ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1114 เถียนกวาหัดคลาน

ความจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อัจฉริยะไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
เชอร์ลี่ย์เรียนมาทั้งวันแล้ว ยังเรียนรู้เทคนิคการทำให้เกิดเสียงที่ถูกต้องไม่ได้ ทำให้เธอหดหู่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
วินนี่แสดงผลของพี่สาวที่รู้ใจ ปลอบใจเชอร์ลี่ย์สารพัด สุดท้ายเห็นเธอหมดหวังแล้วจริงๆ จึงพูดว่า “อย่ารีบร้อน สาวน้อยของพี่ ไวโอลินไม่ได้เรียนประสบความสำเร็จกันง่ายๆ จำเป็นต้องมีขั้นตอนในการก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ”
“หนูโง่มากใช่หรือเปล่าคะ?” โลลิต้าถามอย่างหดหู่
วินนี่ส่ายหัวแล้วบอกว่า “ไม่ ที่รัก เธอเพียงแค่รู้สึกเยอะเกินไปหน่อย”
“รู้สึกเยอะเกินไป? หมายถึงอะไรคะ?” เชอร์ลี่ย์ถามอย่างสงสัย
วินนี่อธิบายให้เธอ “ศิลปะเป็นการแสดงออกไปของความรู้สึก ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมเป็นเงื่อนไขจำเป็นของนักบรรเลงไวโอลินที่ดี ผู้บรรเลงคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความกระตือรือร้น ไม่ว่าจะเล่นบทเพลงอะไร ก็ไม่มีทางทำให้คนอื่นรู้สึก ไม่มีทางทำให้ผู้ชมประทับใจได้หรอก”
“แต่ว่าความรู้สึกล้นจนเกินไป ขาดความเป็นเหตุเป็นผลที่จำเป็น นั่นก็ไม่ได้เหมือนกัน เธอในตอนนี้มีความรู้สึกที่เยอะเกินไป การแสดงจึงมักจะสูญเสียการควบคุม ทำให้ทำนองไม่สม่ำเสมอ คีย์ไม่ถูกต้อง เสียงไม่ไพเราะ แต่ว่าไม่เป็นไร ฝึกซ้อมเยอะๆ ก็พอ จับจุดสำคัญในการออกเสียง จากนั้นก็ง่ายแล้ว”
พอได้รับกำลังใจจากวินนี่ เชอร์ลี่ย์ก็มีกำลังใจขึ้นมาใหม่ แบกไวโอลินฝึกซ้อมต่ออีกโดยไม่กลัวเหนื่อยลำบาก
คิ้วสวยของวินนี่เลิกขึ้น เธอถูกทรมานมาทั้งวัน มีอาการทนไม่ไหวนิดๆ แล้วเหมือนกัน จึงเตือนอ้อมๆ ว่า ยิ่งรีบยิ่งช้า ที่รัก พวกเราพักกันก่อนเถอะ ดีไหม? ค่อยฝึกพรุ่งนี้หรือวันหลังเอา”
เชอร์ลี่ย์พูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ หนูจะเป็นอัจฉริยะ พี่วินนี่ หนูจะต้องทำได้แน่!”
วินนี่กอดให้กำลังใจเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็ออกจากห้องรับแขกเดินออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆ
ด้วยเหตุนี้ เชอร์ลี่ย์จึงไม่มีผู้ชมเลยสักคน เพราะวินนี่เป็นคนสุดท้าย…
โลลิต้าเป็นคนฉลาด เธอจะไม่เข้าใจว่านี่หมายถึงอะไรเหรอ? ไม่กล้าไปฝึกซ้อมต่อหน้าคนอื่น เธอจึงลากเอากลุ่มเสือมีหมาแมวป่าน้อยปอหลัวมาตรงหน้า ให้พวกมันนั่งฟังดีๆ
พวกตัวเล็กมีสีหน้าขมขื่น โดยเฉพาะหู่จือและเป้าจือ การได้ยินของพวกมันดีกว่าตัวอื่น ความทรมานที่ได้รับยากที่จะอดทนได้
เมื่อออกจากบ้าน วินนี่ถอนหายใจว่า “ไม่รู้จริงๆ ว่าสอนไวโอลินให้เชอร์ลี่ย์ เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่”
ฉินสือโอวบอกว่า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี”
วินนี่ยิ้มอบอุ่น ผู้ชายบื้อ บ้านตัวเองไม่ว่าเมื่อไรก็สนับสนุนตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ
ฉินสือโอวจริงจัง เขายกเสี่ยวเถียนกวา กล่าวว่า “อย่างน้อยได้ยินเสียงไวโอลินของเชอร์ลี่ย์ ลูกสาวของเราเกือบจะหัดคลานเป็นแล้วนะ เธอสามารถพยุงตัวเองได้แล้ว”
วินนี่ตั้งใจสอนมาทั้งวัน ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉินสือโอววางเจ้าตัวเล็กไว้บนพื้นหญ้า แสดงให้เธอดู
ปรากฏว่าเสี่ยวเถียนกวาก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย หลังจากที่ฉินสือโอววางเธอลง เธอก็นอนหมอบอยู่ที่นั่นดีๆ มือทั้งคู่ดึงใบหญ้าอ่อน เล่นอย่างสนุกสนาน
ฉินสือโอวเกาหัว จับลูกสาวกลับเข้าบ้าน วางเธอไว้หน้าประตู
ในบ้านยังคงเลื่อยไม้อยู่ เจ้าตัวเล็กฟังไปไม่นาน หอบฮืดฮาดๆ หนัก จากนั้นพยายามคลานออกมาก ขยับแขนขาอยากจะวิ่งหนีออกไปข้างนอก เสียดายที่แขนขาเธออ่อนเกินไป แรงก็น้อย คลานไปสองก้าวก็ล้มลงพื้นไป
แต่นี่ก็เกินพอที่จะทำให้วินนี่ดีใจแล้ว การกระทำตอนนี้ของเสี่ยวเถียนกวา หมายความว่าอีกไม่นานเธอก็จะคลานเป็นแล้ว
หลังจากนั้นสองวัน วินนี่สอนเชอร์ลี่ย์เล่นไวโอลิน ฉินสือโอวก็สอนลูกสาวคลาน
แต่เขาขาดประสบการณ์ด้านการสอนเด็กจริงๆ ไม่ว่าจะสอนเสี่ยวเถียนกวาอย่างไร ฝ่ายหลังก็ยังคงออกแรงทั้งแขนขาไม่เป็น
ตอนบ่าย ตากแดดอันอบอุ่นอยู่ในสวน ฉินสือโอวก็สอนลูกสาวคลานอีก
เห็นลูกสาวหัดคลานไม่เป็นสักที เขารู้สึกเป็นเพราะว่าไม่มีคุณครู แบบนี้เขาไม่มีปัญญาแล้วจริงๆ จึงลงมือเอง แขนขาอยู่บนพื้นหญ้าคลานอยู่บนพื้น แสดงการคลานไปทางทิศตะวันออกให้ลูกสาวดู
เสี่ยวเถียนกวามองเขาคลานกลับดีใจประหลาด เงยหัวแล้วส่งเสียงหัวเราะ ‘ฮิๆ’ ออกมาอย่างเดียว แต่ตอนที่ให้เธอคลาน นั่นก็เปล่าประโยชน์แล้ว เธอก็เล่นของตัวเองไป ไม่ได้ฟังคุณพ่อเลยสักนิด บางครั้งก็ฟังสักครั้ง แต่ก็ไม่คลานแล้ว
วินนี่เดินเข้ามาบอกว่า “อย่าไปบีบบังคับเด็ก ที่รัก คุณต้องให้แรงบันดาลใจกับเธอ เมื่อเธอต้องการจะคลานแล้ว ก็จะคลานเองนั่นแหละ หรือจะบอกว่า คุณหาสิ่งที่เธออยากได้ ให้แรงกระตุ้นเธอหน่อย”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าภรรยาพูดมีเหตุผล หลังจากเขาดึงแมวป่าน้อยอ้วนๆ มา เอาหางของราชาเจ้าป่าซิมบ้าไปเขี่ยบนใบหน้าเล็กของลูกสาว รอให้ลูกสาวสนใจ เขาก็ลากราชาเจ้าป่าซิมบ้าไปไกลอีกเมตรสองเมตร
ว่าแล้วเชียว เจ้าตัวเล็กร้อนรนแล้ว เธอร้อง ‘อาๆๆ’ พยายามจะคลานไปอยากจะไปแย่งราชาเจ้าป่าซิมบ้า แต่พอคลานขึ้นมาได้ไม่นานก็ล้มลงไปอีกแล้ว
หู่จือและเป้าจือนั่งมองอย่างสนใจอยู่ข้างๆ ตลอด หลังจากนั้นก็อดไม่ได้ เจ้าสองตัวซ้ายตัวขวาตัวคลานอยู่ข้างๆ เสี่ยวเถียนกวา จากนั้นขาทั้งสี่ขาก็คลานอยู่บนพื้นหญ้าอย่างเร็ว เร็วอย่างกับจิ้งจกคลานเดินไปข้างหน้า…
หลังคลานไปรอบหนึ่ง แลบราดอร์หันกลับไป แล้วคลานกลับไปข้างกายเสี่ยวเถียนกวาอีก วนรอบเธอรอบหนึ่ง แล้วคลานต่อ เปลี่ยนท่าทางแล้วมาใหม่อีกรอบ
ฉินสือโอวก็จนใจแล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย เจ้าพวกนี้คืออวดหรืออย่างไร?
วินนี่ยิ้มไม่ไหวแล้ว เอามือถือถ่ายภาพทั้งหมดนี้เอาไว้ บอกว่าจะโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต
ทุกวันนี้หู่จือและเป้าจือก็มีบัญชีทวิตเตอร์เป็นของตัวเองแล้ว เพราะว่าการว่ายน้ำข้ามผ่านช่องแคบทะเล การแสดงออกที่ยอดเยี่ยมระหว่างตอนอยู่ในศาลในฐานะสุนัขบำบัด หน้าตาที่สื่อๆ บื้อๆ ยิ้มแย้มทั้งวัน ทำให้พวกมันได้รับความนิยามอย่างมากในโซเชียลมีเดีย
ฉินสือโอวและวินนี่มักจะโพสต์อะไรที่เกี่ยวกับพวกมันบ่อยๆ แลบราดอร์สองตัวรวมกัน มีแฟนคลับห้าหมื่นกว่าคนแล้ว
นี่เป็นปริมาณที่ใหญ่มากจำนวนหนึ่ง เพราะว่าแฟนครับห้าหมื่นคนนี้ต่างก็เป็นแฟนคลับจริง ไม่ใช่แฟนคลับผีที่ปั่นออกมา ปกติจะคึกคักเป็นอย่างมาก ข้อความหนึ่งที่มีความน่าสนใจก็สามารถดึงดูดคนมาคอมเมนต์เป็นพันคน แฟนคลับมีความภักดีสูงมาก!
เสี่ยวเถียนกวายังโกรธ เธอมองหู่จือและเป้าจือคลานไปคลานมาบนพื้นหญ้าอย่างสนใจ รู้สึกน่าสนใจจึงยื่นมือจะไปจับ แต่จับอย่างไรก็จับไม่ได้? แบบนี้เธอจึงร้อนรนแล้ว จือปากน้อยๆ เตรียมจะร้องไห้
ฉินสือโอวทำได้เพียงเอาหู่จือไปไว้ข้างๆ เธอ แบบนี้เจ้าตัวเล็กถึงได้เปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะ ใช้มือน้อยๆ จับหูของหู่จือพยายามเงยหน้าขึ้น ดูท่าทีแล้วก็อยากจะยัดใส่ปาก
นี่ทำให้หู่จือตกใจมาก กินไม่ได้ นี่มันกินไม่ได้นะ นี่เป็นหูของหู่จือต้าเย่ ไอเทมหากิน ยังเป็นอาวุธหลักในการขายความน่ารัก แม้ว่าหู่จือต้าเย่จะเกิดมาสวยซ่อนไว้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีหูแล้ว นั่นก็เปล่าประโยชน์สิ
เป้าจือนั่งดูอยู่ข้างๆ อย่างออกรสด้วยความรู้สึกที่ว่าเพื่อนตายเถอะฉันรอด ฉินสือโอวตีก้นของมันไปทีหนึ่ง ปรากฏว่าอยู่ๆ ทั้งหู่จือและเป้าจือก็กระโดดขึ้นมา หลังจากนั้นก็พุ่งไปยังประตูฟาร์มปลาหน้าตัวหลังตัว จากนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา
“โฮ่ง โฮ่งๆ โฮ่งๆๆ…”
วินนี่ที่กำลังอ่านหนังสือยิ้มขึ้นมา พูดว่า “พวกเด็กๆ มีพรสวรรค์ด้านดนตรีมาก ดูสิ เสียงพวกมันร้องมีทำนองและจังหวะแค่ไหน เห็นทีพวกมันไม่ได้เสียเปล่าที่อยู่เป็นเพื่อนเชอร์ลี่ย์ฝึกไวโอลินเลย”
ฉินสือโอวไม่ได้รับคำ เขาสงสัยว่าใครมาที่ฟาร์มปลา
……………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset