ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1259 สลับบทบาท

เมื่อไม่เห็นแม่ เด็กน้อยก็เตรียมอ้าปากร้องไห้อีก ฉินสือโอวเลี้ยงเด็กไม่เป็น ปกติเสี่ยวเถียนกวาเชื่อฟังว่าง่ายมาก ตั้งแต่ที่คลานเป็นก็เล่นกับหู่เป้าฉงหลัว ไม่ต้องให้เขามาคอยโอ๋
ผู้ช่วยสาวเข้ามาหวังจะช่วยปลอบ แต่เสี่ยวเถียนกวาไม่สนใจ เดิมทีแค่อยากจะแกล้งทำเป็นร้องไห้ พอมาโดนคนแปลกหน้าหยิกแก้มก็ร้องออกมาทันที
เสี่ยวเถียนกวาร้องไห้อีกสักพัก ที่บันไดก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นดัง ‘กึกๆ’ อย่างร้อนใจ ฉินสือโอวยังไม่ทันรู้ตัว เด็กน้อยก็รีบปิดปากแล้วยื่นมือชี้ไปที่บันไดแล้วตะโกนอู้อี้ “มาม๊า มาม๊า…”
วินนี่รีบเดินเข้ามารับลูกสาวไป ปลอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพักหนึ่งก็ถามฉินสือโอวว่า “พวกคุณมาได้ยังไงเนี่ย?”
ฉินสือโอวเกาจมูกแล้วตอบว่า “เอ่อ มาทำงานล่วงเวลาเป็นเพื่อนไง”
วินนี่มองเขาอย่างจนใจแล้วพูดว่า “อะไรกัน หาเรื่องยุ่งให้ฉันล่ะไม่ว่า? ฉันเพิ่งประชุมเสร็จ ออกมาก็ได้ยินเสียงลูกร้องเลยรีบลงมา”
ฉินสือโอวยิ้มแฝงขอโทษ เขาเป็นพ่อที่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร แม้แต่ลูกก็ปลอบไม่ได้
ที่โถงมีคนอื่นที่กำลังทำงานอยู่ วินนี่บอกให้เขาขึ้นไปข้างบน นายกเทศมนตรีมีห้องทำงานเป็นของตัวเอง พอเข้าไปเธอก็วางเสี่ยวเถียนกวาไว้บนเก้าอี้ทำงาน เด็กน้อยหยิบเอกสารขึ้นมาเตรียมจะยัดเข้าปาก
วินนี่รีบแย่งมาแล้วพูดว่า “อันนี้กินไม่ได้นะคะ นี่เป็นเอกสารของแม่ ลูกนั่งเล่นดีๆ อยู่ตรงนี้นะ”
เธอเอาลูกโลกจำลองกับที่ใส่ปากกาใส่ในอกของเสี่ยวเถียนกวา และอย่างที่คิด เด็กน้อยสนใจแล้วนั่งเล่น
“ลูกพ่อน่ารักจริงๆ” ฉินสือโอวอดชมไม่ได้ น่าเสียดายที่พี่น้องเฟอเรทไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นต้องฉี่ใส่ตัวเขาแน่ๆ ยังมีเรื่องไร้สาระกว่านี้อีกไหม?
วินนี่จัดเอกสารที่กระจัดกระจาย ฉินสือโอวเข้าไปช่วย เขากล่าว “เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมถึงทำงานล่วงเวลามาจนถึงตอนนี้?”
วินนี่อธิบาย “วันนี้ยุ่ง คุณไม่ได้ดูข่าวหรือไง? วันนี้ที่เซนต์จอห์นมีการประท้วงสองยก เมืองเล็กมากมายก็เข้าร่วมด้วย ตอนบ่ายเราได้รับคำสั่งจากทางการปกครองส่วนท้องถิ่น ก่อนอื่นก็ต้องจัดเอกสารเมืองเล็กก่อน จากนั้นก็ต้องเก็บสถิติเอกสารของชาวเมือง ก็เลยยุ่งจนถึงตอนนี้น่ะค่ะ”
ฉินสือโอวออกทะเลตั้งแต่เช้า มือถือไม่มีสัญญาณในทะเล เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
วินนี่มีเอกสาร ยื่นให้เขาดูก็พอ
ที่จริงแล้วสองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่นที่แฮมเล็ตดูแล เขาแค่โดนหางเลขไปด้วย
เรื่องแรกนั้นมีกระแสมาตั้งนานแล้ว รัฐออนแทรีโอสหภาพครูโรงเรียนประถมศึกษาร้องขอให้มีการขึ้นเงินเดือนครูเมื่อประมาณต้นปี แต่ปีนี้เศรษฐกิจรัฐออนแทรีโอไม่ค่อยดี สมัชชาจังหวัดกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงไม่ได้อนุมัติร่างคำขอขึ้นเงินเดือนของพวกเขา
ทั้งสองฝ่ายโต้กันมาครึ่งปีสุดท้ายก็มีฝ่ายหนึ่งที่ทนไม่ไหว ครูในรัฐออนแทรีโอรวมตัวกันหักดิบหยุดการเรียนการสอน ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ครูประถมทั้งประเทศให้หยุดงานสอนนอกหลักสูตรและงานแนะแนว
ปีนี้เศรษฐกิจแคนาดาดิ่งลงเหวในทุกด้าน รายได้ของพวกครูก็ไม่มั่นคง พอสหภาพครูรัฐออนแทริโอแผลงฤทธิ์ ครูในโรงเรียนประถมต่างๆ ก็ยินดีร่วมมือหยุดการเรียนการสอน
แฮมเล็ตหงุดหงิดหัวเสียมาก งบการศึกษาของทางเซนต์จอห์นไม่ได้โดนตัด พวกครูจะโวยวายกันทำไม? ในช่วงบ่ายเขาพบกับผู้สื่อข่าวและแกนนำสมาพันธ์ครูท้องถิ่นที่อาคารสำนักงานการปกครองส่วนท้องถิ่น เขาใช้ไม้แข็ง บอกคนในสมาพันธ์ว่าให้รีบกลับมาสอนเหมือนเดิม ถ้ากระแสหยุดสอนยังดำเนินต่อไป ทางรัฐก็จะลงโทษและตัดเงินเดือนครูที่หยุดสอน
จากนั้นการปกครองส่วนท้องถิ่นเซนต์จอห์นมีการประกาศให้แต่ละเมืองในพื้นที่ดูแล ขอให้นายกเทศมนตรีและฝ่ายการศึกษาติดตามสถานการณ์การสอนของโรงเรียนประถมศึกษาในประเทศ และคิดหาวิธีแก้ไขการระงับชั้นเรียนกันเอง
วินนี่เดิมทีกำลังยุ่งกับการจัดการเรื่องนี้ เมืองแฟร์เวลยังพอว่า มีแค่โรงเรียนประถมแกรนท์ ครูส่วนมากก็เป็นคนท้องที่ ร้องขอไปทีเดียวก็จัดการปัญหาได้ แล้วการประท้วงอีกอันก็ปะทุอีก
พูดมาถึงตรงนี้วินนี่ก็ถอนใจ ฉินสือโอวทุบโต๊ะทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ สีหน้าไม่สบอารมณ์
วินนี่นึกว่าเขารำคาญใจแทนเธอจึงกุมมือเขาแล้วยิ้มบาง “ไม่มีอะไรหรอก นี่มันเรื่องเล็ก ฉันจัดการได้”
ฉินสือโอวพูด “ไม่สิ นี่ยังเรื่องเล็กเหรอ? พวกครูโรงเรียนประถมแกรนท์ไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลยหรือไง? อย่างไรผมก็เป็นครูพละที่ทุ่มเท ทำแบบนี้กันทำไมไม่มีใครแจ้งผมเลย?”
วินนี่ “…”
เธอจ้องฉินสือโอวอย่างโกรธเคือง วินนี่เล่าเรื่องกิจกรรมประท้วงครั้งที่สองให้ฉินสือโอวฟังอีก ครั้งนี้เกี่ยวกับเกาะแฟร์เวล แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ยังคงไม่เกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่น และเทศบาลท้องถิ่นที่แฮมเล็ตกับวินนี่ดูแล
กิจกรรมประท้วงครั้งที่สองก็เป็นเรื่องที่ลามไปทั้งแคนาดา ต้นตอของเรื่องนี้เกิดขึ้นไวกว่า ตั้งแต่เมื่อปีก่อน สมัยที่พรรคอนุรักษนิยมกุมอำนาจ ตอนนั้นพวกเขาเปิดตลาดธุรกิจอินเทอร์เน็ตในประเทศให้บริษัทเล็กๆ เข้าตลาดได้เยอะขึ้นเพื่อลดค่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต
ตามที่พรรคอนุรักษนิยมกล่าว ธุรกิจอินเทอร์เน็ตแห่งชาติกล่าวว่า บริษัทโทรคมนาคมเป็นอุตสาหกรรมหน้าเลือด การเพิ่มการแข่งขันจะช่วยลดพวกค่ามือถือและค่าอินเทอร์เน็ต ข้อนี้ได้รับการยอมรับจากประชาชนแคนาดา
ทว่าผ่านไปหนึ่งปี คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการกระจายเสียงและโทรคมนาคมของแคนาดาก็เผยตัวเลขออกมา บอกว่าใน 12 เดือนที่ผ่านมาครอบครัวแคนาดามีค่าใช้จ่ายในโทรคมนาคมเฉลี่ยสูงถึง 203 ดอลลาร์ต่อเดือน ค่าบริการรายเดือน 12 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62% ในจำนวนนั้นค่าใช้จ่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตรายเดือนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โทรศัพท์ 14% ส่วนอินเทอร์เน็ต 10%
พอประชาชนเห็นตัวเลขนี้ก็ต้องอึ้ง แผน ‘การเพิ่มการแข่งขัน’ ไม่ใช่แค่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้มากมาย แต่กลับเพิ่มค่าใช้จ่ายให้มากขึ้นอีก ค่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตยังคงเพิ่มไม่หยุด เพิ่มเร็วยิ่งกว่าอัตราเงินเฟ้อ จะทำอย่างไรล่ะทีนี้?
การประท้วงครั้งนี้ก็เกี่ยวกับเศรษฐกิจแคนาดาที่แย่ลงโดยรวม ประชาชนหาเงินไม่ค่อยได้ แถมคนมากมายก็ตกงาน ปรากฏว่าค่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตยังเพิ่มอีก แบบนี้ไม่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เหรอ?
อย่างไรสภาพเศรษฐกิจก็ไม่ดี ทุกคนไม่มีงาน หรือไม่ก็งานไม่ยุ่ง ในเมื่อแบบนี้ก็ไม่ต้องพูดเยอะแล้ว รวมตัวกันประท้วงเลยดีกว่า
ดังนั้นจึงเริ่มที่โทรอนโต การประท้วงกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ อย่างรวดเร็ว เซนต์จอห์นก็ไม่เว้น เกาะแฟร์เวลก็มีชาวเมืองมากมายที่ร่วมการประท้วง
อ่านมาถึงตรงนี่ ฉินสือโอวก็อดถอนใจไม่ได้ “ทำไมคนแคนาดาถึงชอบประท้วงนักนะ? ผมเพิ่งมาอยู่แค่กี่ปีเอง? แค่ร่วมกิจกรรมประท้วงก็หลายรอบแล้ว มีเรื่องอะไรคุยกันไม่ได้บ้างจริงไหม?”
วินนี่ยิ้มบางแล้วพูดขึ้น “คุณร่วมกิจกรรมประท้วงจนเริ่มรำคาญแล้วสิ?”
ฉินสือโอวตอบ “รำคาญอยู่แล้วสิ เกี่ยวอะไรกับผมด้วยเล่า”
วินนี้หน้าชื่นตาบาน “ก็ดี งั้นครั้งนี้จะให้คุณเปลี่ยนบทบาทดูบ้าง คุณจะไม่เป็นฝ่ายประท้วงแล้ว แต่จะเป็นฝ่ายควบคุมการประท้วง ช่วยฉันคิดหาวิธีทำให้ชาวเมืองสงบ?”
ฉินสือโอว “…”
…………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset