วินนี่เป็นคนฉลาดหลักแหลม มองออกว่าอารมณ์ของฉินสือโอวผิดปกติ เธอจึงกอดสามีของเธอไว้จากทางด้านหลัง แล้วพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า “จุ๊บๆ นะคะ จุ๊บๆ นะ ที่รัก สำหรับฉันคุณเป็นสามีที่ดีที่สุดเลยนะคะ”
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “อาจจะดีที่สุดแค่สำหรับคุณ สำหรับคนอื่นๆ แล้วดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
ได้เห็นอาร์ม็อง แค่ครั้งแรกเขาก็เริ่มมีความคิดว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้แล้ว วินนี่กับฟอกส์เป็นผู้หญิงที่มีความคล้ายคลึงกัน อีกทั้งในตอนนี้วินนี่ยังเหนือกว่าอยู่หลายส่วน ถ้าเขาไม่ได้มีหัวใจโพไซดอน เขาคงไม่ได้โคจรมาเจอกับวินนี่
ท่านชายฉินเดินขึ้นบันไดไปด้วยอารมณ์ที่ตกต่ำลง วินนี่อดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอเดินตามขึ้นไปดึงมือเขาแล้วพูดกับเขาว่า “เอาล่ะๆ ทำไมคุณถึงทำตัวเหมือนเด็กเลยล่ะค่ะ? เรื่องแบบนี้ก็ต้องเอาไปเทียบกันเหรอคะ? ทำไมคุณต้องอยากเป็นสามีที่ดีในสายตาของคนอื่นด้วยล่ะค่ะ? อาร์ม็องก็ดี แต่เขาจะเทียบกับเบคแคมได้ไหมล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นกระทั่งเบคแคมผมก็เทียบไม่ได้เลยเหรอ?” ท่านชายฉินรู้สึกว่าความมั่นใจของตัวเองถูกทำลายลงอีกครั้งแล้ว
วินนี่บอกกับเขาว่า “ต้องไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ สำหรับฉันแล้ว คุณดีกว่าเบคแคมตั้งเยอะ แต่แค่อาร์ม็องน่ะเทียบกับเขาไม่ได้ก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างไรคุณก็อย่าเป็นแบบนี้เลยนะ ดีไหมคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า กลับมานอนเอนหลังอยู่บนเตียงในห้องนอน ต้าป๋ายกำลังนอนฟุบอยู่ในรังเล็กๆ ข้างหัวเตียงของมัน พอเห็นว่าคุณพ่ออารมณ์ไม่ดี มันก็ลุกขึ้นมาแล้วปีนขึ้นมาบนเตียงในพริบตาเดียว นั่งยองๆ ลงไปบนหมอน ต้าป๋ายแลบลิ้นเลียหูของเขา ทำอย่างนี้เพื่อที่จะปลอบโยนเขา
แต่นั่นกลับทำให้ท่านชายฉินยิ่งเสียใจ ให้ตายสิ เขามันอ่อนด้อยเกินไปแล้ว กระทั่งสัตว์เลี้ยงพวกนี้ยังต้องมาปลอบเขา
ฉินสือโอวแกล้งแหย่ต้าป๋ายเล่น ที่ประตูก็มีเสียง ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้นมา หัวของหู่จือกับเป้าจือปรากฏขึ้นพร้อมกัน พวกมันลองมองๆ ดูแล้วแสยะปากทำสีหน้ายิ้มแย้มออกมา หลังจากนั้นก็ผลักประตูแล้วมุดเข้ามาข้างใน
สุนัขแลบราดอร์สามารถเปิดประตูได้เอง ฉินสือโอวจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เขาลุกขึ้นแล้วอ้าแขนออกบอกเป็นนัยว่าให้พวกมันกระโดดเข้ามาสู่อ้อมแขนของตัวเอง หลังจากนั้น พวกซิมบ้า หลัวปอกับฉงต้าที่ตามหู่จือกับเป้าจือมาติดๆ ก็มุดเข้ามาข้างในเหมือนกัน
เห็นเหล่าสัตว์เลี้ยงทยอยกันปรากฏตัว ฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่หู่จือเป้าจือที่เปิดประตูเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเป็นวินนี่ต่างหากที่พาพวกมันเข้ามาหาเขา
เขาลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง วินนี่เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาด้านใน ในอ้อมอกกำลังอุ้มกระรอกเสี่ยวหมิงกับลูกนกอินทรีทองตัวอ้วนตุ๊ต๊ะเอาไว้
“แคลร์เริ่มอ้วนเกินไปหน่อยแล้ว” วินนี่บ่นออกมา
ลูกนกอินทรีทองยื่นคอร้องแควกๆ ออกมาสองครั้ง ฉินสือโอวรับเอามันมา แล้วดันมันให้ตกลงไปจากบนเตียง
บนพื้นมีพรมผืนหนา ฉินสือโอวจึงไม่กังวลว่าหล่นลงไปแล้วมันจะเป็นอะไรไป ดังนั้นเขาเลยผลักมันลงไปอย่างแน่วแน่มากๆ
พอลูกนกอินทรีทองถูกผลักตกลงมาจากเตียง มันก็เผลอกระพือปีกด้วยจิตใต้สำนึก ถึงแม้ว่าตัวจะค่อนข้างอ้วน ทว่ามันก็สามารถบินร่อนอยู่กลางอากาศได้สำเร็จ แล้วร่อนลงมาบนพรมได้อย่างมั่นคง
นี่ทำให้จิตใจของฉินสือโอวรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าลูกนกอินทรีทองจะฝึกบินได้สำเร็จแบบนี้ ตอนนี้ยังมีหนทางอีกยาวไกลให้มันเดินก่อนที่มันจะบินได้ แต่มันก็เริ่มก้าวย่างออกมาได้อย่างดีแล้วหนึ่งก้าว ความสามารถที่มันแสดงออกมาในครั้งนี้ แข็งแกร่งยิ่งกว่าบุชตอนที่มีอายุเท่านี้เสียอีก
เพียงแต่มันก็เห็นได้ชัดว่า ลูกนกอินทรีทองไม่ชอบกระพือปีกบิน มันชอบใช้ขาที่มีพละกำลังของมันในการวิ่งมากกว่า เหมือนกันกับห่านขาวอย่างไรอย่างนั้น หลังจากร่อนลงบนพื้น มันเหยียบอยู่บนพรมนุ่มๆ ร้องแควกๆ ขณะที่กำลังวิ่งวุ่นไปทั่วห้อง ดูท่าทางคึกคักดีใจมาก
วินนี่ขึ้นมานอนกับฉินสือโอวบนเตียง เธอแนบศีรษะไว้บนอกของเขา พร้อมกับโอบกอดเขาไว้และถามเขาว่า “จริงๆ แล้วอะไรที่ทำให้คุณไม่มีความสุขกันแน่คะ?”
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาแล้วบอกกับเธอว่า “ผมรู้สึกว่าผมไม่ใช่ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนั้นเลย ถ้าแต่งงานกับผม คุณจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไหมครับ?”
วินนี่ถามเขาด้วยความตกใจว่า “เฮ้ นี่คือพูดจริงหรือเปล่าคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้ารับ เขารู้สึกเศร้าซึมอยู่นิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะความกังวลจากการแต่งงาน ที่ทำให้ท่านชายฉินที่ปกติแล้วไม่ว่าจะทำอะไรก็มีจิตใจที่นิ่งสงบอยู่เสมอ อยู่ๆ ก็กลายเป็นคนอ่อนไหวขึ้นมาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวของวินนี่ จนต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนเพราะเรื่องผลได้ผลเสีย
วินนี่โอบกอดเขาไว้ แล้วพูดว่า “โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาคุยกันอย่างจริงจังกัน ที่รักคะ เริ่มตั้งแต่ตอนที่เรารู้จักกันเลยดีไหมคะ?”
“ครั้งแรกที่ได้เจอกันตอนที่อยู่บนเครื่องบิน ฉันไม่มีความประทับใจอะไรเกี่ยวกับคุณเลย ถึงฉันจะปลอบคุณ แต่ฉันก็ปลอบคนอื่นมาตั้งมากมาย ครั้งที่สองเป็นเพราะคุณเสียสละที่นั่งชั้นหนึ่งให้กับคนแก่ที่ต้องการความช่วยเหลือ ตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าคุณเป็นคนหนุ่มที่ถูกสั่งสอนมาดี”
“ต่อมา พวกเราก็ได้พบกันบนเครื่องบินอีกครั้ง ฉันคิดว่าอย่างน้อยคุณก็เป็นคนที่มีความตั้งใจ ตอนนั้นคุณอยากจีบฉันใช่ไหมล่ะค่ะ? รู้ไหมคะว่าทำไมฉันถึงตัดสินใจให้โอกาสคุณ? เพราะทั้งสามครั้งที่คุณขึ้นเครื่องบิน ล้วนแต่เป็นไฟล์ทบินเดียวกันกับฉันทั้งนั้น”
“มันพิสูจน์ให้เห็นว่าพรหมลิขิตทำให้พวกเราได้เจอกันเหรอครับ?” ฉินสือโอวถาม
วินนี่แบะปากพูดว่า “จะบ้าเหรอคะ พรหมลิขิตน่ะมีไว้หลอกเด็กผู้หญิงเท่านั้นแหละ พวกเราอยู่ด้วยกันทั้งสามไฟล์ทบิน เห็นได้ชัดว่าคุณตั้งใจสอบถามไฟล์ทบินของฉันแล้วค่อยจองตั๋วเดินทาง ฉันคิดว่าผู้ชายที่เต็มใจจะแสดงความรู้สึกดีๆ ต่อผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเงียบๆ แบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็ควรให้โอกาสเขาได้ตามจีบเธอสักหน่อย ใช่ไหมล่ะค่ะ?”
ฉินสือโอวเกากกหูแกรกๆ เขานึกขึ้นมาได้แล้ว นั่นเป็นเพราะเออร์บักที่ช่วยจัดการให้เขา ชายชราเป็นคนเจาะจงเลือกไฟล์ทบิน เพราะอยากให้ฉินสือโอวได้พบกันวินนี่บ่อยขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการเกิดโอกาสที่พวกเขาจะสปาร์คกัน
เขาต้องขอบคุณเออร์บัก สิ่งที่คุณปู่ทำให้เขามีอยู่มากมายเหลือเกิน ถ้าไม่มีคุณปู่ ตอนนี้เขาคงไม่มีทางได้อยู่กับวินนี่
“หลังจากนั้น พวกเราก็ไปเดินชมวิวที่โทรอนโต เข้าชมงานนิทรรศการเรือยอชต์ แล้วกลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ฟาร์มปลาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในตอนนั้นฉันรู้สึกสับสนมากๆ เพราะวันเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ฉันคิดว่าคุณมีข้อเสียอยู่หลายอย่าง ไม่มีจิตใจที่จะแสวงหาความก้าวหน้า กลัวว่าตัวเองจะสู้คนอื่นไม่ได้แถมยังอวดดีอีก อ่อนไหวขี้ระแวง กล้าคิดแต่ไม่กล้าทำ…”
“ผมมันไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ฉินสือโอวท้อใจยิ่งกว่าเดิมแล้ว
วินนี่พูดว่า “ฟังฉันให้จบสิคะ! แต่หลังจากได้พบหู่จือกับเป้าจือ ความคิดที่ฉันมีต่อคุณก็เริ่มเปลี่ยน คุณยอมเลี้ยงลูกหมาจรจัดเนื้อตัวสกปรกมอมแมมทั้งสองตัว คุณอาบน้ำร้อนให้พวกมัน เลี้ยงดูพวกมันด้วยความอดทน จนพวกมันกลายเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม”
พอพูดจบ วินนี่ก็เกาะกรามล่างของหู่จือกับเป้าจือ สุนัขแลบราดอร์ยื่นเท้าออกมากอดแขนเธอเอาไว้อย่างซุกซน พร้อมกับหรี่ตาเล็กน้อย แสดงสีหน้าของความสุขออกมา
“ในตอนนั้นความคิดของฉันก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ อย่างน้อยคุณก็เป็นผู้ชายที่มีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ผู้ชายที่มีความรักอยู่ในหัวใจคงไม่แย่ขนาดนั้นหรอก ใช่ไหมล่ะคะ?”
“พอเรายิ่งรู้จักกัน ฉันถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นฉันยังรู้จักคุณไม่มากพอ เลยเข้าใจคุณผิด คุณไม่ใช่คนที่น้อยใจในโชคชะตาแต่ทำตัวอวดดี แล้วก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีจิตใจที่จะแสวงหาความก้าวหน้า แต่ยินดีที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อีกทั้งยังเป็นคนที่มีความคิดจิตใจที่กว้างขวาง”
“ทีละเล็กทีละน้อย ทัศนคติที่ฉันมีต่อคุณก็เปลี่ยนไปมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันมองเห็นหลายสิ่งหลายอย่างจากตัวคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายคนอื่นไม่มี จิตใจที่มีความเมตตา มีความรับผิดชอบ ความเข้มแข็ง รู้จักการให้อภัย ฉิน คุณรู้ไหมคะว่าฉันหลงรักคุณตั้งแต่ตอนไหน?”
วินนี่มองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง ดวงตาคู่นั้นที่เป็นประกายระยิบระยับ ซ่อนสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประทับใจเอาไว้
ฉินสือโอวส่ายหน้า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าวินนี่ตกหลุมรักเขาตั้งแต่ตอนไหน ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าถ้าระหว่างคนทั้งสองคนมีความรู้สึกให้กันมันก็จะสำเร็จลงได้เอง
“ที่จริงก็ตั้งนานแล้ว นานกว่าที่คิดเสียอีก ครั้งแรกที่พวกเราได้เจอกับอีวิลสัน ตอนนั้นคุณดื่มเหล้าจนเมา พวกเราเจอเขาในอุโมงค์ หลังจากนั้นสิ่งแรกที่คุณทำก็คือดึงฉันมาไว้ทางด้านหลัง” วินนี่ลูบแก้มของเขา “ในตอนนั้นฉันก็รู้แล้วว่า หลังจากนั้นฉันอาจจะต้องตกอยู่ในกำมือของคุณแล้ว”
นานมากแล้วจริงๆ ในตอนนั้นฉินสือโอวยังไม่ทันได้เริ่มจีบวินนี่อย่างจริงจังเลย
……………………………………………….
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1137 สิ่งที่คุณไม่รู้
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!