันที! พวกแกต้องชัดเจนนะไม่งั้นถ้าแกตายไป แฟนสาวที่บ้านแกก็จะแต่งงานใหม่ แล้วบ้านนั้นก็จะกลายเป็นของผู้ชายอื่นไปเลย ลูกของพวกแกก็จะกลายเป็นของผู้ชายอื่น แต่พวกแกไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าลูก เป็นได้แค่ทาสรับใช้ เข้าใจไหม?!”
พวกโจรสลัดพยักหน้าต่อ โดยรอบนี้ยิ่งกลัวมากกว่าเดิม
“พวกแกมาจากไหนกัน?” เบิร์ดถาม “เรือด้านหลังนั่นยังมีคนอีกกี่คน?”
…………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset