ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1121 พ่อแย่ๆ กับสุนัขแลบราดอร์นิสัยเสีย

บนโลกใบนี้ สวนดอกไม้ระดับโลกเหล่านั้นล้วนแต่มีจิตวิญญาณด้วยกันทั้งนั้น และอันเดร์เชื่อว่าจิตวิญญาณของพวกมันมาจากผู้เริ่มต้นการก่อสร้างที่ได้มอบไว้ให้
ฉินสือโอวพอจะเข้าใจเรื่องนี้ ถึงจะได้ยินจากที่หลายๆ คนเขาพูดกัน ว่าคำพูดแบบนี้อาจจะมาจากเจตนาที่ต้องการสร้างความลี้ลับเพื่อหลอกให้คนอื่นสับสน ทว่าหู่เป้าฉงหลัวที่เขาเลี้ยงไว้ต่างก็มีจิตวิญญาณด้วยกันทั้งนั้น เป็นจิตวิญญาณที่สะอาดและบริสุทธิ์มากๆ
ได้แปลนออกแบบแล้ว อันเดร์ยังต้องดำเนินการซ่อมแซมอีกหนึ่งขั้นตอน ดังนั้นจึงยังอาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลา หลังจากนั้นทุกๆ วันเขาก็จะลากเออร์บักให้ออกทะเลไปตกปลาด้วยกัน
ทว่าฉินสือโอวก็ต้องการยึดตัวเออร์บักมาใช้งานเหมือนกัน ศาลฎีกาแห่งนิวฟันด์แลนด์รับพิจารณาคดีของวัยรุ่นสี่คนที่ใช้วัตถุระเบิดฆ่าวาฬอย่างเป็นทางการแล้ว ผ่านขั้นตอนการเก็บรวบรวมหลักฐานและการตรวจสอบในชั้นต้น ศาลจึงดำเนินการเปิดศาลเป็นครั้งแรก
ในเรื่องนี้ไม่มีโจทก์ผู้ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาล ฉินสือโอวนำเหล่านายทหารเข้าจับกุมวัยรุ่นทั้งสี่คนโดยใช้ชื่อกองกำลังพิทักษ์ชาติเรนเจอร์ พวกเขาปรากฏตัวต่อศาลในฐานะพยานบุคคล ฟ้องร้องวัยรุ่นทั้งสี่คนที่ล่าและฆ่าสัตว์คุ้มครองแห่งชาติด้วยวิธีการที่ผิดต่อกฎหมาย
ที่ค่อนข้างน่าสนใจก็คือ คาดไม่ถึงว่าลินตัน วอเทอเรนซ์จะใช้ข้อกล่าวอ้างว่ามีอาการเจ็บป่วยทางจิตเพื่อปฏิเสธที่จะมาขึ้นศาล ดูท่าว่าพ่อของเขาคงจะพยายามอยู่เบื้องหลังเพื่อช่วยเหลือเขาอย่างหนัก ใบรับรองการรักษาอาการป่วยทางจิตเป็นของโรงพยาบาลจิตเวชที่มีอำนาจมากๆ แห่งหนึ่งในแคนาดา
แต่น่าเสียดายที่ศาลปฏิเสธคำร้อง เพราะเห็นว่าเขาไม่ได้อธิบายถึงสภาพจิตใจของตัวเองให้ชัดเจนในระหว่างการตรวจสอบ การเสนอคำร้องในตอนเปิดศาลจึงมีผลเป็นโมฆะ
แต่ปรากฏว่าลินตันก็เปลี่ยนแปลงคำร้องขออีกครั้ง เขาสามารถขึ้นศาลได้ แต่ต้องการให้สุนัขบำบัดในศาลไปเป็นเพื่อนด้วย
สำหรับหู่จือกับเป้าจือสามารถทำให้เห็นได้แค่ว่า นี่แหละที่เรียกว่าไอ้ฉิบหายที่แท้จริง ถ้าจะเอาเราสองพี่น้องไปเป็นเพื่อน พวกเราจะกัดแกให้ตายคาศาลเลยล่ะ
ศาลฎีกาแห่งรัฐดำเนินการตรวจสอบแล้ว ในที่สุดก็อนุมัติคำขอของเขา เนื่องจากหลังจากจิตแพทย์ที่พวกเขาเชิญมาได้คุยกับลินตัน ก็ยืนยันว่าเขามีอาการป่วยทางจิตจริงๆ
ฉินสือโอวก็คิดว่าลินตันมีปัญหาทางจิตอยู่หน่อยๆ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แต่เพื่อนๆ ของเขาอีกสามคนก็มีกันหมด ว่างจนหาเรื่องเอาระเบิดมายิงวาฬที่ไม่แก่งแย่งอะไรกับใคร พฤติกรรมเลวทรามเช่นนี้มันวิปริตจริงๆ!
หู่จือกับเป้าจือเป็นสมบัติของศาลนครเซนต์จอห์นในตอนนี้ พวกมันจะไปขึ้นศาลสัปดาห์ละสองครั้งทุกสัปดาห์ ครั้งนี้พวกมันก็มาขึ้นศาลเป็นเพื่อนลินตัน
ในวันเปิดศาล ฉินสือโอวนั่งอยู่ในคอกพยาน หู่จือกับเป้าจือที่แต่แรกมีอาการเฉยเมยพอมองเห็นเขาก็พากันตื่นเต้นดีใจขึ้นมา แล้วหันไปส่ายหัวส่ายหางให้เขา แสยะปากแลบลิ้นออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
ลินตันมีปัญหาทางจิต หลังจากขึ้นศาลเขาก็เข้าไปนั่งบนเก้าอี้ที่ศาลเตรียมไว้ให้เขาอย่างไม่ยี่หระ ราวกับว่าเขาไม่สนใจสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ แต่กลับค่อนข้างให้ความสนใจกับหู่จือกับเป้าจือ ทั้งยังเอาแต่จับๆ เกาๆ แหย่สุนัขแลบราดอร์เล่น
หู่จือกับเป้าจือรังเกียจและไม่แยแสเขาสุดๆ ปกติแล้วพวกมันจะมาขึ้นศาลเป็นเพื่อนให้กับเด็กและผู้หญิง แต่คราวนี้ต้องนั่งอยู่กับผู้ชายที่พวกมันเกลียด ก็เป็นธรรมดาที่พวกมันจะไม่รู้สึกยินดี
ฉินสือโอวแอบขยิบตาให้กับพวกมัน พร้อมกับทำท่าโยกตัวไปมา ไม่มีใครรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร แต่สุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัวรู้
มองเห็นการชี้แนะของเขา สุนัขทั้งสองตัวก็หันมาสบตากัน ทันใดนั้นพวกมันก็เปลี่ยนมาทำตัวสนิทสนมกับลินตัน เดินล้อมหน้าล้อมหลังเขาไว้ พอได้โอกาสก็เข้าไปถูตัวเขา
ลินตันไม่ได้คิดมาก เขาหันไปหัวเราะกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ กันพร้อมกับพูดว่า “เฮ้ พวกโง่ ดูฉันสิ ฉันไม่ได้แค่มีเก้าอี้ให้นั่งอย่างเดียวนะ แต่ยังมีหมาให้เล่นเป็นเพื่อนด้วย เป็นไงล่ะ อิจฉาฉันมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ?”
เด็กวัยรุ่นอีกสามคนไม่มีปัญญาจะฉีกหน้าเขา พวกเขาหันไปมองลินตันอย่างเงียบๆ พากันด่าเขาในใจว่าไอ้ตอแหล
เปิดศาลอย่างเป็นทางการ ทนายของลินตันกับเพื่อนๆ มีชื่อเสียงอย่างมากในแคนาดา ชื่อว่าโบราโซ คาร์นินเดอะโฟร์ธ นับว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของเออร์บักอยู่ครึ่งหนึ่ง ตอนนี้เขาปฏิบัติงานอยู่ที่สำนักงานกฎหมาย ซึ่งก็คือที่ที่เออร์บักเคยดำรงตำแหน่งก่อนที่จะเกษียณ สำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์
หลังจากเปิดศาล โบราโซก็ทำการแก้ต่างแทนวัยรุ่นทั้งสี่คน สิ่งแรกที่เขาต้องการจะคว่ำก็คือคำว่าร้ายที่ฉินสือโอวได้กล่าวไว้ บอกว่าคู่ความของเขาไม่ได้เจตนาจะฆ่าเต่ามะเฟือง
เต่ามะเฟืองเป็นหนึ่งในบรรดาสัตว์คุ้มครองที่สำคัญที่สุดของแคนาดา การล่าและฆ่าสัตว์ชนิดนี้ มีโทษฐานความผิดและระดับความเลวร้ายรุนแรงยิ่งกว่าการฆ่าวาฬอยู่มาก
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ได้รับการไต่ถามในฐานะพยาน ฉินสือโอวและพวกทหารให้การไปในแนวทางเดียวกัน พูดอย่างกัดไม่ปล่อยว่าวัยรุ่นพวกนี้มีเจตนาฆ่าและจับเต่ามะเฟือง อีกทั้งในขณะที่เข้าควบคุมตัววัยรุ่นพวกนี้ บนเรือของพวกเขาก็มีเต่ามะเฟืองตัวหนึ่งที่มีบาดแผลอยู่ทั่วทั้งตัวแล้ว!
โบราโซไต่ถามโต้กลับทันที “พวกคุณบอกว่าคู่ความของผมเคยทำร้ายเต่ามะเฟือง แล้วอย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่มีใครพูดเรื่องนี้ออกมา? นอกจากนี้แล้วผมยังอยากรู้ว่า หลักฐานของพวกคุณคืออะไร?”
ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้มเล็กน้อย แสดงภาพถ่ายใบหนึ่งขึ้นมา ในรูปถ่ายใบนั้นคือภาพที่นีลเซ็นกำลังปล่อยเต่ามะเฟืองขนาดมหึมาตัวหนึ่ง เต่ามะเฟืองตัวนั้นถูกกรงตาข่ายรัดโดยรอบ บนร่างกายมีคราบเลือดเป็นลายพร้อย ดูแล้วน่าจะถูกทรมานมาหนักมากจริงๆ
ไม่ต้องสงสัยเลย นี่แหละคือหลักฐาน
เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกชาวประมงออกทะเล และได้เห็นเต่ามะเฟืองตัวหนึ่งที่มีอวนรัดรอบตัวถูกน้ำทะเลซัดมา อีกทั้งยังเต่ามะเฟืองตัวนั้นยังดิ้นอย่างรุนแรง ขาทั้งสี่ข้างและส่วนหัวถูกรัดจนมีเลือดออก ก่อนที่จะปล่อยไปฉินสือโอวได้พามันขึ้นไปบนเรือยอชต์บิ๊กแซม 107 แล้วถ่ายรูปเอาไว้
ถึงอย่างไรเรือยอชต์ก็จอดอยู่ในฟาร์มปลาของเขา
น่าเสียดายที่หลักฐานชิ้นนี้ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานที่หนักแน่นได้ ผู้พิพากษาและบรรดาทนายความต่างก็ไม่ใช่คนที่จะถูกตบตาได้ง่ายๆ ในรูปถ่ายมีเต่ามะเฟืองที่ได้รับบาดเจ็บและมีเรือบิ๊กแซม 107 อยู่จริงๆ ทว่าไม่มีวัยรุ่นทั้งสี่คนอยู่ด้วย ตามกฎหมายของแคนาดาที่ถูกบัญญัติเอาไว้ นี่ไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานโดยตรงได้
แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ เขายังยืนหยัดที่จะว่าร้ายวัยรุ่นทั้งสี่คนต่อ “เจตนาเดิมของพวกเขาอาจจะไม่ใช่การล่าเต่ามะเฟือง เพียงแค่ต้องการล่าฉลามกับวาฬ แต่พวกเขาก็ได้ทำแบบนี้ไปแล้ว พวกเขาทำร้ายเต่ามะเฟืองให้ได้รับบาดเจ็บ นี่คือเรื่องจริง!”
“โอ้ ไอ้เวร!” ทันใดนั้นเสียงร้องแหลมก็ดังขึ้นมา โบราโซที่กำลังปะทะคารมอย่างเผ็ดร้อนก็ถึงกับสะดุ้งจนตัวโยน เขาฟังออกว่านี่คือเสียงของลินตัน จึงหันกลับไปทำท่าทางมือบอกให้เขาเงียบ แสดงเจตนาให้เขารู้ว่าห้ามพูดอะไรออกมาเด็ดขาด
เกี่ยวกับนิสัยช่างตลบตะแลงของลินตัน ดูเหมือนว่าโบราโซจะรู้จักเป็นอย่างดี เขากลัวเหลือเกินว่าคู่ความของเขาจะพูดทำนองว่า ‘พวกเราแค่ล่าวาฬไม่ได้ล่าเต่ามะเฟือง’ ออกมา ถ้าพวกเขาพูดแบบนั้น ต่อให้เขาสามารถบันดาลใจพระเจ้าได้ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของคดีนี้ได้
ลินตันไม่สนใจท่าทางมือของโบราโซ เขาร้องตะโกนเสียงดังว่า “รีบมาลากหมาเวรสองตัวนี่ออกไป! พวกมันขนร่วง หมาเวรพวกนี้มันขนร่วง! โอ้ ฟัค ฟัค! บนตัวฉันมีแต่ขนหมาเต็มไปหมด! รีบๆ มาช่วยฉัน!”
ผู้พิพากษาท่าทางน่าเกรงขามใช้ค้อนประธานเคาะโต๊ะหน้าบัลลังก์ด้วยความโมโห และตวาดลั่นว่า “เงียบ! เงียบ! เงียบ! จำเลยลินตัน วอเทอเรนซ์ กรุณาระวังฐานะของคุณด้วย ที่นี่คือศาล ถ้าไม่มีคำอนุญาตจากผู้พิพากษา ขอให้จำเลยอย่าได้พูดอะไรออกมา!”
ลินตันกำแหงจนเคยตัว ผู้พิพากษาทำให้เขาเงียบลงไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ลินตันก็ตวาดเสียงดังขึ้นมาแล้วเช่นกัน “ถ้าฉันไม่พูดก็คงจะสะอิดสะเอียนหมาสองตัวนี้จนตายแล้ว! พวกมันทำให้ตัวฉันมีแต่ขนหมา! พระเจ้า ฉันทนไม่ไหวแล้ว! ใครก็ได้มาช่วยฉันที!”
นีลเซ็นกับเบิร์ดที่อยู่ในคอกพยานแอบหัวเราะเยาะอย่างเงียบๆ พอถึงฤดูใบไม้ผลิขนของหู่จือกับเป้าจือจะร่วงอย่างรุนแรง หลายวันมานี้ขอแค่เป็นที่ที่สุนัขแลบราดอร์ทั้งสองไปปรากฏตัวก็จะมีขนสุนัขลอยฟุ้ง ซึ่งในครั้งนี้ก็ทรมานลินตันได้ไม่เบา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนหรือเปล่า ที่ทำให้หู่จือกับเป้าจือขนร่วงหนักกว่าสุนัขธรรมดาทั่วไป การผลัดขนใหม่ของพวกมันมีความรวดเร็วเท่ากับการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ถึงจะมีขนร่วงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่เห็นว่าขนจะบางลง
…………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset