ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1159 ควรหมั้นหมายได้แล้ว

หลังเจาะรูเสร็จแล้ว อาร์ม็องตัดพื้นแก้วออก ผลของช่องลมและตะแกรงค่อนข้างทรงพลัง ไม่ต้องพัด อากาศที่ไหลผ่านก็พอใช้แล้ว
ถัดมาเขาเอาแก้วขนาดกลางขึ้นมา เจาะรูขนาดสิบหกเซนติเมตรหนึ่งรูด้านใต้ที่เปลือกนอก ทดลองเอาชั้นข้างในใส่ลงไป จากนั้นก็ติดตั้งแล้วเอาออก พยักหน้าให้ฉินสือโอวหลังรู้สึกว่าไม่มีปัญหา ฉินสือโอวเองก็พยักหน้าให้เขากลับ ส่วนที่ว่าพยักหน้าอะไรนั่น เขาก็ไม่รู้แล้ว
แน่นอนว่าแก้วขนาดยี่สิบเซนติเมตรเอามาใช้ทำเปลือกนอก ด้ามจับของแก้วใบนี้ อาร์ม็องตั้งใจเก็บเอาไว้ เขาจับด้ามจับแล้วยกแก้วขึ้นมา แล้วบอกว่า “คุณดูสิ แบบนี้วันหลังตอนที่จะเคลื่อนย้ายเตาก็ยิ่งปลอดภัย ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวถามอย่างสงสัยว่า “ผมอยากรู้ว่าอุณหภูมิเตาสูงขนาดนั้น จะไม่ร้อนจนทำลายพลาสติกป้องกันด้านนอกด้ามจับเหรอ? และถ้าหากไม่มีพลาสติกป้องกัน งั้นการส่งถ่ายความร้อนเวลาที่ใช้เตา อุณหภูมิของด้ามจับก็จะสูงขึ้นตาม อุณหภูมิสูงขนาดนั้นใครจะกล้าแตะต้องมัน?”
อาร์ม็องอึ้งนิดๆ หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ไม่ ชั้นปกป้องของด้ามจับไม่ได้เสียหายง่ายขนาดนั้น”
ฉินสือโอวสงสัยในเรื่องนี้เลยกล่าวว่า “แต่คุณบอกไม่ใช่เหรอว่า อุณหภูมิของเปลวไฟที่เกิดจากการเผาไหม้ก๊าซไม้จะสูงกว่าก๊าซธรรมชาติ ก๊าซเหลวต่างๆ? งั้นอุณหภูมิคงสูงน่าดู ต้องร้อนจนทำให้ด้ามจับเสียหายแน่”
อาร์ม็องมองดูเขา แล้วบอกว่า “คุณรู้ไหม ลูกศิษย์ของผมต่างก็สอบผ่านการสอบปลายภาคหมดเลย”
ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าเขาบอกเรื่องนี้ทำไม จึงถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมล่ะ? การสอบปลายภาคของพวกคุณคือการทำเตาฟืน DIY อย่างไรเหรอ?”
อาร์ม็องส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาจะไม่เถียงผม ผมว่าอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น!”
ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจ ถ้าหากทำได้ เขาอยากจะปล่อยหู่จือและเป้าจือมากัดเจ้าหมอนี่เสียจริง
นี่ก็ไม่มีจะอะไรต้องเถียงกัน เตาอันนี้ ก็แค่อาร์ม็องสอนฉินสือโอวทำ ความจริงแล้วเนื้อสเตนเลสไม่ค่อยทนทาน อุณหภูมิที่เกิดจากการเผาไหม้ก๊าซไม้ เผาสักสิบกว่าครั้งเตานี้ก็เสียแล้ว หลังจากเขาทำเป็นแล้วจะใช้โลหะผสมไทเทเนียมมาทำใหม่
แก้วขนาดสิบแปดเซนติเมตรยังจะต้องทำการเจาะรูรอบๆ และบริเวณด้านใต้ เพราะว่ามันจะเป็นช่องเตาเผาของเตาไฟ หลักๆ ที่จะใช้สุมไฟ การระบายอากาศจำเป็นจะต้องเพียงพอ
หลังจากทำโครงออกมาแล้ว อาร์ม็องก็ทำการปรับแต่งรายละเอียด และเพราะรายละเอียดพวกนี้ ทำให้ผลงานที่ได้ในตอนสุดท้ายแล้วจะไม่เหมือนกัน
ทั้งสองคนทำมาสองชั่วโมงกว่า เตาฟืนหนึ่งอันที่วิบวับก็ทำเสร็จ เตาเล็กเป็นสีเงินวาว มีเส้นโค้งตามแก้วน้ำใหญ่ อาร์ม็องจับด้ามจับยกแก้วขึ้นมา แล้วพูดอย่างภูมิใจว่า “เป็นอย่างไร นี่เป็นผลงานศิลปะใช่หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวชื่นชมว่า “พวกคุณคนฝรั่งเศสนี่เก่งจริงๆ ทำเตาสักอันยังสามารถทำให้เป็นผลงานศิลปะได้อีก”
แน่นอนว่าคำพูดนี้เป็นคำสรรเสริญเสียส่วนใหญ่ ที่จริงแล้วก็แค่รูปทรงแก้วน้ำเท่านั้น จะมีความงดงามอะไรกัน?
อาร์ม็องที่ถูกเขาชื่นชมก็เหลิง เขาเอาแก้วน้ำวางไว้ตรงหน้าฉินสือโอวแล้วกล่าวว่า “คุณดูสิ ของสิ่งนี้หลอกลวงแค่ไหน? วันหลังถ้าเพื่อนคุณมาเที่ยว คุณสามารถจุดฟื้นไม้ก่อน จากนั้นก็เอาไปวางตรงหน้าพวกเขา ชวนพวกเขาดื่มชาร้อน รอให้พวกเขาเปิดฝาออก คุณว่ามันจะเป็นอย่างไร?”
ฉินสือโอวมองดูหนุ่มหล่อฝรั่งเศสอย่างอึ้งๆ อีกคนหัวเราะชอบใจว่า “น่าตกใจใช่หรือเปล่า?”
ไม่ มันโง่มาก นี่นายกลัวว่าตัวเองจะมีเพื่อนเยอะเกินไปเหรอ คุณชายฉินบ่นในใจเงียบๆ
เตาฟืนทำเสร็จเรียบร้อย ต่อมาก็คือลองจุดไฟ อาร์ม็องใส่ฟืนไม้เข้าไปข้างใน จากนั้นเทแอลกอฮอล์นิดหน่อยเพื่อจุดไฟ หลังจากจุดไฟแล้วเริ่มแรกเปลวไฟฟืนไม้ไม่แรง แต่พอไม้ยิ่งไหม้ไฟก็ยิ่งแรง
แม้ว่าไม่มีอุปกรณ์เพิ่มแรงดันอื่นแท้ๆ สิ่งนี้กลับสามารถทำให้เปลวไฟพ่นออกมาข้างนอกได้ สามารถเห็นได้ชัดว่าก๊าซไม้ลอยขึ้นได้เร็วแค่ไหน และปล่อยพลังงานร้อนได้รุนแรงแค่ไหน
น้ำเย็นของกล่องอาหารทหาร ใช้เพียงแค่สี่นาทีก็ต้มจนเดือดแล้ว อาร์ม็องเอากล่องอาหารลงมา จากนั้นให้ฉินสือโอวมองฟืนไม้ข้างใน “เพิ่งจะไหม้ไปไม่ถึงครึ่ง สุดยอดไปเลยใช่ไหม? ฟืนไม้ที่เหลือ ยังสามารถต้มซุปให้คุณดื่มได้อีกนะ”
หลังจากนั้นอาร์ม็องยังทดลองให้ฉินสือโอวดูอีกอย่าง เขาใส่น้ำเข้าไปใหม่ จากนั้นก็ใส่ฟืนไม้ที่ชื้นเข้าไปในเตา ซึ่งเป็นกิ่งไม้ที่เพิ่งหักลงมาจากต้นไม้ ปรากฏว่าไฟจะอ่อนลงเล็กน้อย แต่ยังคงลุกโชนอยู่เหมือนเดิม
นี่ก็คือหนึ่งในข้อได้เปรียบใหญ่สุดของเตาฟืน เงื่อนไขต่อวัตถุดิบไม่สูง ขอเพียงเริ่มไหม้ขึ้นมาก็พอแล้ว
สุดท้าย รอจนเปลวไฟมอดลง อาร์ม็องก็เทขี้เถ้าที่กลายเป็นขี้เถ้าไม้ไปหมดแล้ว เขาบอกว่า “การเผาไหม้เพียงพอมากใช่หรือเปล่า? ดูสิ เจ้าสิ่งนี้รักษาสิ่งแวดล้อมขนาดนี้ ใช้เตาแบบนี้ดีกว่าเตาแก๊สฟางเยอะมากเลย ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวหยักหน้าบอกใช่ จากนั้นก็มองดูเตาว่า “ตอนนี้ยิ่งเหมือนผลงานศิลปะแล้ว พี่เขย คุณสุดยอดมากเลย”
อาร์ม็องยิ้มเขินๆ เตาฟืนดำง่าย ต้มน้ำแค่สองกา เปลือกนอกสีเงินวาวของเตาก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทขึ้นมา เหมือนกับภาพว่านามธรรมชื่อดังอย่างไรอย่างนั้น
แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉินสือโอวก็ได้เข้าร่วมในการทำเตาฟืน แน่นอนว่างานของเขาก็แค่ส่งประแจ ไขควง มีดตัดต่างๆ แต่ส่วนที่มีค่าคือ เขาเรียนการทำเตาฟืนสำเร็จแล้ว ดังนั้นเขาสามารถทำเองได้แล้ว
หลังได้เตาฟืน ฉินสือโอวก็เอาไปแสดงให้ทุกคนดูอย่างได้ใจ พ่อแม่ของฉินสือโอวเห็นภาพนี้ อยู่ๆ ก็หวังว่าลูกนั้นจะได้ดิบได้ดี ลากเขามาคุย “ลูกเป็นพ่อคนแล้ว ทำไมถึงยังทำตัวเป็นเด็กล่ะ? ทำเตาขนาดเล็กแบบนี้ทำไมกัน? เป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อควรเล่นเหรอ?”
วินนี่รีบช่วยสามีพูด “พ่อแม่คะ เสี่ยวโอวไม่ได้ทำเตาแบบนี้เป็นของเล่น มันมีคุณสมบัติที่ดีมาก วันหลังตอนขึ้นเขาพวกเราก็ไม่ต้องพกเชื้อเพลิงไปแล้ว มีเตาอันนี้แล้วบนเขานอกจากจะมีก้อนหินและน้ำแล้ว อย่างอื่นยังสามารถเป็นเชื้อเพลิงได้อีกนะคะ”
พ่อของฉินสือโอวถอนหายใจ แล้วบอกว่า “คุณดูสิ คำพูดเดียวกัน วินนี่พูดออกมาก็ไม่เหมือนกัน”
แม่ของฉินสือโอวบอกว่า “วินนี่โตกว่าเสี่ยวโอวมาก ถือว่าเสี่ยวโอวมีบุญที่หาภรรยาที่ดีแบบนี้เจอ”
ฉินสือโอวหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ ผมก็แค่ทำเตา DIY ก็บอกว่าผมเป็นเด็ก? ความคิดของพ่อแม่คนจีนดั้งเดิมแบบนี้ เตาแบบนี้เป็นของที่ผู้ใหญ่เขาเล่นในเมืองนอกต่างหาก
แต่ว่าเขาเป็นลูกกตัญญู ไม่มีทางเถียงกับพ่อแม่ เพราะว่าเขาเข้าใจ เถียงกันขึ้นมาเขาก็ไม่มีทางชนะ เพราะว่าความคิดของพ่อและแม่ของฉินสือโอวไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกัน
พ่อและแม่ของฉินสือโอวยิ่งบ่นมากขึ้น วินนี่อาศัยการแสดงออกเล็กๆ ในนั้น ทำให้คนแก่ทั้งสองยิ่งพอใจเธอ แล้วเริ่มหันไปชมวินนี่
ชื่นชมสักพักรอจนวินนี่จากไป พ่อของฉินสือโอวลากเขาไปคุยว่า “มาพักผ่อนทางนี้ก็สักพักแล้ว น่าจะคุยเรื่องสำคัญได้แล้ว งานหมั้นและงานแต่งของลูกกับวินนี่ควรจะกำหนดได้แล้ว คนแคนาดามีกฎอะไรหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวเอ่ย “วันพรุ่งนี้พ่อกับพ่อแม่ของวินนี่จะเจรจากัน พวกคุณพ่อตกลงกันเองเถอะ ผมกับวินนี่วันไหนก็ได้”
แม่ของฉินสือโอวกลอกตาใส่เขา แล้วพูดว่า “พูดเหลวไหล งานหมั้นกับงานแต่งเป็นวันสำคัญ จะกำหนดไปเรื่อยได้อย่างไร?”
………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset