ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1107 ไพ่คิงอีกใบ

เบลคลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดความจริงออกมา “ในกลุ่มพวกนั้นมีวัยรุ่นอยู่สี่คน ที่พวกเขาต่างมีก็แบ็กอัปที่ค่อนข้างร้ายกาจนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อยนะ แต่ฉันก็คิดว่าในสมาคมบิ๊กแซมมีคนไม่น้อยเลยที่กลัวพวกเขา”
ฉินสือโอวพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า “งั้นให้พวกเขามาสิ พวกเขาต้องรับผิดชอบที่บุกรุกพื้นที่ฉัน และพวกเขาควรที่จะเตรียมพร้อมถูกกฎหมายลงโทษ ฉันก็รู้แหละ คงเป็นเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าคนจีนนั้นรังแกง่าย ก็เลยมาที่อาณาเขตของฉันกันครั้งแล้วครั้งเล่าสินะ”
เบลคไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ฉินสือโอวเลยพูดต่อ “ฉันอยากให้คนพวกนั้นรู้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่ยุคที่ว่าหากพวกเขาอยู่อีกฝั่งของทะเลจะสามารถยึดครองประเทศหนึ่งได้ด้วยปืนใหญ่”
“นี่คือสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศนายพูดไว้เหรอ?” เบลคยิ้มแห้ง
“นายพลท่านหนึ่งที่เก่งมากๆ เขาเอาชนะกองกำลังสหประชาชาติของแมกอาเธอร์ได้ ฉันยกให้เขาเป็นไอดอลตอนนี้เลยขอยืมคำของเขามาใช้หน่อยละกัน แล้วก็นอกจากนี้ ฉันยังจะยืมประโยคของนโปเลียนมาอีกหนึ่งประโยค เพื่อนหรือศัตรู ตอนนี้ต้องเลือกแล้ว” ฉินสือโอวยังคงพูดด้วยความนิ่ง
แต่เมื่อเบลคได้ยินประโยคนี้ มันทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยเพราะฉินสือโอวสงสัยในมิตรภาพของเขา เห็นได้ชัดว่าที่เขาโทรมาในค่ำนี้คงไม่เป็นการดีแน่
ดังนั้นเบลคจึงรีบอธิบาย “อย่าเข้าใจฉันผิด ฉิน ความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นมันยาวนานมาก ฉันแค่กังวลว่านายจะต้องเจอปัญหาที่มันยุ่งยาก ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็สนับสนุนการตัดสินใจของนายเสมอ เออใช่แล้ว ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลคนที่เป็นแบ็กอัปของครอบครัวเด็กทั้งสี่และส่งให้นายทางอีเมลแล้วนะ”
ฉินสือโอวเลยถามขึ้นว่า “สี่คนนั้นทำได้มากขนาดไหน?”
เบลคพูดด้วยความมั่นใจ “ไม่มากพอจะทำให้นายหวาดกลัวได้หรอก พ่อของลินตัน วอเทอเรนซ์ เป็นเจ้าของโรงหลอมเหล็กขนาดเล็กที่แฮมิลตัน แค่ลูกศิษย์ของนายร้องออกมาคำเดียวก็ล้มเขาได้แล้ว โดยทำให้เขาล้มละลายได้ภายในเสี้ยววินาทีเชียวล่ะ”
ที่เขาบอกว่าลูกศิษย์นี้จริงๆ แล้วคือ พ่อของไวส์ที่เป็นเศรษฐีเจ้าของโรงหลอมเหล็กรุ่นใหม่ที่มีอิทธิพลในชิคาโก้
พอได้ฟังที่เบลคพูดอย่างคล่องแคล่ว ฉินสือโอวกลับรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “เรือยอชต์ลำที่พวกเขานั่งมันมีมูลค่าอย่างต่ำก็สี่ล้านดอลลาร์แคนาดาเลยนะ ไหนว่าเป็นลูกชายเจ้าของโรงหลอมเหล็กขนาดเล็ก ทำไมร่ำรวยได้ขนาดนั้นล่ะ?”
เบลคหัวเราะแล้วพูด “เพราะลินตันมันเป็นลูกที่ล้างผลาญเงินครอบครัวน่ะสิ เขาบังคับพ่อทุกวิถีทางเพื่อให้ซื้อเรือยอชต์ลำนี้ให้ ฉันส่งข้อมูลไปให้นายแล้ว นายสามารถเช็กดูได้ การรวบรวมข้อมูลพวกนี้ใช้เวลาไม่น้อยเลย”
ในตอนสุดท้ายก่อนจะวางสาย เขาก็ไม่ลืมที่จะแสดงความเป็นมิตร แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตัวเขาเอง
หลังจากวางสายจากเบลค บิลลี่ก็โทรศัพท์เข้ามา พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็หัวเราะ ดูเหมือนว่าแบ็กอัปของสี่คนนี้จะไม่ได้ง่ายเหมือนที่เบลคบอกซะแล้ว
“นายก็จะมาพูดขอความเมตตาแทนไอ้โง่สี่คนนั้นเหรอ?” พอฉินสือโอวรับสายก็ถามแบบนี้ขึ้นมาในทันที
บิลลี่ถึงกับงงที่อยู่ดีๆ ก็ถูกถามแบบนั้น “อะไรนะ? ขอความเมตตาให้ไอ้โง่ไหน? ฉันไม่เข้าใจที่นายหมายถึง”
ฉินสือโอวเลยถามขึ้น “งั้นนายโทรมามีอะไร?”
การที่เพื่อนคนนี้โทรมาพอดีมันดูจะบังเอิญไปเสียหน่อย
บิลลี่เลยพูดว่า “อ๋อ คืออย่างนี้ แบรนดอนเอาเครื่องเสาหัวเรือและเหรียญทองที่ได้จากการประมูลมาล้างได้ประมาณหนึ่งแล้ว และพวกเราตัดสินใจที่จะให้ของขวัญนายร่วมกัน เลยโทรมาเพื่อบอกว่าของขวัญกำลังจะมาถึงนายในอีกไม่ช้า”
เกรงใจอยู่สักพัก ฉินสือก็โอววางสายและเริ่มศึกษาข้อมูลที่เบลคส่งมาให้ หลักๆ ข้างในจะเป็นการแนะนำสมาคมบิ๊กแซม มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบ็กอัปของเด็กสี่คนไม่มากนัก รู้แค่ว่าโรงเรียนพวกนั้นอยู่ไหน เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ครอบครัวทำธุรกิจอะไรเท่านั้นเอง
สมาคมบิ๊กแซมก็เหมือนที่เออร์บักบอก เป็นสมาคมที่ตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับเด็กนักเรียนแคนาดาเฉยๆ ต่อมาพอสมาชิกรุ่นแรกกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคม พวกเขาก็อยากที่จะพัฒนาสมาคมนี้สักหน่อย จนกลายเป็นสมาคมแนวหน้าของทั้งยุโรปและอเมริกา
วัฒนธรรมสมาคมแบบยุโรปได้เริ่มตั้งแต่ยุคกลาง ทั้งอัศวินเทมพลาร์และองค์กรฟรีเมสัน ที่ตอนนี้ได้แพร่ขยายเป็นวงกว้าง
สมาคมเฮชเอสมีอิทธิพลมากที่สุดในอเมริกา นับตั้งแต่ปี1825 มีประธานาธิบดีอเมริกามีเพียงสองคนที่ไม่ได้มาจากสมาคมนี้ และนับจากปี 1900 ก็มีสมาชิกในสมาคมเพิ่มถึง 67 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันแกนหลักสี่สิบเจ็ดจากห้าสิบอันดับแรกที่มีอำนาจบริหารการจัดการธุรกิจในอเมริกาก็เป็นสมาชิกของสมาคมเฮชเอส ซึ่งนั่นทำให้เกิดความหวาดกลัวในการส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมืองของอเมริกาเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่า ความน่าหวาดกลัวนี้มาจากจำนวนสมาชิกของสมาคมที่มีจำนวนมากมายมหาศาล สมาคมนี้ไม่ใช่พรรคการเมือง เป็นเพียงสมาคมที่ไม่ได้เคร่งครัดอะไร หรือพูดได้ว่าเป็นกลุ่มแบบหนึ่ง ที่ทุกคนใช้บุกเบิกสร้างมนุษยสัมพันธ์
แต่สมาคมประเภทนี้โดยปกติแล้วจะค่อนข้างหละหลวม หละหลวมจนไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน ดังนั้นเออร์บักจึงได้เตือนฉินสือโอวให้ระวังไว้ แค่ให้ระวังไว้ก็เท่านั้น อย่าเข้าไปเกี่ยวข้องโจมตีมากเกินไป แบบนี้จะได้ไม่ไปขัดใจคนส่วนมาก
การกระทำอันป่าเถื่อนของลินตันและพรรคพวกถูกฉายบนช่องข่าวในวันถัดมา และยังถูกพาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเซนต์จอห์นอีกด้วย และมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อระบบการศึกษา เพราะเด็กสี่คนนี้เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยโทรอนโต
เออร์บักฟ้องร้องเด็กทั้งสี่ ศาลของเมืองเซนต์จอห์นได้เริ่มการตรวจสอบและรวบรวมหลักฐาน ฉินสือโอวยุ่งมากในชั้นศาล มีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาเขา ซึ่งก็คือบัตเลอร์โทรเข้ามา โดยเขาบอกว่ากำลังจะมาถึงฟาร์มปลาเร็วๆ นี้ จึงโทรมาให้เขาออกไปรับหน่อย
ฉินสือโอวจึงฝากงานให้กับคนของศาล และรีบออกไปรับบัตเลอร์ทันที เมื่อบัตเลอร์เห็นเขาก็เข้ามาสวมกอดอย่างแรง พลางถอนหายใจและพูดว่า “เพื่อน ได้ยินว่าช่วงนี้นายเจอปัญหาอีกแล้วเหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้ม “ข้อมูลนายนี่แม่นตลอดเลยจริงๆ นะ ใช่แล้ว ฉันจัดการเด็กสี่คนไป พวกเขาบอกว่ามาจากสมาคมบิ๊กแซมอะไรสักอย่าง นายช่วยฉันหาข้อมูลให้หน่อยได้ไหม?”
บัตเลอร์พยักหน้าตอบ “สมาคมบิ๊กแซม บางทีอาจจะเป็นเพราะนายอยู่แคนาดาเลยไม่ค่อยรู้จักพวกเขามาก จริงๆ แล้วสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกา แต่ถ้านายอยู่ในอเมริกา นายก็จะรู้ว่าอิทธิพลของคนพวกนั้นไม่ใช่เล่นๆ เลย”
ฉินสือโอวเลยถาม “ทำไม พวกเขาไปหานายแล้วเหรอ?”
บัตเลอร์ถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วพูด “พวกมันลงมือไปแล้ว ในตระกูลมอร์รี่ก็มีไอ้เวรคนหนึ่งอยู่ในสมาคมบิ๊กแซม ดังนั้นคนพวกนั้นเลยใช้ตระกูลมอร์รี่กดขี่อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินของพวกเรา”
“แล้วผลเป็นอย่างไร?”
“ไม่ค่อยดีเท่าไร เพื่อน ชีวิตเรายุ่งแน่หลังจากนี้ พวกคนจีนมักจะพูดกันไม่ใช่เหรอว่าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจะนำพาความร่ำรวยมาให้? ฉันอยากถามหน่อย ถ้าเป็นไปได้ นายจะช่วยเพิกถอนคำฟ้องร้องพวกระยำนั่นได้ไหม?” บัตเลอร์ถามอย่างระมัดระวัง
ฉินสือโอวหัวเราะและยิ้มออกมาอย่างสดใส “พวกเราคนจีนก็มีคำพูดที่ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจหรือไม่ว่าจะเป็นแผนชั่วร้ายใดๆ ล้วนแล้วแต่เป็นแค่เสือกระดาษ[1] ถ้าพวกเราประนีประนอม นั่นก็หมายความว่าพวกเรามีศักยภาพไม่มากพอ แต่พวกเรามีศักยภาพมากพอที่จะจัดการนี่ ถูกไหม?”
ตาสองข้างของบัตเลอร์ตาเป็นประกายแล้วพูด “ฉันได้ยินมาว่านายรับเด็กที่เป็นลูกของราชาโรงเหล็กกล้ามาเป็นลูกศิษย์…”
“ไม่ เรื่องพวกนี้มันไม่จำเป็น หรือสมาคมพี่น้องระยำนั่นมันใช้ตระกูลมอร์รี่มากดขี่พวกเราเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี เราก็จะโจมตีพวกมันในธุรกิจตลาดปลาอย่างองอาจผ่าเผย!” ฉินสือโอวพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ฉันควรจะให้อีกหนึ่งบทบาทของฟาร์มปลาได้ออกโรงแล้ว”
ดวงตาของบัตเลอร์สว่างเหมือนหลอดไฟ “อะไร?”
“รอดูแล้วกัน!”
……………………………………………

[1] เสือกระดาษคือ เหมือนมีอำนาจหรือมีอำนาจ แต่ทำอะไรไม่ได้หรือไม่ยอมทำ ปล่อยวางเฉย

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset