ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1117 สมาคมอิสระ

วางสายเอี๋ยนตงเหล่ยไปแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็มีสายโทรเข้ามาอีก คราวนี้เป็นสายจากแอนดรูว์ เขาชวนให้ฉินสือโอวเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรเจ้าของกิจการฟาร์มปลาท้องถิ่นในนิวฟันด์แลนด์ พูดสโลแกนต้นกำเนิดสายโลหิตเดียวกัน ก้าวหน้าด้วยกันถอยหลังพร้อมกันอะไรทำนองนั้น ฟังดูไพเราะมากๆ
ทว่าฉินสือโอวไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ เขาปฏิเสธไปตรงๆ แน่นอนว่าเขายกข้ออ้างเรื่องที่สมาคมช่วยเหลือชาวจีนไม่อนุญาตให้เข้าร่วมสองสมาคมพร้อมกันขึ้นมาใช้อีกครั้ง
ในคืนวันนั้นได้หยุดพักเพียงแค่ชั่วคราว วันต่อมา ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาเยอะยิ่งกว่าเดิม ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสายจากกลุ่มพันธมิตร สมาคมต่างๆ ที่โทรมาชักชวนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก
ฉินสือโอวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแท้ที่จริงแล้วแคนาดามีสมาคมต่างๆ อยู่มากมายขนาดนี้ แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองเนื้อหอมมากขนาดนี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาไม่รู้ว่าทำไมในระหว่างนี้อยู่ๆ พวกสมาคมกลุ่มพันธมิตรพวกนี้ถึงได้ให้ความสนใจเขา?
ขณะที่กำลังทานอาหารเขาจึงยกข้อสงสัยในเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เออร์บักเลยเอาหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่เป็นประจำมาให้เขา แล้วชี้ให้เขาดูที่หน้าแรก
ที่แท้ ตอนนี้หนังสือพิมพ์ระดับประเทศของแคนาดาหลายฉบับก็เริ่มรายงานข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะใกล้จะเปิดศาลแล้ว จึงทำให้มีคนขุดตัวตนของกองทัพเรนเจอร์ของฉินสือโอวกับภูมิหลังของวัยรุ่นทั้งสี่คนออกมา จนดึงดูดความสนใจของชาวแคนาดาได้เป็นจำนวนมาก
สาเหตุที่ผู้คนให้ความสนใจกับคดีนี้ ก็เพราะไม่อยากเห็นชนชั้นอภิสิทธิ์ชนหนีรอดบทลงโทษทางกฎหมาย ซึ่งข้อนี้ตรงกันกับจุดมุ่งหมายของฉินสือโอว นั่นก็คือการตัดสินลงโทษอย่างยุติธรรม จัดการให้พวกที่ทำผิดกฎหมายได้รับกรรมที่ตนก่อไว้
ฉินสือโอวรำคาญจนทนไม่ไหว จึงส่งโทรศัพท์ให้พาวลิสรับสายแทนเสียเลย ถ้าไม่ใช่สายโทรศัพท์จากคนที่คุ้นเคยกัน ก็จะไม่ยอมรับสายทั้งสิ้น
เห็นเขาอารมณ์ไม่ดี พวกเด็กๆ จึงพากันทำตัวดีขึ้น พยายามคิดหาวิธีที่ทำให้เขาอารมณ์ดีกันอย่างสุดความสามารถ
เชอร์ลี่ย์ตั้งใจฝึกไวโอลินมากๆ ถึงแม้ว่าเสียงสีไวโอลินของเธอจะไม่ต่างกับการชักใบเรื่อยไปมาก็ตาม ส่วนมิเชลก็ตั้งใจฝึกซ้อมบาสเกตบอลยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังลองฝึกลูกสแลมดังก์ดูอีกด้วย ผลลัพธ์ไม่เลวเลย ความสามารถในการสปริงตัวและการลอยตัวในอากาศของเขาเป็นที่น่าตกใจมาก และเขายังสามารถดังก์ลูกลงในแป้นบาสเกตบอลระดับเยาวชนได้สำเร็จอีกด้วย
กอร์ดอนเห็นว่าตัวเองไม่มีความสามารถอะไรที่จะหยิบออกมาใช้ได้ จึงวิ่งไปกวนวินนี่ให้ช่วยสอนทำอาหาร เพื่อทำมื้อเที่ยงให้กับฉินสือโอวด้วยความรัก
ไวส์ลองมองซ้ายมองขวา เขาหาเรื่องที่ตัวเองจะสามารถทำได้ไม่เจอ จึงทำท่าหม่าปู้ชี่จมตันเถียน แล้วตะโกนเสียงดังว่า “พากันหลีกไปให้หมด ฉันจะใช้ดัชนีเพชร จิ้มคนชั่วพวกนี้ให้ตาย!”
กอร์ดอนยินดีที่จะเรียนทำอาหาร วินนี่ก็รู้สึกปลื้มอกปลื้มใจมาก เมื่อเร็วๆ นี้เธอได้นำประสบการณ์ของเธอมาสอนให้กับเชอร์ลี่ย์ ทำความเข้าใจกับความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของเด็กๆ พวกนี้ จึงรู้ว่าต้องดูแลพวกเขาด้วยความระมัดระวัง จะสอนเรื่องที่ยากเกินไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าทำให้เสียความมั่นใจ พวกเขาก็จะไม่ยอมเรียนอีก
ด้วยเหตุนี้ วินนี่เลยสอนกอร์ดอนว่าทำอย่างไรถึงจะทำสลัดผลไม้ได้สำเร็จ
ไวส์ถามกอร์ดอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “นี่มันมีประโยชน์ด้วยเหรอ? ท่านอาจารย์ของฉันน่ะมีทักษะการทำอาหารที่ล้ำเลิศเหนือชั้นอยู่แล้ว ของที่นายทำ กระทั่งหู่จือกับเป้าจือก็น่าจะไม่กินนะ?”
กอร์ดอนคลุกเคล้าน้ำสลัดกับน้ำเชื่อมเมเปิลเข้าด้วยกัน เขากลอกตาแล้วพูดด้วยความรำคาญว่า “นายจะหาเรื่องกันใช่ไหม? หมาไม่กินผลไม้อยู่แล้ว พวกมันกินเนื้อกินกระดูกต่างหากล่ะ”
ไวส์ส่ายหัว พูดอย่างยืนกรานว่า “ฉันว่านี่ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
กอร์ดอนมองเขาอย่างเหยียดหยาม เขาเช็ดมือให้สะอาดแล้วกดไหล่ของไวส์เอาไว้พร้อมกับพูดว่า “ไอ้หนู โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ นายต้องออกไปลองมองดูเยอะๆ ความรู้มีมากมายขนาดนั้น นายก็ควรจะศึกษาไว้ให้มากๆ มีสุภาษิตหนึ่งที่ว่าไว้ดีมาก ถ้าจะเข้าไปในใจชาย ก็ต้องผ่านเข้าไปทางหลอดอาหารของเขา หากจะเข้าสู่ใจของผู้หญิงแค่กๆ แค่กๆ…”
พูดได้เพียงครึ่งประโยค กอร์ดอนก็ไอออกมาไม่หยุด เขาแอบมองดูวินนี่กับเชอร์ลี่ย์ที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความรีบร้อน พอเห็นว่าพวกเธอไม่ได้มีท่าทีโต้ตอบถึงวางใจลงได้
ทว่าไวส์ยังอยากเรียนต่อ จึงถามเขาว่า “จะเข้าสู่ใจผู้หญิงอะไรนะ? นายพูดให้มันจบๆ สิ”
กอร์ดอนถลึงตาใส่ไวส์ บ่นพึมๆ พำๆ ประมาณว่าเป็นเพื่อนกับคนโง่นี่อันตรายจริงๆ แล้วก็กลับมาคลุกสลัดต่อดีๆ
พวกเด็กๆ กำลังยุ่งกันอยู่ ฉินสือโอวกำลังฟังเสียงลากเลื่อยดังแสบแก้วหู พร้อมกับมองดูการแสดงโชว์ดังก์ลูกของมิเชล แต่ใจของเขากลับบินไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาบ่อยๆ ในคราวนี้กลับสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขาหนึ่งอย่าง นั่นก็คือทำไมเขาไม่สร้างสมาคมหรือกลุ่มพันธมิตรอะไรพวกนั้นขึ้นมาเองเลยล่ะ?
สมาคมความร่วมมือของแคนาดามีธุระปะปังเยอะแยะเกินไป สมาชิกมักจะเปิดประชุมกับร่วมรับประทานอาหารอะไรพวกนั้นอยู่เป็นประจำ มีเรื่องไม่มีเรื่องก็จะจัดปาร์ตี้กันอีกแล้ว ในความคิดของฉินสือโอวเรื่องพวกนี้ย่อมเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าชาวแคนาดากลับรักที่จะทำมันอย่างไม่รู้จักเหนื่อยหน่าย
ถ้าเขาจัดตั้งสมาคมเอง แบบนั้นเขาก็จะได้เป็นประธานสมาคม ข้อกำหนดเขาก็เป็นคนตั้งขึ้นเอง เมื่อเป็นแบบนี้เขาก็จะมีเหตุผลให้เลี่ยงคำเชิญชวนของสมาคมอื่นๆ แล้วและยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มากด้วยความสามารถบางส่วนอีกด้วย นี่มันดีมากๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
ยิ่งคิดฉินสือโอวก็ยิ่งรู้สึกว่าแรงบันดาลใจในครั้งนี้มันสมเหตุสมผล กอร์ดอนนำสลัดที่คลุกดีแล้วมาส่งให้เขาด้วยความภูมิอกภูมิใจ ฉินสือโอวรับมาเฉยๆ แล้วทานเข้าไปหนึ่งคำ แต่ปรากฏว่าอยู่ๆ เขาก็นึกเรื่องดีๆ ขึ้นมาได้ แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเขาก็ ‘กึก’ กัดโดนลิ้นตัวเองแล้ว!
ลิ้นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของอวัยวะที่มีเส้นประสาทมากที่สุดอย่างหนึ่งในร่างกายของมนุษย์ เมื่อโดนฟันกัดจึงรู้สึกเจ็บมาก โดยเฉพาะเมื่อสักครู่ที่ฉินสือโอวเผลอเพิ่มแรงกัดในระหว่างที่กำลังหน้าบานด้วยความปีติยินดี ในคราวนี้เขาถึงได้เจ็บปวดจนแสดงสีหน้าดุร้ายออกมา
ไวส์กินสลัดอยู่ข้างๆ วินนี่กับกอร์ดอนทำสลัดมาหนึ่งจานใหญ่ๆ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าสีหน้าของฉินสือโอวเปลี่ยนไปเป็นเจ็บปวดทรมานขนาดนี้ เขาจึงตกอกตกใจขึ้นมาทันที จนร้องออกมาว่า “อาจารย์ อาจารย์ อาจารย์ เป็นอะไรเหรอครับ?”
ฉินสือโอวลากถังขยะเข้ามาหาแล้วก้มหัวอ้าปากถุยน้ำลายออกมา เขาเผลอกัดปากจนเป็นแผลรุนแรงแล้วจริงๆ น้ำลายที่เขาถุยออกมากองนี้มีแต่เลือดเต็มไปหมด เป็นภาพที่เห็นแล้วถึงกับต้องช็อก
พอได้เห็นภาพนี้ ไวส์ก็ลุกขึ้นตะโกน เขาตบโต๊ะแล้วตวาดเสียงดังว่า “กินๆๆ ไม่ต้องกินมันแล้ว! ในผักมีพิษอยู่ อาจัน (อาจารย์) ของผมได้รับพิษร้ายเข้าแล้ว! เร็วๆๆ รีบแก้พิษให้เขา!”
ฉินสือโอว วินนี่ ทุกๆ คน “…”
ทางด้านไวส์กำลังร้องตะโกนอย่างคึกคะนอง หลังจากร้องตะโกนเสร็จเขาก็จับกอร์ดอนไว้ แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “เจ้าเด็กเนรคุณ! อาจันดีกับนายขนาดนั้น ทำไมนายต้องวางยาเพื่อทำร้ายเขาด้วย? พูดสิ คนญี่ปุ่นมันให้อะไรกับนาย?! ไปให้พ้นหน้าฉันซะ ฉันเฉินเจินจะกวาดล้างสิ่งโสมมออกจากสำนัก!”
หู่เป้าฉงหลัวกวางอูฐกับแมวป่า “…”
วินนี่ช่วยฉินสือโอวทำแผล หลังจากที่เขาใช้น้ำบ้วนปากทำความสะอาดแผลเสร็จแล้ว ฉินสือโอวถึงเพิ่งจะมีโอกาสพูด “เอาล่ะ ชูเอ๋อร์ อาจันไม่เปงไรเลี้ยว อั๊ยหยาบัดซบ ทำไมลิ้นของอาจันถึงได้ใหญ่ขึ้นแล้วล่ะ?”
ใบหน้าของไวส์เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาจับฉินสือโอวไว้แล้วพูดว่า “อาจัน ท่านจะอยู่ในใจของเฉินเจินไปตลอดกาล!”
ฉินสือโอวอดทนต่อไปอีกไม่ไหว จึงเขกหัวเขาไปหนึ่งที “อยู่นิ่งๆ ทำตัวเรียบร้อยๆ ไม่ได้หรือไง เซินเจินกับบ้านนายน่ะสิ!”
รอจนลิ้นหายบวม ฉินสือโอวก็บอกความคิดของเขาให้พวกบัตเลอร์ บิลลี่ เหมาเหว่ยหลง เบลค แล้วก็แบรนดอนฟัง เขาสนิทกับคนเหล่านี้ที่สุด หากจะจัดตั้งสมาคมอะไรสักอย่าง พวกเขาต้องได้เป็นสมาชิกกลุ่มแรกอยู่แล้ว
พวกเขาหลายคนก็รู้สึกสนใจข้อเสนอของฉินสือโอวอยู่เหมือนกัน เพราะพวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่าฉินสือโอวมีความสามารถ โดยมีงานประชุมประจำปีของบริษัทอเมริกันเอ็กเพรสเมื่อปีที่แล้วเป็นหลักฐาน ซึ่งทำให้พวกเขาได้ประโยชน์ไปไม่น้อยเลยเช่นกัน
และบิลลี่ยังได้แนะนำเขาว่า “ฉิน นายอย่าเพิ่งรีบเชิญพวกเราก่อนสิ เชิญคนสำคัญที่อยู่ข้างๆ ตัวนายให้เรียบร้อยก่อน”
ฉินสือโอวรู้สึกงงงวย “ใคร? แฮมเล็ต?”
“ไวส์ไง! ว่าที่ราชาเหล็กกล้าในอนาคต! นายผูกเขาไว้กับรถศึกของนายให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน!” บิลลี่แทบจะตะโกนประโยคนี้ออกมาด้วยเสียงคำราม
พอได้ฟังที่เขาพูด ฉินสือโอวก็ถึงกับตบหน้าผากตัวเอง จริงด้วย ศาลาใกล้น้ำเห็นพระจันทร์ก่อนใคร[1] เขาลืมลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาอย่างไวส์ไปได้อย่างไรกัน? เพียงแต่ว่าหากจะฝึกลูกศิษย์คนนี้ จะยังมีบางอย่างที่เขาทำไม่ได้อยู่ เพราะเขาไม่อยากเป็นงักปุ๊กคุ้ง[2]
กำหนดแผนการเบื้องต้นไว้อย่างแน่นอนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการกำหนดชื่อของสมาคม ประกายความคิดของฉินสือโอวก็สว่างวาบขึ้นมาทันที สมาคมอิสระ!
……………………………………………….

[1]ศาลาใกล้น้ำเห็นพระจันทร์ก่อน หมายถึง ผู้ที่อยู่ใกล้กว่าย่อมได้เปรียบกว่า
[2]งักปุ๊กคุ้ง หมายถึง บัณฑิตจอมปลอม

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset