ฉินสือโอวและวินนี่ซื้ออุปกรณ์ขี่ม้ามาคนละเซต สุดท้ายตอนคิดเงิน เหมาเว่ยหลงก็ใช้บัตรตัวเองรูด บอกว่าอยากจะเลี้ยงแขก ฉินสือโอวพูดกับวินนี่ด้วยความปลื้มปริ่ม “โชคดีจัง ที่รัก โชคดีที่ผมหยิบรองเท้าบู๊ตคู่นี้มา!”
ชายผิวดำเจ้าของร้านจึงบอกให้พวกเขารอสักครู่ ก่อนเดินไปยังโซนขายหมวกและหยิบหมวกคาวบอยใบเล็กซึ่งด้านบนถูกประดับด้วยดวงดาวเล็กๆ ระยิบระยับแวววาว และสวยมากๆ มา
และเหมาเหว่ยหลงก็แสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา “แม่งเอ๊ย บัตรเครดิตฉัน!”
ชายผิวดำเจ้าของร้านก็หัวเราะด้วยเสียงดังลั่น “วันนี้ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตของนายหรอก ฉันให้หมวกใบนี้กับสาวน้อยน่ารักคนนี้ เธอช่างงดงามจริงๆ”
พูดจบเขาก็สวมหมวกให้กับเถียนกวา ดวงตากลมๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยกลอกกลิ้งไปมาดูให้ความสนใจกับหมวกบนหัวมาก เธอยื่นมือขึ้นเพื่ออยากจะถอดหมวกใบเก่าออก แต่แขนของเธออ้วนเกินไปทำให้ทำอย่างไรเธอก็ยื่นไม่ถึง เธอจึงส่งเสียงร้องออกมาอย่างร้อนใจ
ฉินสือโอวถอดหมวกใบสีฟ้าออกให้ลูกสาวและเด็กหญิงตัวน้อยก็โยนมันทิ้ง จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอ้อแอ้อ้อแอ้ต่อ
วินนี่จึงหยิบหมวกใบนั้นขึ้นมาและพูดกับเขา “คุณดูสิ ในอนาคตลูกสาวของคุณจะต้องเป็นพวกได้ใหม่แล้วลืมเก่าแน่ๆ”
ฉินสือโอวจึงตอบกลับ “ถ้างั้นตอนพวกเรากลับก็เอาลูกไปไว้กับโคโกโร่ รอจนเบื่อเขาเมื่อไหร่ พวกเราค่อยกลับมารับ”
เมื่อกลับมาถึงฟาร์ม ฉินสือโอวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้าบู๊ตหนัง และตามเหมาเหว่ยหลงไปอาบน้ำให้เจ้าม้าดำฟรีดริช
เหมาเหว่ยหลงลากรถล้อลากคันเล็กมาหนึ่งคัน ยื่นเสียมให้ฉินสือโอวในขณะที่เขาถือแปรงหวีขนอยู่ในมือ “บ้าอะไรเนี่ย ไม่ใช่ว่าใช้อันนี้อาบน้ำให้ม้าหรอกเหรอ? ทำไมต้องใช้เสียมล่ะ? ฉันกลัวจะกะแรงควบคุมมันไม่ได้ แล้วเดี๋ยวจะไปเสียบตัวมันเข้าน่ะสิ!”
เหมาเหว่ยหลงเข้าไปในโรงม้าตรงที่ม้าสีน้ำตาลยืนอยู่ก่อนจะใช้เสียมโกยมูลม้าบนพื้นขึ้นมา แล้วพูดว่า “แกอยากขี่ม้าไหม งั้นก็รีบทำ แล้วฉันก็จะมอบคำพูดหนึ่งประโยคให้แก การพูดไม่ได้ทำให้งานน้อยลง”
ฉินสือโอวชูนิ้วกลางให้เหมาเหว่ยหลง และเริ่มลงมือใช้เสียมโกยมูลม้าอยู่ด้านหลังก้นของฟรีดริชอย่างจำใจ สุดท้ายมันกลับตื่นตระหนกและยกกีบขึ้นมาถีบ
โชคดีที่ฉินสือโอวมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ตอนที่กีบของม้าดำพุ่งมาเขาก็รีบถอยหลังหลบได้ทันที การหลบหลีกม้าควอเตอร์หวาดเสียวจนเกือบทำให้ตายได้เลย
เหมาเหว่ยหลงที่อยู่ด้านข้างถึงกับสะดุ้งตกใจแล้วรีบถาม “แกเป็นไงบ้าง? เจ็บตรงไหนไหม?”
ฉินสือโอวยังไม่หายตกใจ เขายังอกสั่นขวัญหายอยู่ “ฟัค ฉันเดินทางไปทั่วทั้งทิศเหนือทิศใต้ ทั้งจับวาฬในมหาสมุทรแปซิฟิก จับโจรที่ทารุณกรรมฉลามก็เคยมาแล้ว แต่เกือบมาตายอยู่ในโรงม้าของแกเนี่ยนะ!”
เหมาเหว่ยหลงบอกให้เขาระวังหน่อย ทุกๆ ปีจะมีคนในแคนาดากว่าสองร้อยคนที่เจออุบัติเหตุจากการโดนกีบม้าถีบ
ฉินสือโอวปลอบมันครู่หนึ่งก่อนที่ม้าดำจะสงบลง เขาจึงสามารถทำความสะอาดมันต่อได้อย่างปลอดภัย
โรงม้าค่อนข้างแคบ ม้าดำที่ยืนอยู่ด้านในมีพื้นที่ให้ขยับตัวน้อยมาก ดังนั้นถึงแม้จะมีพวกมูลสัตว์อยู่มากแต่ก็ทำความสะอาดง่ายมาก ใช้เวลาไม่นานด้านในก็สะอาด ฉินสือโอวจึงสวมถุงมือเพื่อเริ่มทำความสะอาดขนม้าดำ
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการปรนนิบัติมัน แต่เจ้าม้าดำกลับไม่เต็มใจ คอยแต่จะเบี่ยงตัวหลบไปมา
เหมาเหว่ยหลงแนะนำให้ฉินสือโอวจับเชือกบังเหียนไว้ และพูดว่า “ทำแบบนี้มันก็จะยอมเชื่อฟังเอง”
ฉินสือโอวลองทำ และก็เป็นตามนั้นจริงๆ มันสงบลง เขาขัดไปพร้อมกับอุทานออกมา “เฮ้อ ทำไมมีแต่คนบอกว่าม้าเป็นสัตว์ฉลาดกันนะ? ฉันว่าเจ้านี่มันโง่กว่าฉงต้าของฉันอีก”
เหมาเหว่ยหลงจึงพูดอย่างสงสัย “นั่นสิ มันน่าจะเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์รึเปล่า? ม้าพวกนี้จริงๆ อาจจะไม่ได้ไม่ฉลาด แต่ไอคิวของหมาอเมริกันบูลลี่ของบ้านฉันก็ปกตินะ แต่พวกมันดูฉลาดกว่าม้าพวกนี้เยอะเลยล่ะ”
ฉินสือโอวอยากจะบอกจริงๆ ว่าที่แกพูดมันไร้สาระ อเมริกันบูลลี่ของแกน่ะ ฉันใช้พลังโพไซดอน ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องฉลาด
วินนี่ที่ผ่านมาได้ยินทั้งสองคนบ่น ก็พูดขึ้น “พวกม้ามันก็ฉลาดนะ ไอคิวสูง สามารถเข้าใจสิ่งที่มนุษย์คิดผ่านการกระทำที่แสดงออกมา พวกคุณอย่ามาพูดว่าร้ายพวกมันนะ ไม่งั้นพวกมันจะไม่มีความจริงใจในการตามพวกคุณนะคะ”
ฉินสือโอวแบะปากและพูดขึ้น “ไม่เอาน่า ม้าตัวนี้สามารถเข้าใจความรู้สึกผมได้จริงเหรอ? ในขณะที่ผมกำลังเก็บอุจจาระให้มัน มันกลับยกกีบเท้าของมันมาเพื่อจะถีบผมเลยนะ!”
พูดเสร็จเขาก็มองเหมาเหว่ยหลงแล้วก็พูดต่อ “แกรู้มั้ย ฉันเคยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกสาวครั้งหนึ่ง ที่บ้านฉันทั้งเสือ สิงโต หมี และก็หมาป่า เวลาพวกมันถ่ายหรือฉี่ มันก็ล้วนจัดการเก็บกวาดด้วยตัวของพวกมันเอง ฉันแทบไม่เคยจะต้องมาดูแลมันตั้งแต่เล็กจนโต แกบอกฉันสิ ว่าฉันยังต้องทำดีกับม้านี่ขนาดนั้นใช่ไหม?”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าให้วินนี่เพื่อขอความช่วยเหลือ วินนี่จึงพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “สมน้ำหน้า ก็แล้วใครบอกคุณกันล่ะว่าให้ล้างขี้ม้าในตอนที่มันยังอยู่ด้วย พวกคุณก็ควรจะจูงมันออกไปด้านนอกก่อนสิคะ!”
“เอ้า โคโกโร่ เป็นความผิดของแกไม่ใช่เหรอ? ก็ฉันเรียนรู้จากแกมาตลอด เห็นแกตรงเข้าไปในโรงม้า ก็เลยคิดว่าคงจะทำแบบนั้นน่ะสิ” ฉินสือโอวบ่นรัวอย่างรวดเร็ว
เหมาเหว่ยหลงเหลือบมองเขาแล้วพูดขึ้น “แรงดึงดูดใจของการเก็บอุจจาระมันไม่พอรึไง? ม้าของฉันปกติพวกมันว่านอนสอนง่ายมาก พวกมันเคยได้รับการฝึกฝนและสามารถอยู่ร่วมกับเจ้าของได้ ไม่รู้นะว่าแกมีปัญหาอะไร ม้าตัวนี้มันถึงไม่ชอบแก”
วินนี่พูดต่อ “ง่ายมาก บนตัวของฉินมีกลิ่นของหมีสีน้ำตาลและหมาป่าอยู่ เป็นธรรมดาที่พวกม้าจะรู้สึกกลัว แล้วพวกหมีสีน้ำตาลกับหมาป่าเนี่ยชอบมาโจมตีม้าจากด้านหลัง พอฉินไปยืนด้านหลังมัน มันเลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ก็เลยเลือกทำตามสัญชาตญาณ”
ฉินสือโอวเข้าใจแจ่มแจ้งในทันที เหมาเหว่ยหลงยิ้มแบบมีเลศนัยและพูด “ฉินโซ่ว ม้าตัวนั้นเป็นแม่ม้า แกบอกว่ามันเห็นแกยืนอยู่ด้านหลังมัน มันก็คงจะนึกว่าแกจะทำอะไรกับมันแบบนั้นหรือเปล่า?”
“ไสหัวไปเลยไป!” ฉินสือโอวตะคอกด่า “ทำไมแกคิดสกปรกได้ขนาดนี้กันฮะ?”
วินนี่หัวเราะพลางส่ายหัวและพูด ‘ฉันจะไม่ยุ่งกับปัญหาของพวกคุณสองคนละกัน’ จากนั้นก็เดินเข้าไปในโรงม้าของม้าตัวเล็กอีกสองตัว
ในตอนค่ำ เหมาเหว่ยหลงขับรถพาฉินสือโอวไปยังฟาร์มเลี้ยงสัตว์แห่งหนึ่งทางทิศตะวันตกของเมือง
ซึ่งทางเข้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์มีวัวและแกะที่ถูกถลกหนังแขวนไว้อยู่ สามีภรรยาคู่หนึ่งที่ดูท่าทางยุ่งๆ และที่ด้านข้างก็มีคนที่กำลังเลือกซื้ออยู่ ฉินสือโอวจึงเอ่ยถาม “เนื้อนี่ฆ่าสดขายสดเลยเหรอ? มีทุกวันไหม? นี่มันสดมากเลยนะเนี่ย”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าและตอบ “สถานการณ์เศรษฐกิจของแคนาดาไม่ค่อยดีน่ะ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์จึงไม่สามารถขายสัตว์ที่พวกเขาเลี้ยงไว้ได้ในคราวเดียว ดังนั้นทุกๆ วันพวกเขาจึงต้องฆ่าพวกมันด้วยตัวเองและนำมาขายแทนซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาพอมีรายได้ไปใช้จ่ายในครอบครัว”
เมืองที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้แต่ทุกคนล้วนรู้จักกันดี พอรถของเหมาเหว่ยหลงขับเข้าไป ชายผิวขาววัยกลางคนที่เป็นสามีก็ยิ้มและโบกมือให้ ก่อนเอ่ยถาม “คุณลูกค้า ผมเก็บกระดูกกับเนื้อสันในไว้ให้แล้ว คุณจะรับเลยหรือไม่ครับ?”
เหมาเหว่ยหลงลดกระจกรถลงและพูด “ไม่ล่ะ วันนี้ต้องการเยอะหน่อยคู่หูของผมมา เขาชอบกินเนื้อมาก ขอเป็นขาหลังแกะขาหนึ่ง แล้วก็เนื้อวัวกับเนื้อแพะสำหรับทำบาร์บีคิว เอาทั้งหมดสิบปอนด์”
ชายผิวขาวยิ้มและใช้ผ้าเช็ดมือ หยิบมีดขึ้นมาและวุ่นกับการหั่นเนื้อ ฉินสือโอวมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ทันใดนั้นเสียงไซเรนก็ดังไปทั่วท้องถนน รถตำรวจสองคันที่ทาด้วยสีดำและขาว ขับมาเข้ามาอย่างรวดเร็ว
พอเห็นรถตำรวจ ชายผิวขาวที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ก็หุบยิ้มและทำสีหน้ากังวล เขารีบเก็บกวาดของที่อยู่เบื้องหน้า ในขณะเดียวกันก็ตะโกนบอกเหมาเหว่ยหลงว่า “ไว้เดี๋ยวผมมาเป็นเจ้ามือให้ทีหลังนะ!”
รถตำรวจวิ่งมาด้วยความเร็ว และมาหยุดจอดขวางทั้งด้านหน้าและด้านหลังของร้านขายเนื้อ ตำรวจราวๆ เจ็ดแปดนายลงมาจากรถ ด้านหลังชุดของพวกเขามีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า ‘ไออาร์เอส’ ซึ่งชัดเจนเลยว่าเป็นคนของกรมสรรพากรของแคนาดา
……………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1283 กรมสรรพากรบุก
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!