ระหว่างที่คุยล้อเล่นกับบูล ฉินสือโอวก็ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงน้ำไป ไม่นานเขาก็ถึงเขตน่านน้ำแนวปะการังและไปที่เขตเพาะหอยนางรมลอย นับดูคร่าวๆ หลังจากการเพาะมาสองปี ในที่สุดเหล่าหอยนางรมลอยก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการขยายจำนวนของประชากร
ปีที่แล้วหอยนางรมลอยยังมีแค่ร้อยกว่าไม่ถึงสองร้อยตัว ตอนนี้จำนวนขยายไปจนถึงหลักพันแล้ว
แน่นอนว่าหอยตัวใหญ่มีเพียงร้อยกว่าตัว ที่เหลือเป็นหอยตัวเล็กหลายร้อยตัวที่ยังผลิตไข่มุกไม่ได้
แต่ว่าพวกมันก็เป็นรุ่นต่อไปของพื้นที่เพาะเลี้ยงแห่งนี้ ไม่นานก็จะกลายเป็นหอยนางรมลอยที่เป็นตัวผลิตหลัก และมีการหล่อเลี้ยงจากพลังโพไซดอน เวลานั้นก็ไม่ไกลออกไป
เรือนกนางนวลแล่นไปบนผืนน้ำอย่างเอื่อยเฉื่อย ชาร์คตั้งค่าควบคุมของคอมพิวเตอร์ เขากับนีลเซ็นคอยสังเกตดูอวนที่ท้ายเรือ ผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะเติมอาหารปลาลงไปในอวน
ฉินสือโอวตั้งอกตั้งใจตรวจดูสถานการณ์ใต้ทะเล เขาถ่ายพลังโพไซดอนจำนวนมากให้พวกหอยนางรมลอย โดยเฉพาะพวกหอยที่ขนาดประมาณเท่าเล็บมือ
ในหมู่หอยนอกจากพวกตัวใหญ่อย่างหอยมือเสือแล้วก็มักจะอยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ขอแค่มีพละกำลังก็จะกินพวกมันเป็นอาหาร
หอยนางรมลอยพวกนี้ก็มีหอยตัวเล็กส่วนหนึ่งที่ถูกกินไปแล้ว ทั้งสามตัวไม่สามารถดูพวกมันอยู่ได้ตลอด ฉินสือโอวมองดูปลาหมึกที่ว่ายวนอยู่รอบข้างอย่างไม่ประสงค์ดีจึงรีบไล่พวกมันไป จากนั้นก็คิดหาวิธีปกป้องพวกหอยนางรมลอย
หอยนางรมลอยต่อสู้ไม่ได้ ฉินสือโอวเลยได้แต่หาวิธีเพิ่มความสามารถในการซ่อนตัวของพวกมัน เขาถ่ายพลังโพไซดอนให้สาหร่ายแถวนั้นเพิ่ม ต่อไปพอสาหร่ายพืชน้ำโตขึ้นก็จะบังหอยนางรมลอยได้
ถ้าพูดถึงเรื่องการผลิตของล้ำค่า นอกจากแนวปะการังแดงในทะเลลึกแล้ว ก็คือหอยนางรมลอยพวกนี้ แม้แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินก็เทียบพวกมันไม่ได้ ฉะนั้นต้องคุ้มครองให้ดีๆ
จัดการเรื่องยิบย่อยเสร็จ ฉินสือโอวหาหอยนางรมลอยตัวใหญ่ที่สุด นี่คือราชาหอยของฝูงหอยนางรมลอย เส้นทแยงมุมยาวถึงครึ่งเมตร น้ำหนักโดยประมาณคงถึงสิบกว่ากิโลกรัม เป็นยักษ์ใหญ่ในหมู่หอยนางรมลอย
เห็นหอยนางรมลอยตัวนี้ ฉินสือโอวก็ผุดยิ้มออกมา แหวนแต่งงานที่เขาเตรียมไว้ให้วินนี่ก็อยู่ในนี้แหละ
เขาควบคุมให้ราชาหอยเปิดฝาเผยให้เห็นเนื้อหอยนุ่มนิ่มข้างใน สีชมพูใสๆ ปกคลุมเนื้อเยื่อมันวาว เบื้องล่างของเนื้อเยื่อนั้นมีไข่มุกดำที่มีขนาดแตกต่างกันอยู่
จำนวนของไข่มุกดำมีเม็ดใหญ่ประมาณสี่ห้าสิบเม็ด เม็ดที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดพอๆ กับส้มจีน!
เม็ดไข่มุกดำเม็ดอื่นในตัวของราชาหอยก็ไม่เล็ก รวมๆ แล้วก็ใหญ่กว่านิ้วหัวแม่โป้งของผู้ใหญ่ เปล่งแสงสีเทาดำที่นุ่มนวลและลึกลับภายใต้การปกคลุมของเนื้อเยื่อสีชมพู
ถ้าพูดถึงขนาด ไข่มุกพวกนี้ก็ไม่ใหญ่มากนัก ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ‘ไข่มุกแห่งอัลเลาะห์’ ที่จัดแสดงบนบรอดเวย์ในนิวยอร์กในเดือนกรกฎาคม ปี1939
ไข่มุกแห่งอัลเลาะห์มีทั้งหมดแปดเม็ด หนัก 266 กิโลกรัม แต่มันไม่ได้เป็นทรงกลม สูง 24.13 เซนติเมตร กว้าง 13.97 เซนติเมตร เส้นรอบวง 63.50 เซนติเมตร รูปทรงบิดเบี้ยว เนื่องจากมุกนี้มีลักษณะเหมือน ‘อัลเลาะห์’ จากบางมุมจึงมีชื่อเรียกว่า ‘ไข่มุกแห่งอัลเลาะห์’
แต่ไข่มุกที่มีค่าที่สุดก็คือทรงกลม ยิ่งกลมยิ่งดี พวกที่รูปร่างไม่เป็นทรงจะมีมูลค่าไม่สูงเว้นเสียแต่ว่าจะเม็ดใหญ่อย่างไข่มุกแห่งอัลเลาะห์
เม็ดไข่มุกดำพวกนี้ในท้องของราชาหอยล้วนแต่กลมเป็นมันเงา สีสม่ำเสมอ เป็นของล้ำค่าแห่งทะเลอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ต้องรู้ด้วยว่าไข่มุกดำกับไข่มุกธรรมดาต่างกัน เพราะข้อจำกัดทางการเจริญเติบโตของหอยนางรมลอยซึ่งมีน้อยที่เส้นผ่าศูนย์กลางของไข่มุกดำจะเกิน 18 มิลลิเมตร พอถึงหรือใกล้เคียงขีดจำกัดนี้ราคาก็แพงมากแล้ว
อย่างเช่น ปี 2010 ในการประมูลคริสตีส์นิวยอร์กฤดูใบไม้ผลิ ไข่มุกดำจากแม่น้ำขนาด 19 มิลลิเมตรประมูลออกไปได้สูงถึง 2.42 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากนั้นในงานประมูลโซเธบี้ฤดูใบไม้ร่วง มงกุฎฝังไข่มุกดำขนาด 17 มิลลิเมตรห้าเม็ดถูกเศรษฐีรัสเซียประมูลไปในราคา 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ!
ไข่มุกพวกนี้ที่อยู่ในท้องราชาหอยเป็นวัตถุดิบทำแหวนแต่งงานที่ฉินสือโอวคิดหาวิธีเพาะเลี้ยงแทบตาย เขาถ่ายพลังโพไซดอนให้ราชาหอยมากที่สุด และบ่อยครั้งที่เคลื่อนเนื้อเยื่อของราชาหอยเพื่อให้มุกม้วนตัวช้าๆ และสร้างวงกลมที่สวยงามที่สุด
ครั้งนี้ถือว่าเขาลงทุนหนักทีเดียว การเก็บไข่มุกจากหอยเป็นการฆ่าหอยให้ตาย เพราะครั้งที่แล้วไข่มุกเม็ดเล็กเกินไป พอเนื้อหอยเสียหายไปก็ได้พลังโพไซดอนมาเสริมพลังชีวิตให้เหล่าหอย จึงพอจะรักษาชีวิตของพวกมันไว้ได้
แต่ว่าไข่มุกที่อยู่ในราชาหอยใหญ่ขนาดนี้ได้แต่เก็บด้วยมือ แถมไข่มุกข้างในยังเยอะขนาดนี้ ถ้าเก็บออกมาหมด ราชาหอยนั่นต้องโดนกรีดเป็นชิ้นๆ จนมีชีวิตต่อไปไม่ได้แน่
ดูเขตเพาะไข่มุกดำแล้ว ฉินสือโอวก็ดูปลาไส้ตันฟลอริดาลูกรักอีก
ตอนนี้ปลาไส้ตันทั้งฝูงกำลังว่ายเข้าไปในแม่น้ำภูเขา ปลาตัวผู้ว่ายวนอยู่ที่บริเวณปากอ่าว ปลาตัวเมียวางไข่ในสระน้ำและต้นน้ำ ทำการแพร่ขยายเผ่าพันธุ์
เทียบกับตอนอยู่ในทะเลแล้ว สีบนตัวของปลาไส้ตันจะอ่อนลง สีเหลืองเข้มบนหลังได้กลายเป็นสีเหลืองอ่อนไปแล้ว นี่เป็นสัญญาณของการใช้พลังงานไขมันมากเกินไป ในแม่น้ำมีอาหารที่เหมาะสมกับพวกมันน้อยเกินไป
ปลาทะเลทุกชนิดที่ต้องอพยพไปยังแหล่งน้ำจืดเพื่อวางไข่จะมีปัญหานี้ ปลาแซลมอนโคโฮยิ่งกว่านี้อีก พวกมันเผาผลาญมากเกินไปจนสุดท้ายว่ายกลับทะเลไม่ได้ ได้แต่ตายในที่วางไข่
ปลาตัวผู้กลับอยู่ดีทีเดียว ปากอ่าวเป็นจุดที่อาหารอุดมสมบูรณ์ที่สุด พวกมันไม่ขาดแคลนอาหาร อีกอย่าง ทุกครั้งที่ปลาตัวเมียวางไข่ ปลาตัวผู้จะกินเยอะๆ ถ้าอยู่ในน่านน้ำเดียวกัน ปลาตัวเมียก็จะสละอาหารให้ปลาตัวผู้แม้จะหิวก็ตาม
ที่เป็นแบบนี้ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ปลาตัวผู้ต้องกินให้ตัวอ้วนใหญ่ ถ้ามีศัตรูโผล่มาจะได้อัดให้พวกมันอิ่มท้อง…
ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้มาจากข้อมูล แต่พออ่านไปถึงข้างหลังก็จนใจ ปลาชนิดนี้นี่ก็ไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ การเป็นรองตามธรรมชาติคืออะไร? ก็คือแบบนี้
ยุ่งกับปลาไส้ตันฟลอริดาจนเสร็จก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน ฉินสือโอวถามว่ากินอะไรดี บูลบอกว่าเขาเตรียมสเต๊กเนื้อแกะไว้ ตอนกลางวันกินสเต๊กแกะตุ๋นกัน
อาหารการกินของคนแคนาดาค่อนข้างหนักไปทางเนื้อ เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับชาติพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ฉินสือโอวก็ออกกำลังมากในหนึ่งวันระบบการย่อยของเขาจึงแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังรับวิถีการกินที่มีแต่เนื้อสัตว์ไม่ไหว
แน่นอนว่าเนื้อปลาไม่มีปัญหา เพราะเนื้อปลาย่อยง่ายโปรตีนที่มีอยู่ล้วนเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก ดูดซึมได้ง่าย ไม่เหมือนพวกเนื้อวัวหมูแกะ กินเนื้อเข้าไปเต็มท้องทีไรเขาก็รู้สึกเหมือนในกระเพาะมีหินอัดอยู่
สเต๊กแกะที่บูลเตรียมเป็นของที่พ่อแม่แอนนาเอามาจากบ้านตอนที่มาเยี่ยมเขา เขาพูดว่า “บ้านของแอนนาอยู่ที่บูแคนัน ที่นั่นมีฟาร์มมากมาย แต่ล่ะบ้านเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะ เนื้อวัวแกะที่ผลิตต่างกับของเซนต์จอห์น รสดีมาก บอสต้องลอง”
บูแคนันอยู่ตรงกลางของเกาะนิวฟันด์แลนด์ ทางทิศตะวันตกก็คือแกรนด์เลค ภูมิประเทศหลักเป็นทุ่งราบ เป็นเมืองเล็กที่ฟาร์มมารวมตัวกัน
……………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1256 ราชาหอยนางรม
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!