ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1197 กวาดให้เรียบ

ในการแข่งขันรอบที่สอง เถียนกวาเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุด ส่วนเด็กคนอื่นๆ ก็มีอายุประมาณสิบเดือนกว่า นี่เป็นการตัดสินที่ดีเพราะมีป้ายที่ด้านหลังของเสื้อผ้าพวกเขา ซึ่งจะแนะนำอายุ ภูมิลำเนาและเพศของเด็กทารก
เมื่อเห็นว่าเถียนกวาอายุต่ำกว่าห้าเดือน คุณแม่ที่อุ้มลูกอยู่ข้างๆ บางคนก็พูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ลูกของคุณโตเร็วมาก แต่ยังเล็กแบบนี้คงไม่เหมาะที่จะให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันนะคะ?”
การเจริญเติบโตของทารกจำเป็นต้องได้รับการคัดเลือกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่เรื่องดีที่คลานได้เร็ว เดินได้เร็วหรือพูดเร็ว ถ้ากระดูก กล้ามเนื้อและสมองของพวกเขาพัฒนาได้ไม่เพียงพอที่จะประสานกับการเคลื่อนไหว นั่นจะถือว่าเป็นการบังคับให้พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้เร็วเกินไป ซึ่งมันเป็นการเร่งรีบมากเกินไปโดยใช้วิธีที่ผิด
วินนี่ก็เคยกังวลเรื่องนี้เช่นกัน แต่เธอก็ได้ขอให้โอดอมมาทำการตรวจร่างกายอยู่หลายครั้งและไปโรงพยาบาลในเซนต์จอห์นเพื่อรับผลวินิจฉัย ผลตรวจทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเถียนกวาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และมีความพิเศษ ความหนาแน่นของกระดูก ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการพัฒนาการมีความรวดเร็วกว่าเด็กธรรมดาทั่วไป
โอดอมถึงกับพูดติดตลกว่าเถียนกวามียีนนักกีฬาชั้นยอด ต่อไปคงจะไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเพื่อคว้าเหรียญในอนาคตได้
เป็นหนทางที่ยาวนานในการคว้าเหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิก แต่ตอนนี้เถียนกวาก็ได้ลงสนามแล้ว
เด็กทารกทั้งยี่สิบคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว กรรมการจึงเป่านกหวีดเพื่อส่งสัญญาณว่าเริ่มได้แล้ว
ฉินสือโอวมองไปข้างหน้าและพบว่ามีเด็กทารกเกือบครึ่งที่ยังไม่คลานออกมาและยังคงนอนอยู่บนลู่พร้อมกับเล่นกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง หรือไม่ก็เล่นของเล่นที่พ่อแม่เอามาให้ แต่ในทางตรงกันข้ามเสี่ยวเถียนกวากลับนำหน้ากว่าคนอื่นมาก เธอยังคงคลานและมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ฉินสือโอวก็คุกเข่าลงครึ่งหนึ่งที่เส้นชัยและโบกมือให้กับเสี่ยวเถียนกวาพร้อมกับทำท่าอยู่ข้างหน้าและตะโกนว่า “ไป!”
หู่จือและเป้าจือได้ยินเสียงตะโกนของเขา จึงใช้ขาทั้งสี่ข้างหมอบลงกับพื้นทันที ซึ่งท่าทางเหมือนกับสุนัขที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในน้ำและลื่นไถลไปข้างหน้า
เสี่ยวเถียนกวาตกตะลึง ฉินสือโอวเห็นว่าเด็กทารกคนอื่นๆ เริ่มคลานแล้ว เขาจึงตบก้นเล็กๆ ของเธอและให้เธอรีบคลานเร็วๆ
ไม่จำเป็นต้องเร่งเธอเพราะแค่เห็นหู่จือและเป้าจือคลานออกไป เสี่ยวเถียนกวาก็จะรีบคลานไปข้างหน้าทันที
หู่จือและเป้าจือคลานได้เร็วมาก ไม่นานก็ถูกขวางไว้ที่เส้นชัย ซึ่งตอนนี้เสี่ยวเถียนกวาก็มีสติปัญญาขั้นพื้นฐานแล้ว เมื่อเธอรู้ว่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยไม่สามารถวิ่งได้แล้ว เธอจึงคลานไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ระยะห่างสิบเมตร เสี่ยวเถียนกวาใช้เวลาสามสิบห้าวินาทีในการคลานจนถึงเส้นชัย ซึ่งความเร็วนี้ไม่นับว่าเร็วเท่าไรนัก สาเหตุหลักคือคู่ต่อสู้อ่อนแอมาก อันดับที่สองเมื่อเธอคลานไปจนถึงเส้นชัย คู่ต่อสู้ที่ตามมาเพิ่งจะคลานเลยครึ่งทางมาเท่านั้นเอง
การแข่งขันนี้จึงคึกคักมาก หมาก็เห่าแมวก็ร้อง พ่อแม่ก็ต่างพากันตะโกนเชียร์และมีคนเอาของเล่นไปไว้ข้างหน้าให้เด็กๆ ไล่ตามไม่หยุด…
หู่จือและเป้าจือหยุดที่เส้นชัย เสี่ยวเถียนกวาจึงคลานเข้าไปและยื่นแขนไปโอบคอของพวกมัน พร้อมกับหันไปเอนตัวใส่หู่จืออย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ยิ้มแป้นแล้นและเล่นกับหูใบใหญ่ของหู่จือ
เสียงปรบมือรอบๆ ก็ดังขึ้น พ่อฉินและแม่ฉินก็ปรบมือให้อย่างสุดแรงและพูดกับคนรอบๆ ตัวอย่างมีความสุขว่า “นั่นคือหลานสาวของฉัน หลานสาวของฉัน เวรี่ กู๊ดใช่มั้ย?”
เด็กที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้มีทั้งหมดแปดสิบกว่าคน แบ่งออกเป็นห้ารอบ จากผลการแข่งขัน เวลาที่ใช้ทั้งหมดสามารถเรียงยี่สิบอันดับแรกได้และจะได้เข้าร่วมในรอบชิงชนะเลิศต่อไป
ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เมื่อเห็นระบบการจัดการแข่งขันนี้ ขอร้องล่ะ นี่เป็นแค่การแข่งขันคลานของเด็กทารกเท่านั้นเอง มันจะต้องเป็นทางการขนาดนั้นเลยเหรอ? ยังจะมีตกรอบและรอบชิงชนะเลิศอีกเหรอ? โชคดีที่มีแค่สองรอบเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเด็กๆ ต้องเหนื่อยแย่แน่!
แต่หลังจากจบการคลานรอบแรก เสี่ยวเถียนกวาก็ได้รับรางวัลเหรียญทองขนาดเล็กแล้ว ซึ่งทำมาจากพลาสติกและยังใช้เป็นรางวัลแก่ผู้ชนะในรอบตกรอบ และข้างบนก็มีเด็กอ้วนคนหนึ่งกำลังยกนิ้วหัวแม่มือให้อย่างมีความสุข
ฉินสือโอวมองไปที่ท่าทางของเด็กอ้วน ก็เห็นว่าบูลกำลังมองหน้าอ้วนๆ ของลูกชายเขาอยู่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “พระเจ้า บูล ลูกชายของนายก็ได้เหรียญรางวัลเหรอ?”
บูลจึงดูเหรียญรางวัลอย่างละเอียดแล้วหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “มันเหมือนจริงๆ กัปตัน แต่พวกเขาไม่ได้จ่ายค่ารูปให้ผม ผมจะบอกพวกเขาดีไหม?”
ฉินสือโอวตบไหล่เขาเบาๆ และพูดให้กำลังใจว่า “ถ้าบอกพวกเขา ลูกชายของนายก็อาจจะมีชื่อเสียงได้นะ”
ทั้งสองคนกำลังพูดล้อเล่นกันอยู่ เด็กอ้วนก็มองดูเหรียญรางวัลที่แกว่งไปมาอยู่ในมือของฉินสือโอวอย่างสนใจ จึงยื่นมือออกไปพร้อมกับส่งเสียงอุแว้อุแว้อยากได้มาไว้กับตัว
ฉินสือโอวจึงเอาเหรียญรางวัลให้กับเขา แต่สุดท้ายเด็กอ้วนก็เอาเข้าไปในปากอย่างมีความสุข
เมื่อเป็นเช่นนั้นฉินสือโอวก็ตกใจ เหรียญรางวัลจะกินได้อย่างไร? ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ!
เขากับบูลรีบเอาเหรียญรางวัลออกมาทันที เด็กอ้วนจึงหรี่ตาพร้อมกับแบะปากร้องไห้โฮ วินนี่ที่กำลังอุ้มเสี่ยวเถียนกวาอยู่ในตอนนี้ก็เดินเข้ามาหา เถียนกวาจึงเหลือบมองไปที่เด็กอ้วนด้วยสายตาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เด็กอ้วนตัวสั่นทันทีเมื่อเห็นเถียนกวาเข้ามาใกล้ เขาทำอะไรไม่ได้จึงร้องไห้ออกมาพร้อมกับบีบแขนไปมาในอ้อมกอดของแอนนี่และเอาหัวใหญ่ๆ มุดเข้าไปในซอกรักแร้ของแอนนี่และกระดกก้นขึ้นแล้วซ่อนตัวเองไว้
แอนนี่กังวลเรื่องลูกชายแทบตาย เธอทั้งอุ้มลูกชายอย่างหมดแรงทั้งบ่นว่า “พระเจ้า เมื่อไหร่บูลน้อยของฉันจะรู้เรื่องเหมือนเถียนกวาบ้างนะ? คงจะดีไม่น้อยถ้าเขามีความกล้าได้สักครึ่งหนึ่งของเถียนกวา ไม่อย่างนั้นต่อไปเข้าโรงเรียน เขาจะถูกรังแกบ่อยแค่ไหน?”
 “ไม่เป็นไร เถียนกวากับบูลน้อยจะต้องได้ไปโรงเรียนด้วยกัน พอถึงตอนนั้นเถียนกวาจะปกป้องบูลน้อยเอง” วินนี่ปลอบเธอ
หลังจากรอนานกว่าสิบนาที การแข่งขันรอบที่สองก็เริ่มขึ้น ฉินสือโอวรู้สึกว่าความเร็วของเถียนกวาน่าจะเร็วได้มากกว่านี้ เพียงแต่แค่การไล่ตามหู่จือและเป้าจือมันน่าเบื่อ เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายและพาเด็กอ้วนไปที่เส้นชัย
แน่นอนว่าเมื่อได้เห็นเด็กอ้วนนั่งมองดูรอบๆ อย่างไม่รู้เรื่องอยู่ที่เส้นชัย เสี่ยวเถียนกวาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ฉินสือโอววางเธอลงและเธอก็อยากจะรีบคลานไปจับเด็กอ้วน
เมื่อเด็กอ้วนเห็นเสี่ยวเถียนกวาอยู่ต่อหน้า ก็เหมือนกับหนูเห็นแมว เขาจึงเริ่มคลานพร้อมกับตัวสั่นไปด้วยและต้องการจะวิ่ง แต่น่าเสียดายที่คลานยังไม่ถึงหนึ่งหรือสองเมตร เขาก็นอนลงบนพื้นอย่างเหนื่อยล้าและเฝ้าดูปีศาจที่กำลังย่างกรายเข้ามาอย่างสิ้นหวัง
ผู้ตัดสินเป่านกหวีดอีกครั้ง ฉินสือโอวจึงปล่อยลูกสาวออกตัวพร้อมกับยิ้มเยาะ ทันใดนั้นเสี่ยวเถียนกวาก็เหมือนกับกระต่ายไฟฟ้าที่ชาร์จแบตเตอรี่มาเต็มที่ เธอคลานอย่างรวดเร็วด้วยมือและเท้า พ่อแม่ที่ดูอยู่รอบๆ ก็ร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘พระเจ้า’
ระยะห่างสิบเมตร เสี่ยวเถียนกวาใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบสองวินาทีก็ถึงเส้นชัยแล้ว ซึ่งตอนนี้ข้างหลังเธอก็ไม่มีเด็กคนอื่นคลานได้ถึงครึ่งทางและยังมีเด็กคนหนึ่งที่หยุดนิ่งและไม่คลานพร้อมกับกำลังกรีดร้องตะโกนต่อต้านพ่อแม่อยู่ที่จุดเริ่มต้น
ดังนั้นเสี่ยวเถียนกวาจึงคว้าเหรียญทองในการแข่งขันมาได้อย่างง่ายดาย ฉินสือโอวมองไปที่คำแนะนำและก็พบว่าเหรียญทองนี้ชุบทองจริงๆ
แต่เสี่ยวเถียนกวาก็ไม่สนใจเหรียญทอง สิ่งที่เธอสนใจอยู่ที่เด็กอ้วนเท่านั้น ซึ่งเธอกำลังจะไปทับตัวเขาและจัดการกับแก้มอ้วนๆ ของเขาอย่างสนุกสนาน
วินนี่ยังคิดว่าจะให้เสี่ยวเถียนกวาเข้าร่วมการแข่งขันยี่สิบเมตรด้วย แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่านั่นคงไม่ดีสำหรับเด็กอายุครึ่งปีแม้ว่าเสี่ยวเถียนกวาจะคลานในบ้านได้ ไม่ต้องพูดถึงยี่สิบเมตร แม้แต่หนึ่งร้อยเมตรก็คลานได้ แต่ถึงอย่างไรการเล่นด้วยตัวเองนั้นก็แตกต่างจากการแข่งขันโดยสิ้นเชิง
แค่คว้าเหรียญทองได้ก็พอแล้ว การแข่งขันประเภทนี้เน้นการเล่นและไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะต้องได้เหรียญรางวัลมามากเท่าไร
ดังนั้นพอได้เหรียญรางวัลมาสองเหรียญ ฉินสือโอวจึงพาครอบครัวไปเตรียมทานอาหารค่ำ แมกซ์ เวลรู้ว่าพวกเขามาเข้าร่วมการแข่งขันงานเทศกาล จึงตั้งใจเชิญพวกเขามาที่บ้านโดยเฉพาะ
ครอบครัวขนาดใหญ่กำลังปิ้งย่างและทำอาหารที่ลานบ้านของเวล พวกเขาเพลิดเพลินกันจนพระอาทิตย์ตก ถึงจะกลับฟาร์มปลา ซึ่งคู่สามีภรรยามิแรนดาและมาริโอ้ก็เตรียมตัวเดินทางกลับด้วยเช่นกัน
………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset