ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1109 ล็อบสเตอร์ต้าฉิน

หลังจากระบายความรู้สึก บัตเลอร์ก็กลับไปนั่งที่ท่าเรือ ฉินสือโอวยักไหล่ ทำได้แค่นั่งข้างๆ เป็นเพื่อนเขา
เข้าเดือนห้าแล้ว ฤดูใบไม้ผลิอากาศดีมาก แสงอาทิตย์อุ่นๆ เป็นประกายส่องกระทบผิวน้ำ คลื่นแวววาวที่ถูกสายลมทะเลพัดผ่านขึ้นมาคลื่นแล้วคลื่นเล่าจนเกิดเป็นเสียง ‘ซู่ๆ’ เบาๆ
บัตเลอร์หันหน้ามายิ้มเบาๆ “นายเคยนั่งบนหน้าผาแล้วมองออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกไหม? ที่เป็นหน้าผาแบบเก่าแก่ ด้านหลังก็เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ใต้ก้นเป็นหินแกรนิตหยาบๆ แต่ด้านข้างมือยังสัมผัสได้ถึงหย่อมหญ้าเขียวขจี นายเคยมีประสบการณ์แบบนี้ไหม?”
ฉินสือโอวส่ายหัว เขาเคยปีนเขาที่แคนาดา ซึ่งก็คือเทือกเขาเคอร์บัลที่อยู่ข้างๆ ทุกครั้งที่ปีนเขา เขาก็แค่ขึ้นไปสูดอากาศบริสุทธิ์เฉยๆ เพราะว่าเขาอยู่ใกล้มหาสมุทรมาก ใกล้จนบางทีก็ทำให้เขามองข้ามไม่สนใจมหาสมุทร
“นั่นต้องเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมากแน่ๆ เลย”
“แน่นอน นายต้องลองไปสัมผัสถึงความรู้สึกแบบนั้นสักครั้งนะ” บัตเลอร์ยิ้มตอบ “ลองคิดดูนะเพื่อน นั่งตรงหน้าผาที่มีป่าสนอยู่รอบๆ จ้องมองไปที่มหาสมุทรแอตแลนติกที่เต็มไปด้วยกุ้งมังกรลอยอยู่เต็มไปหมด ในตอนนั้นข้างในใจก็จะรู้สึกสงบเหมือนได้จมลงไปใต้ท้องทะเลลึก ในตอนนั้นกาลเวลาก็จะไม่มีความหมายกับนาย นายจะกลายเป็นเหมือนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ตามชายฝั่งทะเล”
ฉินสือโอวมองลุงผู้มีหนวดเคราดกดำรุงรังด้วยสายตาประหลาดใจ ชายผู้นี้เก่งด้านศิลปะและวรรณกรรมจริงๆ
เห็นท่าทางประหลาดใจของคนที่อยู่ตรงหน้าเขา บัตเลอร์ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แต่รอยยิ้มบนหน้าของเขาช่างดูเรียบง่าย “นายเคยดูหนังเรื่องฟอร์เรสท์ กัมพ์ ไหม? ตอนที่ฟอร์เรสท์ กัมพ์อยู่ที่เวียดนาม เขามีเพื่อนร่วมรบคนหนึ่งชื่อ บับบา ที่บ้านของเขาทำบ่อตกกุ้งมาหลายรุ่น ประทับใจไหม?”
ฉินสือโอวตอบ “แน่นอน เป็นหนังที่คลาสสิคมาก นักแสดงก็เล่นได้ดีมาก ฉากสุดท้ายที่บับบาอยู่ในอ้อมกอดของกัมพ์แล้วพูดว่าอยากกลับบ้านไปหาแม่ ฉันจำฉากนี้ได้ขึ้นใจเลย”
บัตเลอร์เลยพูดว่า “ตอนที่เพิ่งรู้จักกัน ฉันเคยบอกนายว่าบ้านของฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเล ฮ่าๆ ที่จริงแล้วมีบางอย่างที่ฉันโกหกนาย บ้านของฉันไม่ได้ทำธุรกิจอาหารทะเลหรอก แต่ที่จริงแล้วจับกุ้งต่างหาก ก็เหมือนกับบ้านของบับบา มีเรือจับกุ้งอยู่ลำหนึ่ง ต้องลงทะเลทุกๆ วัน”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้กำไรทั้งหมดก็เป็นของนาย? งั้นก็ดีเลยน่ะสิ” ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจ
ที่ฟลอริดานั้นบัตเลอร์มีอิทธิพลมาก ที่นั่นธุรกิจของตระกูลมอร์รี่ไม่ใหญ่เท่าเขา ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายอยู่ที่นิวยอร์ก ในตอนนั้นเจ้าเครารุงรังนี่มุ่งมั่นเอาไว้ว่าอยากจะเข้าไปตีตลาดที่นิวยอร์ก สุดท้ายแล้วก็ถูกตระกูลมอร์รี่ดักทางไว้ไม่ให้ทำได้ เป็นความพ่ายแพ้เหมือนในยุทธการวอเตอร์ลู
ถ้าพูดถึงสถานการณ์นี้แล้ว บัตเลอร์เป็นคนลงมือจัดการกับทุกอย่างด้วยตัวเอง นั่นก็มากพอที่จะทำให้ฉินสือโอวเลื่อมใสได้แล้ว
บัตเลอร์ไม่ได้พูดเรื่องนั้น พูดเพียงแค่ว่า “บ้านเกิดของฉันอยู่ที่เมืองเล็กๆ ในฟลอริดา เมืองเล็กๆ นั้นตั้งอยู่บนภูเขาใกล้ๆ กับทะเล วัยเด็กของฉันกับตอนวัยรุ่น ฉันมักจะนั่งอยู่บนหน้าผาสูงมองพ่อแม่ขับเรือออกไปจับกุ้งก็เหมือนกับที่ทำอยู่ในตอนนี้”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันก็มาถึงบ้านของนายแล้วสิเพื่อน ไม่คิดจะพาฉันไปเดินชมหน่อยเหรอ?” ฉินสือโอวพูดแบบยิ้มๆ
บัตเลอร์ทำท่าทางเชื้อเชิญผายมือไปทางทะเล “มาสิ กระโดดลงไปเลย ฉันจะพานายไปเยี่ยมชมบ้านเกิดอย่างดีเลยล่ะ ฮ่าๆ”
พอพูดจบชายผู้ไว้หนวดเคราดกดำรุงรังก็หัวเราะออกมายกใหญ่
พวกเขาสองคนนั่งอยู่บนท่าเทียบเรือที่ทำจากไม้สนเนื้อแข็ง ลมทะเลที่มีกลิ่นเค็มปนกับกลิ่นสนจางๆ ลอยไปมา ตอนแรกกลิ่นไม่ค่อยดีนัก แต่พอฉินสือโอเริ่มคุ้นชินกับมันแล้ว พวกเขาก็คิดว่านี่มันเป็นกลิ่นของการประมง
แต่สำหรับชายหนวดเคราดกดำคนนี้ นี่คงจะเป็นเหมือนกลิ่นอายของบ้านเกิด
คลื่นที่กระทบกับท่าเทียบเรือ และบางช่วงที่กระแสน้ำลดลงก็จะเห็นร่องรอยของเพรียงคอห่าน เปลือกด้านนอกของพวกมันเหมือนกับก้อนหินที่เกาะอยู่บนท่าเรือ เปลือกสีเทาขรุขระมารวมอยู่ด้วยกันเป็นกระจุกดูแล้วรูปร่างแปลกประหลาดพิกล
แล้วคลื่นระลอกต่อไปก็กระทบตามมา เปลือกของเพรียงคอห่านมีรูและรอยแตก เมื่อน้ำทะเลกระทบมันก็ทำให้เกิดเสียงที่แตกต่างกัน ถ้าลองฟังดีๆ เสียงมันเหมือนกับเสียงดนตรีซิมโฟนี
ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปสัมผัส เช่นนี้ความรู้สึกก็ยิ่งแรงกล้าขึ้นไปอีก ในสายตาของคนอื่น มหาสมุทรก็เป็นเหมือนทรราชเผด็จการที่อารมณ์แปรปรวน แต่ความรู้สึกในใจของโพไซดอนนั้นก็คือวีนัสแขนหักที่อบอุ่นและสวยงาม
ใช้เวลาไม่นานในการจับกุ้งมังกรในฟาร์มปลา เพราะโดยปกติแล้วชาวประมงจะมีงานสำคัญอีกอย่าง ซึ่งก็คือการค้นหาตำแหน่งที่ชัดเจนของทรัพยากรในฟาร์มปลา ด้วยวิธีนี้เมื่อจับสัตว์ทะเลก็จะได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามแค่ครึ่งเดียว
ตราบใดที่ไม่ใช่การอพยพในฤดูหนาว ในฤดูอื่นล็อบสเตอร์จะค่อนข้างขี้เกียจ ชาวประมงใส่กระชังกุ้งลงตรงที่ล็อบสเตอร์กลุ่มใหญ่อาศัยอยู่ซึ่งเป็นที่ที่ได้รับการสำรวจล่วงหน้าอย่างละเอียดมาก่อน ดังนั้นจึงใช้เวลาเพียงสี่หรือห้าชั่วโมงในการนำกระชังขึ้นมา
ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ชาร์คจะพาคนไปสุ่มเลือกกระชังกุ้งสองสามอันเพื่อดูว่าข้างในเป็นอย่างไร พอยกกระชังครั้งที่สองก็เห็นเงาของกุ้งมังกรแล้ว
ชาร์คเอาล็อบสเตอร์ยักษ์ก้ามใหญ่เล็กสิบกว่าตัววางไว้บนท่าเรือ บัตเลอร์ผู้เชี่ยวชาญ เขาแค่มองเข้าไปข้างในแวบเดียว ก็พูดออกมาอย่างประหลาดใจ “เอ๋ ตอนนี้ยังมีล็อบสเตอร์เปลือกอ่อนอยู่อีกเหรอ? ต้องยอมรับเลยนะฉิน ว่าฟาร์มปลาของนายนี่มันมหัศจรรย์จริงๆ”
ล็อบสเตอร์มีกระบวนการผลัดเปลือกที่ซับซ้อน ในแต่ละปีเพื่อจะสร้างเปลือกใหม่ที่ใหญ่และแข็งขึ้นจึงต้องลอกคราบเปลือกเก่าออก แต่กระบวนการนี้มักจะเกิดขึ้นในฤดูร้อน และล็อบสเตอร์ที่เพิ่งลอกคราบใหม่นี้เรียกว่า “ล็อบสเตอร์เปลือกนิ่ม”
เมื่อเปรียบเทียบกับล็อบสเตอร์เปลือกแข็งที่อายุไล่เลี่ยกันแล้ว ล็อบสเตอร์เปลือกอ่อนมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายมากกว่า จึงไม่สะดวกในการขนส่ง เนื่องจากระหว่างทางมันอาจจะบาดเจ็บจนตายได้
แต่ในเวลานี้เนื้อล็อบสเตอร์นี้จะอวบอิ่มและสะดวกในการรับประทานมากกว่า แม้แต่ในบอสตันก็ยังมีวิธีการกินล็อบสเตอร์ คือนำล็อบเตอร์เปลือกนิ่มมาแช่ในน้ำส้มสายชูและกินพร้อมเปลือกไปเลย โดยธรรมชาติแล้วล็อบสเตอร์เปลือกนิ่มที่ยังมีชีวิตอยู่ ราคาของมันแพงกว่าล็อบสเตอร์เปลือกแข็งมาก
ล็อบเตอร์กว่าหนึ่งโหลกำลังใช้โคนหนวดขู่กัน บัตเลอร์คว้าขึ้นมาตัวหนึ่งและพยายามชั่งน้ำหนัก แค่กะดูก็รู้ว่ากุ้งมังกรตัวนี้อ้วนหรือไม่
เป็นปกติที่ฟาร์มปลานี้จะทำให้เขาเกิดความประหลาดใจอีกครั้ง ล็อบสเตอร์ในมือเขาหนักมาก ให้ความรู้สึกว่าอ้วนท้วนสมบูรณ์ ยืนยันได้ว่าเนื้อข้างในกุ้งมังกรแน่นมาก
หลังจากนำล็อบสเตอร์ขึ้นฝั่ง ใบหน้าของบัตเลอร์ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพูดว่า “มาเถอะฉิน จะให้นายลองกินล็อบสเตอร์สูตรพิเศษของบ้านเกิดฉัน รีบตามมาเร็ว”
ฉินสือโอวเป็นแฟนพันธุ์แท้นักชิม พอบัตเลอร์พูดแบบนี้เขาก็ตั้งตารอ รีบเข้าไปทำความสะอาดห้องครัวและจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เขา พลางถามเขาว่าต้องการอะไรเพิ่มไหม
บัตเลอร์หัวเราะคิกคัก แล้วบอกว่าเขาต้องการน้ำทะเลสะอาดสักหม้อ
ฉินสือโอวเอาถังมาให้เขา แล้วบัตเลอร์ก็เอาน้ำทะเลใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นค่อยนำกุ้งมังกรใส่ลงไป แล้วก็ต้มมันทั้งอย่างนั้น
ฉินสือโอตะลึงจนตาค้างกับวิธีการทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่ล็อบสเตอร์ต้มน้ำทะเลหรอกเหรอ? แค่นี้เขาก็ทำได้ อีกทั้งวิธีการล็อบสเตอร์ของเขายังพิถีพิถันกว่านี้เยอะ
บัตเลอร์ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ปรบมือแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ต่อไปที่พวกเราจะทำนั่นก็คือรอ รอล็อบสเตอร์สไตล์คารีน่าแสนอร่อย และอีกสักหน่อยนายต้องข่มใจตัวเองไว้หน่อยนะ อย่าเผลอกลืนลิ้นลงไปในท้องล่ะ”
ฉินสือโอวพูดอย่างจำใจ “ได้เลย ฉันรอไม่ไหวแล้ว แต่ฉันพูดได้ไหมเพื่อน ล็อบสเตอร์จะต้องเอาไปนึ่งถึงจะอร่อยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเอามาต้มกินล่ะ?”
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset