“เชอร์ลี่ย์มานี่หน่อย ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก!” ฉินสือโอว เรียกด้วยใบหน้าบึ้งตึงในตอนเช้า
เชอร์ลี่ย์มองเขาโดยถือไวโอลินอยู่ด้านหลัง พร้อมกับผมหางม้าสีทองด้านหลังศีรษะก็สะบัดไปมา “ทำไมคุณถึงโมโหหนูล่ะ? เมื่อคืนหนูก็ไม่ได้โกหกนะ มีเด็กอยู่สองคนไม่ใช่เหรอ? หนูก็ไม่ได้บอกว่าพวกเขาหายใจและพูดได้สักหน่อย”
ฉินสือโอวจึงพูดด้วยความโกรธ “ยังจะมาเล่นลิ้นอีกหรือไง? แกล้งให้คนหวาดกลัวคือพฤติกรรมที่ไม่ดีมากๆ เข้าใจไหม?”
เชอร์ลี่ย์จ้องมองด้วยดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอ พลางตอบไปด้วยความตกใจ “ไม่ใช่ว่าพวกคุณกล้าหาญกันหรอกเหรอ? ยังเอาเรื่องผีมาเล่ากันอยู่เลย แล้วกับแค่หนูบอกว่า บนตู้เย็นมีสติกเกอร์เด็กสองคนนั้น มันถึงกับทำให้คุณตกใจได้เลยเหรอคะ?”
ส่วนวินนี่ที่กำลังจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เสี่ยวเถียนกวาก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “พวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ฉินสือโอวสบตากับเชอร์ลี่ย์เป็นเชิงบอกว่าไม่ให้พูด เขาเดินเข้าไปวนๆ อยู่ในครัว หลังจากนั้นก็ออกมาแล้วถามว่า “นี่ไง ที่รัก ก็ในห้องครัวของพวกเราทำไมถึงมีเด็กผู้ชายสองคนล่ะ? เมื่อคืนมีคนมาเอาก้อนน้ำแข็งแล้วลืมไว้เหรอ?”
วินนี่หัวเราะ “ไม่ เป็นไปไม่ได้ ห้องครัวจะมีเด็กผู้ชายได้อย่างไร? ถ้าหากว่ามีเด็กที่ไม่คุ้นหน้าเข้ามา หู่จือกับเป้าจือพวกมันก็ต้องร้องสิ ใช่เด็กพวกนั้นรึเปล่าน่ะ?”
หู่จือกับเป้าจือนั่งยองๆ กระดิกหางอยู่ข้างๆ เธอ พลางจ้องมองไปที่ผ้าอ้อมของเสี่ยวเถียนกวาอย่างอยากรู้อยากเห็น และแลบลิ้นเลียริมฝีปากไม่หยุด
ฉินสือโอวคว้าผ้าอ้อมในมือของวินนี่ และพูดว่า “จริงๆ นะที่รัก มีเด็กน้อยสองคนอยู่ข้างในด้วยล่ะ! ผมไม่ได้โกหกคุณ ผมสาบาน ถ้าผมโกหกคุณ…”
วินนี่มองเขาด้วยสายตาที่บริสุทธิ์ใสแจ๋ว มุมปากยิ้มยกขึ้นเล็กน้อย เป็นการแสดงออกที่สวยงามเพียงแค่เธอยิ้ม
แท้จริงแล้วฉินสือโอวอยากจะสาบานว่าถ้าหากว่าโกหกเธอจริงๆ ปีนี้เธอไม่ต้องแต่งงานกับเขาก็ได้ แต่ว่าเมื่อจ้องตาใสๆ ของวินนี่แล้วเขาไม่สามารถทำให้เป็นเรื่องตลกได้ นี่คือผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขา เขารองานแต่งครั้งนี้มานานแสนนานแล้ว
“ถ้าคุณโกหกฉันจะเป็นอะไรเหรอคะ?” วินนี่ยิ้มถาม
ฉินสือโอวจับใบหน้าที่สวยงามของวินนี่ และพึมพำว่า “ก็ไม่เป็นอะไรครับ ที่รัก ผมไม่ได้โกหกคุณ จริงๆ นะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาวินนี่ยิ้มหวานและพูดว่า “ฉันเชื่อคุณค่ะ ฉิน ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรฉันก็เชื่อที่คุณพูดค่ะ ฉันเชื่อว่าในห้องครัวมีเด็กสองคนค่ะ แต่เป็นตุ๊กตาเด็กของไฮเออร์ ไม่ใช่เหรอคะ?”
ทันใดนั้นดวงตาของฉินสือโอวก็เบิกกว้าง “นี่คุณอ่านความคิดของผมได้?”
วินนี่ยิ้มอย่างอบอุ่น พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมาและเปิดทวิตเตอร์เพื่อแสดงสิ่งที่เชอร์ลี่ย์โพสต์เมื่อคืนนี้ ในภาพคือฉินสือโอวหมอบอยู่ที่หน้าประตูห้องครัวและยื่นหัวเข้าไปและมองไปรอบๆ ซึ่งในภาพก็ได้เขียนบรรยายเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ
ซึ่งก็ได้มีผู้คนจำนวนมากทิ้งข้อความไว้ใต้โพสต์ และข้อความแรกก็คือวินนี่นั่นเอง สามีของฉันอยู่ที่ประตูห้องครัวกับผู้หญิงคนหนึ่งในตอนกลางคืน ใครสามารถบอกฉันได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?
บูลตอบกลับ ฮ่าๆ ดูเหมือนว่ากัปตันจะกลัวจนฉี่เล็ดแล้วล่ะ เขาเป็นคนขี้กลัว ไม่ผิดแน่ เพราะฉันรู้ดี
เมื่อเขาอ่านจบ วินนี่หยิบเอาโทรศัพท์มมือถือคืน ตอนที่เธอกำลังจะแกล้งอะไรบางอย่าง แต่พอเธอเห็นข้อความพลันก็ขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า “มีเรื่องด่วนในเมือง เดี๋ยวมื้อเช้าฉันกินอาหารเดลิเวอรี่เอาแล้วกัน ไม่ต้องรอฉันนะคะ”
พูดจบ เธอก็เก็บโทรศัพท์มือถือและใส่เสื้อโค้ตแล้วเดินออกไปที่ประตู พอเธอไปถึงประตูเธอก็หันกลับมาและพูดว่า “ถ้าเมื่อกี้คุณใช้การแต่งงานของเรามาเป็นเรื่องสาบาน ตอนนี้ฉันคงจะเสียใจมาก แต่ฉันก็ยังจะแต่งงานกับคุณอยู่ดี อย่างนั้นแหละที่รักแล้วก็อย่าลืมเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกสาวคุณด้วยล่ะ”
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร รู้สึกอีกแล้วว่าวินนี่มีเครื่องอ่านใจเขาได้
เสี่ยวเถียนกวานอนอยู่บนโซฟาดันขาเล็กๆ ขึ้นอย่างหงุดหงิด หู่จือกับเป้าจือกระดิกหางและเข้าไปใกล้ๆ ก้นของเธอเพื่อดมกลิ่น ฉินสือโอวรีบเข้าไปและตบหัวพวกมันพลางพูดอย่างโกรธๆ ว่า “เป็นหมานี่มันเปลี่ยนแปลงไม่กินขี้ไม่ได้เลยจริงๆ ใช่ไหม?”
หู่จือกับเป้าจือแลบลิ้นออกมาเพื่อเลียฝ่ามือของเขาและยังคงกระดิกหางอย่างเซ่อซ่าไม่หยุด
เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกสาว งานนี้เป็นของวินนี่ หรือเวลาแม่เขามาก็จะให้แม่ของเขาเป็นคนเปลี่ยนให้ เขายังไม่เคยทำเองเลย และครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวินนี่มีธุระด่วน ก็คงจะไม่ใช่เขาที่ได้ทำ
เขานั่งยองๆ ที่หน้าโซฟามองดูลูกสาว ฉินสือโอวเช็ดฝ่ามือของเขาและพูดว่า “โอเค ลูกรักโอเค ไม่ต้องห่วง พ่อจะเปลี่ยนกางเกงให้ลูก ลูกจะได้สบายตัวไง ดีไหม?”
เชอร์ลี่ย์เอนตัวไปข้างๆ เพื่อดูและถามอย่างสงสัย “ฉิน คุณเปลี่ยนเป็นเหรอคะ? หนูเห็นตอนที่พี่วินนี่ทำ มันดูยุ่งยากมากเลยนะ”
ฉินสือโอวตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “ฉันสามารถขับเฮลิคอปเตอร์ได้เลยนะ มีหรือจะเปลี่ยนผ้าอ้อมไม่ได้น่ะ? ล้อกันเล่นหรือไง?”
พูดแล้วเขาก็เปิดโทรศัพท์มือถือและค้นหาคำแนะนำขั้นตอนการเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กในเบราว์เซอร์ และทำตามทีละขั้นตอนตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
“ก่อนอื่นต้องแกะผ้าอ้อมผืนใหม่ โอ๊ย จะพูดสิ่งที่รู้อยู่แล้วทำไมเนี่ย?” ฉินสือโอวบ่นและหยิบผ้าอ้อมผืนใหม่ที่วินนี่ได้เตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว
ตามคำแนะนำ เขาเอาผ้าอ้อมที่มีเทปพันเอวด้านข้างวางไว้ใต้ผ้าอ้อมที่สกปรกของเสี่ยวเถียนกวา จากนั้นก็แกะเทปของผ้าอ้อมที่สกปรกออก และกลิ่นเหม็นๆ ก็ลอยมาปะทะหน้าเขา แสดงว่าเสี่ยวเถียนกวาได้อุจจาระแล้ว!
“แม่งเอ๊ย!” ฉินสือโอวยังไม่ได้เตรียมตัวให้ดี ทันใดนั้นกลิ่นนี้ก็ตีขึ้นพร้อมทั้งมีโบนัสพิเศษจากผ้าอ้อมที่สกปรก กลิ่นที่รุนแรงหนักมากจนเกือบทำให้เขาเป็นลม
แต่นี่คือลูกสาวของตัวเอง ท่านชายฉินจำต้องสูดกลิ่นเหม็นและเข้าใกล้อีกครั้ง เขาเสียใจมากที่ไม่ได้เตรียมหน้ากากไว้ ตอนนี้ฉันทำได้แค่อดทนกับอาการคลื่นไส้
และที่ก้นของเสี่ยวเถียนกวาก็มีแต่อุจจาระเต็มไปหมด ฉินสือโอวจึงยกข้อเท้าสองข้างขึ้นด้วยมือเดียว เพื่อเขาจะได้เช็ดมัน
สุดท้ายเขายังไม่ทันจะได้นับ ด้วยแรงที่ใช้จับเท้าของลูกสาวนั้นแรงไปหน่อย ทำให้เสี่ยวเถียนกวาเจ็บ จึงร้องไห้และดิ้นอย่างหนัก
และการดิ้นนี้ก็ทำให้อุจจาระสีเหลืองอุ่นๆ ลอยกระเด็นขึ้นมา ฉินสือโอวไม่กล้าปล่อยมือเพราะกลัวว่าลูกสาวของเขาจะเจ็บ ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่มองดูโคลนสีเหลืองที่ลอยอยู่บนร่างของเขาด้วยความตกใจ
พอเห็นฉากนี้ เชอร์ลี่ย์ซึ่งอยู่ข้างๆ ที่กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอก็ถึงกับกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จึงลากถังขยะมาอ้วก แต่เธอก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว และกล้องโทรศัพท์มือถือก็ยังคงหันหน้าไปทางฉินสือโอว
จากนั้นเสี่ยวเถียนกวาที่ดิ้นอยู่พักหนึ่งก็รู้สึกว่ามันสนุก จากนั้นเธอก็ดิ้นหนักขึ้นไปอีก ทันใดนั้น ฉินสือโอวก็รู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆ บางอย่างในลำคอกำลังพลุ่งพล่าน และท้องของเขาเหมือนกับภูเขาไฟที่จะระเบิดซ้ำแล้วซ้ำอีก!
“โอ้ สวรรค์! โอ้ พระเจ้า! โอ้ วินนี่! ช่วยผมด้วย!” ฉินสือโอวคร่ำครวญขณะจับเท้าเล็กๆ ของลูกสาว
และเชอร์ลี่ย์ก็ตะโกนขึ้น “ฉิน รีบปิดปาก ระวังจะโดนอุจจาระของเสี่ยวเถียนกวากระเด็นเข้าปากนะคะ!”
“ชิท!” ฉินสือโอวรับศึกหนักมาก ด้านหนึ่งเขาต้องพยายามปราบปรามกบฏในลำคอ ส่วนอีกด้านก็ต้องใช้ทิชชูเปียกเช็ดก้นให้ลูกสาวอย่างละเมียดละไม
ในที่สุดก็เช็ดทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย เขารีบวางเด็กหญิงตัวเล็กๆ ลงบนผ้าอ้อมที่สะอาด จากนั้นเขาถึงตะเกียกตะกายและคว้าถังขยะตรงหน้าเชอร์ลี่ย์แล้วก็ขย้อนออกมา
หู่จือกับเป้าจือโน้มตัวไปหาเสี่ยวเถียนกวาพลางจ้องมองไปที่ผ้าอ้อมสกปรก พอเชอร์ลี่ย์เห็นจึงกรีดร้องและตะโกนว่า “ฉิน หู่จือกับเป้าจือกำลังจะกินอึ!”
แล้วฉินสือโอวก็หันไปและคำรามใส่ “หยุดนะ! หู่จือ เป้าจือ ออกไปเดี๋ยวนี้! ฉันเนี่ยจูบปากพวกนายทุกวัน! ถ้าพวกนายกล้ากิน ฉันก็จะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อสี่สิบแปดชนิดล้างปากพวกนาย!”
เมื่อได้ยินเสียงของทั้งสองคน แม่ฉินก็รีบเดินออกมาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?”
ฉินสือโอวมองไปที่แม่ของเขาพลางมองไปยังลูกสาวที่รัก เขากัดฟันแล้วรีบเช็ดคราบน้ำที่ก้นของลูกสาวออกด้วยทิชชู จากนั้นก็คลี่ผ้าอ้อมออกและติดไว้แบบเบี้ยวไปเบี้ยวมา บวกกับต้องทนกับอาการคลื่นไส้จึงตอบไปว่า “ไม่มีอะไรครับแม่! ลูกสาวผม ผมเก็บเอง!”
………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1276 ทวิตเตอร์บ้าเอ๊ย
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!