ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1139 ทำสงครามต่อต้านแมงกะพรุน

แมงกะพรุนเวเลลลาคือแพลงก์ตอนทะเลไฮโดรซัวในวงศ์ Porpitidae มีหนวดยาว ขณะที่มีชีวิตอยู่ลำตัวและถุงอากาศของพวกมันจะปรากฏให้เห็นเป็นสีฟ้าคราม แมงกะพรุนเวเลลลาโปร่งใสไม่มีสี แมงกะพรุนเวเลลลาในน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติก จะมีสีฟ้าที่ชัดเจนกว่า
ถ้าแค่ชื่นชมอย่างเดียว แมงกะพรุนเวเลลลาถือเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่สุดยอดมาก ทว่าพวกมันไม่ยอมเป็นแจกันประดับดอกไม้เพียงอย่างเดียว แต่พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นผู้สร้างความหายนะ…
แมงกะพรุนเวเลลลาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม พวกมันอาศัยลมทะเลในการเคลื่อนไหว เนื่องจากสิ่งมีชีวิตชนิดนี้นอกจากตอนที่ยังเล็ก ในช่วงเวลาอื่นส่วนใหญ่แล้วมันจะขับแก๊สออกมาเพื่อให้ร่างกายลอยขึ้นมาสู่ผิวทะเล ด้วยเหตุนี้เมื่อมีพายุ พวกมันก็จะถูกเข้าไปในฟาร์มปลาที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทั้งฝูง จนสร้างความเสียหายให้กับฟาร์มปลา
และถึงจะไม่มีพายุ ที่ที่แมงกะพรุนเวเลลลาปรากฏตัวขึ้นก็ถือเป็นฝันร้ายสำหรับธุรกิจประมง เนื่องจากมีจำนวนมากเกินไป ตามสถิติของสำนักงานสถิติด้านชีววิทยาทางทะเลภายใต้กรมประมงของสหรัฐอเมริกา แมงกะพรุนเวเลลลากลุ่มใหญ่สามารถรวมตัวกันลอยน้ำอยู่บนผิวทะเลได้กว้างถึง 100 กิโลเมตร
สิ่งมีชีวิตฝูงใหญ่กว้าง 100 กิโลเมตร ข้างในมีแต่แมงกะพรุน แค่ลองคิดๆ ดูท่านชายฉินก็มึนแล้ว!
ถ้าแมงกะพรุนรวมกลุ่มแล้วปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ไม่เพียงแต่จะแย่งชิงออกซิเจนในน้ำ แต่ทำให้ปลาทะเลขาดอากาศหายใจจนตาย และพวกมันยังกินปลากับกุ้งเป็นอาหารอีกด้วย! สำหรับฟาร์มเพาะเลี้ยงแล้ว นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก
ฉินสือโอวอ่านข่าว เมื่อปลายเดือนเมษายนของปีที่แล้ว แมงกะพรุนไฟราวๆ หนึ่งพันล้านตัวถูกพัดขึ้นสู่ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา พวกมันกระจายตัวปกคลุมแถบชายฝั่งในรัฐออริกอนและรัฐวอชิงตันราวกับปูพรมทับ ทอดยาวติดต่อกันหลายสิบกิโลเมตรจนชายหาดกลายเป็นสีฟ้า
ประชาชนในพื้นที่ที่น่าสงสารผู้ซึ่งผ่านการทำลายล้างเหมือนในหนังฮอลลีวูดมาอย่างโชกโชน ยังนึกว่ามนุษย์ต่างดาวบุกเข้ามา จึงพากันโทรไปแจ้งสถานีตำรวจ ให้คนชุดดำในแอเรีย 51 อะไรสักอย่างรีบส่งทหารเข้ามา
หลังจากนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ได้ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ว่า สัตว์ประหลาดตัวสีฟ้าพวกนี้ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แต่เป็นแมงกะพรุนชนิดหนึ่ง และการที่พวกมันเกยตื้นพร้อมกันจนกินพื้นที่ขนาดใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยาก ทุก 3-6 ปีจะเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นหนึ่งครั้ง
ทว่า เมื่อก่อนจะปรากฏขึ้นในพื้นที่เขตร้อนเป็นส่วนใหญ่ เหล่าผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าแมงกะพรุนเวเลลลาเป็นตัวบ่งชี้ถึงกระแสน้ำอุ่น การปรากฏตัวในเขตอบอุ่นเป็นเหตุการณ์ที่ในร้อยปีถึงจะเกิดขึ้นสักครั้ง ดังนั้นทุกคนจึงไม่เคยพบเห็นมาก่อน และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้
ตัวบ่งชี้กระแสอากาศอุ่น แค่เห็นชื่อก็ทราบได้ถึงความหมายของมัน นั่นแสดงให้เห็นว่าสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นจะมีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน พวกมันเป็นสายพันธุ์ที่เคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำอุ่น สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอย่างปลาโบนิโตก็นับว่าเป็นสัตว์ประเภทนี้เช่นกัน
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็ปวดกระบาลแล้ว ใครมันบอกว่าอเมริกามีความน่าเชื่อถือกัน พวกเขาบอกว่าในหนึ่งร้อยปีภัยพิบัติจากฝูงแมงกะพรุนเวเลลลาจะปรากฏขึ้นในเขตอบอุ่นแค่หนึ่งครั้งไม่ใช่หรอกเหรอ? แต่ปีที่แล้วเพิ่งจะเกิดวิกฤตการณ์นี้ ปีนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกแล้ว แถมยังเกิดขึ้นในเขตอบอุ่นอีกต่างหาก นี่มันไม่น่าเชื่อถือเลย
ต่อให้ฉินสือโอวโง่ เขาก็รู้ว่าฟาร์มปลาของเขาประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่จากการระบาดของแมงกะพรุนเข้าให้แล้ว!
แมงกะพรุนภายใต้สถานการณ์ปกติ ดูอ่อนโยนและงดงาม โดยเฉพาะแมงกะพรุนเวเลลลา ซึ่งเป็นหนึ่งในแมงกะพรุนสวยงามที่มีชื่อเสียง บ่อแมงกะพรุนในพิพิธภัณฑ์โลกใต้สัตว์น้ำก็เพาะเลี้ยงพวกมันเอาไว้แทบจะทุกแห่ง แต่ในเวลาล่าอาหาร พวกมันก็คือปีศาจร้ายที่น่าหวาดกลัวนั่นเอง
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกสำรวจไปทั่วทุกหนแห่ง ฉินสือโอวไม่รู้เลยว่าเขาได้เห็นแมงกะพรุนที่กำลังล่าอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว
พอเจอลูกกุ้งลูกปลา แมงกะพรุนเวเลลลาก็ยืดหนวดออกมาจับพวกมันไว้ หนวดของแมงกะพรุนเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมาก หนวดทุกเส้นมีเหล็กในนับร้อยนับพันอยู่ข้างใน หลังจากจับเหยื่อได้แล้ว เหล็กในจะสามารถแทงเข้าไปในเนื้อหนังของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว แล้วจะปล่อยพิษเข้าไป ทำให้เหยื่อเกิดอาการชา
ในความคิดของฉินสือโอว แมงกะพรุนยังเหมาะกับคำว่าอสรพิษแสนสวยยิ่งกว่าพวกงูเขียวไผ่เสียอีก พวกมันดูเหมือนจะอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงพวกมันเป็นหนึ่งในสัตว์กินเนื้อที่โหดร้ายทารุณที่สุดในโลก เป็นนักล่าอันดับต้นๆ ของท้องทะเลโดยสมบูรณ์!
โดยทั่วไปแล้วแมงกะพรุนเวเลลลาจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก หลังจากที่พวกมันจับกุ้งจับปลาไว้ได้แล้ว จะไม่สามารถกินเหยื่อเข้าไปได้ทั้งตัว กินได้แค่ส่วนเดียวเท่านั้น แล้วส่วนที่เหลือก็จะจมลงไปตายใต้ก้นทะเล
และหลังจากปลากับกุ้งที่ตายแล้วจมลงสู่ก้นทะเลก็ยังไม่ถือว่าเรื่องจบลงแค่นั้น พวกมันจะเน่า แล้วปล่อยเชื้อแบคทีเรียและไวรัสออกมา จนทำให้น้ำทะเลเกิดการปนเปื้อน…
หลังจากได้รู้เรื่องพวกนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา เขากลับไปคิดถึงเรื่องที่ว่าเขากับอาร์ม็องใครเป็นลูกเขยที่ดีกว่ากันอะไรเทือกนั้นไม่ได้แล้ว เขาลงจากเตียงแล้วออกไปข้างนอกทันที
หู่จือเป้าจือร้องหงิงๆ กอดขาเขาเอาไว้ เพื่อออดอ้อนขอความรัก ฉินสือโอวอุ้มพวกมันขึ้นมาแล้วโยนพวกมันลงไปบนเตียง ให้พวกมันได้สัมผัสกับความเจ็บแสบของเครื่องบินบกดูสักหน่อย
ตอนที่ลงมาข้างล่าง ฉินสือโอวพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้ดูตื่นตระหนกอย่างเต็มที่ เขาทักทายทุกๆ คน แล้วบอกว่าจะออกไปเดินเล่นริมทะเลสักหน่อย
อาร์ม็องก็ถามเขาด้วยความตกใจว่า “ดึกขนาดนี้น่ะเหรอ?”
ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “เดินเล่นบนหาดทรายขาวตอนกลางคืน ด้านบนมีแสงจันทร์สีเงินสาดส่อง แบบนั้นยิ่งงดงามไม่ใช่เหรอครับ?”
อาร์ม็องยกนิ้วโป้งให้เขา น้องชายนายช่างเจ้าบทเจ้ากลอนจริงๆ
วินนี่วิ่งกระโดดโลดเต้นตามเขามา แล้วพูดว่า “ฉันจะไปกับคุณเองค่ะ”
ฉินสือโอวจึงพูดกับเธออย่างประหลาดใจว่า “คุณจะไปกับผมทำไมกันครับ? อยู่กับคุณพ่อคุณแม่กับคุณปู่คุณย่าที่บ้านดีกว่าไหม?”
วินนี่ย่นจมูกใส่ แล้วพูดว่า “ฉันกลัวว่าคุณจะคิดสั้น กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทิ้งให้ฉันกับเสี่ยวเถียนกวาเป็นแม่หม้ายกับเด็กกำพร้า น่ากลัวจะตายไปค่ะ”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “จะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ ผมจะคอยอยู่ข้างๆ คุณไปตลอดกาลเลย”
“จะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลได้อย่างไรคะ? เวลาผ่านไปเร็วขนาดนั้น ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว ฉันรู้สึกว่าเวลาผ่านไปแค่พริบตาเดียว แต่ต้าป๋ายถึงแก่ขนาดนี้แล้วได้อย่างไรกัน?”
ขณะที่กำลังทอดถอนใจไปพร้อมกันกับวินนี่ ฉินสือโอวก็ใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมแมงกะพรุนเวเลลลาใกล้ฝั่งทะเลให้ลอยขึ้นมา หลังจากนั้นก็ให้คลื่นทะเลซัดขึ้นมาบนชายหาด
สาเหตุที่แมงกะพรุนเวเลลลาง่ายต่อการกลายเป็นภัยพิบัติขนาดนี้ ยังมีปัญหาอยู่อีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือพวกมันสามารถซ่อนตัวได้ดีมาก ถ้าไม่แพร่ระบาดจนปะทุออกมาก็จะไม่มีทางลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
ซุนวูกล่าวไว้ว่า ผู้ที่ซ่อนตัวได้ดีที่สุดจะซ่อนตัวราวกับอยู่ใต้พิภพ แมงกะพรุนเวเลลลามีความสามารถในการหลบซ่อนเป็นอย่างดีเลยล่ะ
แค่แป๊บเดียว แมงกะพรุนเวเลลลาฝูงใหญ่ก็ขึ้นมาปรากฏตัวอยู่บนชายหาด แสงยามราตรีสว่างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีพระจันทร์เพียงครึ่งซีกไม่ใช่พระจันทร์เต็มดวง ทว่าแสงจันทร์ก็ยังคงส่องสว่างเป็นอย่างมาก เมื่อเดินมาถึงริมทะเล ก็สามารถมองเห็นแมงกะพรุนพวกนี้ได้แล้ว
เมื่อพบว่ามีแมงกะพรุนถูกพัดขึ้นมาบนชายฝั่งมากมายขนาดนี้ วินนี่ก็เผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ “พระเจ้า ทำไมที่ฟาร์มปลาถึงได้มีแมงกะพรุนเยอะขนาดนี้?”
ฉินสือโอวก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเหมือนกัน ต่อจากนั้นเขาก็ทยอยโทรศัพท์หาชาร์ค ซีมอนสเตอร์กับแซนเดอร์สและคนอื่นๆ บอกให้พวกเขารีบมาที่นี่
เขาประเมินว่าน่าจะไม่ใช่แค่ฟาร์มปลาของเขาที่ประสบกับภัยพิบัติ ตามลักษณะนิสัยของแมงกะพรุนเวเลลลา ทุกครั้งที่พวกมันปะทุตัวออกมาก็จะทำลายน่านน้ำไปทั้งผืน เช่นนั้นแล้วอย่างน้อยที่สุดในตอนนี้น่านน้ำทั่วทั้งนครเซนต์จอห์น ก็คงจะเกิดวิกฤตการณ์นี้ขึ้นแล้ว
สิ่งที่น่าชังก็คือ สำนักงานประมง สำนักตรวจสอบเฝ้าระวังทะเลและชายฝั่ง รวมไปถึงหน่วยงานอื่นๆ ต่างก็ไม่ได้ทำการแจ้งเตือนล่วงหน้า หรือพูดอีกอย่างคือหน่วยงานเหล่านี้ทำงานเพื่อหวังความสุขความสบายเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ตรวจพบวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากฉินสือโอว พวกเขาทุกคนก็รีบมาที่นี่ทันที พวกเขามองเห็นแมงกะพรุนที่ถูกซัดขึ้นมาบนชายฝั่งตลอดทางที่เดินมาที่นี่ จิตใจก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา หลังจากได้เจอกันฉินสือโอวจึงถามเขาด้วยประหลาดใจว่า “ทำไมถึงได้มีแมงกะพรุนเยอะขนาดนี้กันล่ะ?”
ถึงอย่างไรผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้เชี่ยวชาญ แซนเดอร์สเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกับพวกที่รัฐบาลหามาไว้เพื่อแก้ข่าวลือพวกนั้น หลังจากที่ได้เห็นลักษณะของแมงกะพรุนเขาก็พูดว่า “นี่คือแมงกะพรุนเวเลลลา ให้ตายสิ จะต้องติดมากับกระแสน้ำอุ่นเม็กซิโกแน่ๆ แย่ล่ะ นิวฟันด์แลนด์มีปัญหาแล้ว!”
ฉินสือโอวควักโทรศัพท์ออกมาโทรหาหม่าจิน ซิว อธิบดีอาวุโสยังไม่นอน อีกทั้งตอนรับสายยังมีอารมณ์พูดหยอกเขาเล่น “นายทะเลาะกับแฟนมาใช่ไหม ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้มีเวลาโทรมาหาเพื่อนเก่าอย่างฉันคนนี้?”
ท่านชายฉินหัวเราะเจื่อนๆ “ท่านอธิบดีครับ ผมจำเป็นต้องโทรมาหาท่าน ตอนนี้พวกเราพบแมงกะพรุนเวเลลลาจำนวนมหาศาลในฟาร์มปลาของพวกเรา ผมคิดว่าน่าจะดีที่สุดถ้าท่านส่งคนมาตรวจสอบอย่างละเอียด ผมสังหรณ์ใจว่า พวกเราคงจะต้องทำสงครามต่อต้านแมงกะพรุนแล้วล่ะครับ!”
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset