ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1317 เสี่ยวหมิงไปไหนแล้ว

เห็นฉินสือโอวจับพี่น้องเฟอเรทขึ้นมา วินนี่ก็เข้ามาถามว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
ฉินสือโอวรู้สึกกลุ้มใจอยู่นิดหน่อย เขากล่าวว่า “เฟอเรทสองตัวนี้จ้องพวกลูกกระรอกดินตาเป็นมันเลย ผมกลัวว่าพวกมันจะกินลูกกระรอกดินเข้าไปน่ะ”
พอพูดจบ เขาก็หันไปจ้องหู่จือกับเป้าจือที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างว่านอนสอนง่าย แล้วดุพวกมันว่า “ลุกขึ้น พวกแกสองตัวนั่งอยู่ตรงนั้นทำไม? ดูหนังหรือยังไง? ทำไมไม่รู้จักช่วยลูกกระรอกดิน?”
หู่จือกับเป้าจือรีบลุกขึ้นยืน แล้วส่ายหางเอาใจฉินสือโอว
วินนี่อุ้มลูกกระรอกดินที่ยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หายตัวนั้นขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เธอพูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ค่ะ อาจจะไม่ใช่การล่าอาหารก็ได้ ฉันคิดว่าพวกมันอาจจะแค่อยากจะเล่นเกมแมวจับหนู แกล้งลูกกระรอกดินเล่นๆ”
ในตอนนี้ก็มีหัวเล็กๆ สีเหลืองโผล่ออกมาจากพงหญ้าอีกครั้ง พอลูกกระรอกดินพวกนี้ยื่นหัวออกมามองแล้วเห็นฉินสือโอวกับวินนี่ พวกมันก็รีบวิ่งออกมาทันที บางตัวมีรอยเลือดติดอยู่บนขนสีเหลือง บางตัวก็ยกเท้าวิ่งโขยกเขยกเข้ามาที่ทางด้านหน้าของทั้งสองคนแล้วพากันร้องครวญครางอย่างน่าสงสาร
พอพี่น้องเฟอเรทอ้าปากร้องเสียงแหลมใส่พวกมัน พวกลูกกระรอกดินก็ถอยไปข้างหลังด้วยความรีบร้อน พากันเข้ามาอยู่ใกล้ๆ กันด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
ฉินสือโอวมองดูท่าทางของลูกกระรอกดินที่กำลังตกที่นั่งลำบาก เขาก็พูดด้วยสีหน้าที่ไม่ดีว่า “เฟอเรทสองตัวนี้เป็นสัตว์ป่าที่ยังไม่ได้รับการฝึก คุณดูที่พวกมันทำกับลูกกระรอกดินทั้งครอบครัวสิ นี่คือท่าทางของสัตว์ที่แกล้งกันเล่นเหรอ?”
วินนี่มองดูเฟอเรทแบลคฟุต เธอควักมือถือออกมาออกมาค้นหาข้อมูลอยู่สักพัก หลังจากนั้นเธอก็คิดออกแล้วพูดขึ้นมาว่า “อ้อ ฉันรู้แล้วค่ะ พวกมันไม่ได้จะแกล้งเล่น เฟอเรทในช่วงอายุราวๆ สามสี่เดือนจะเริ่มฝึกล่าอาหาร พวกมันจะใช้ลูกกระรอกดินทั้งครอบครัวเพื่อฝึกทักษะการล่าอาหารนั่นเอง”
เฟอเรทแบลคฟุตมีความชื่นชอบต่อสัตว์ตระกูลหนูเป็นพิเศษ อย่างในตอนที่แพรรีด็อกถูกญาติของพวกมันทำให้บาดเจ็บสาหัสจนทรมานยิ่งกว่าตาย
ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่พี่น้องเฟอเรทยังอายุน้อย ขนาดตัวก็ยังเล็ก ตัวเล็กกว่าลูกกระรอกดินตั้งสองเท่า เขาคาดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกลูกกระรอกดินก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับเฟอเรทแบลคฟุต
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการสยบศัตรูทางธรรมชาติ เดิมทีลูกกระรอกดินก็เป็นสัตว์ป่าตัวน้อยที่ว่านอนสอนง่ายอยู่แล้ว พวกมันมีนิสัยขี้ขลาด แค่ลมพัดหญ้าไหวพวกมันก็มุดเข้าไปซ่อนตัวในรูแล้ว โดยเฉพาะกับเฟอเรทแบลคฟุตที่เป็นศัตรูโดยธรรมชาติของพวกมัน พวกมันก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่
ฉินสือโอวจิ้มหน้าผากพวกลูกกระรอกดินอย่างพ่อที่อยากให้ลูกทำตัวดีขึ้น เขาพาพี่น้องเฟอเรทมาไว้ตรงหน้าพวกมัน แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “สัตว์ที่ตัวเล็กแค่นี้พวกแกกลัวทำไมกัน?”
พอพี่น้องเฟอเรทเข้ามาใกล้ ลูกกระรอกดินทั้งครอบครัวก็พากันก้าวถอยหลังทันที ต่อจากนั้นก็มุดหัวลงไปขุดรูอย่างรวดเร็ว แล้วมุดลงไปติดๆ กัน ผ่านไปได้สักพักถึงเพิ่งจะกล้าโผล่หัวออกมาอย่างเหนียมอาย
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “พอไม่มีเสี่ยวหมิงที่คอยปกป้องพวกมัน เจ้าพวกนี้ก็ทำอะไรไม่เป็นเลย ใช่แล้ว เสี่ยวหมิงล่ะ? ทำไมมันถึงได้ยอมให้เพื่อนตัวน้อยของตัวเองถูกรังแกจนมีสภาพแบบนี้กันล่ะ?”
วินนี่มองไปรอบๆ แล้วพูดว่า “น่าจะไม่อยู่ที่นี่นะคะ ไม่อย่างนั้นพวกกระรอกดินคงจะไปหามันตั้งแต่นานแล้ว ลูกเฟอเรทเองก็คงไม่กล้ารังแกพวกมันแบบนี้แน่”
ตามหาอยู่สักพักแต่ก็หาเสี่ยวหมิงไม่เจอ ฉินสือโอวลองไปดูที่ใต้ต้นชูการ์เมเปิล แต่ก็ไม่มีร่องรอยของเสี่ยวหมิง เขาจึงเริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาแล้ว
กลับไปที่บ้านก่อนแล้ว ที่นั่นเธอกำลังอุ้มลูกสาวที่ไม่ได้เจอกันมาสองวันพร้อมกับเรียกว่าลูกรักๆ อยู่อย่างนั้น เสี่ยวเถียนกวาบิดตัวอย่างแรง เพราะไม่อยากให้เธออุ้ม เธอแค่อยากคลานเล่นด้วยตัวเธอเองก็เท่านั้น
แม่ของฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้มอิ่มอกอิ่มใจว่า “เด็กน้อยในครอบครัวของพวกเราโตเร็วจริงๆ เลย ดูสิตอนนี้เธอก็สามารถคลานได้แบบนี้แล้ว ใช้เวลาอีกไม่เท่าไรเดี๋ยวก็คงเดินได้แล้วล่ะ”
วินนี่พูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ถ้าเสี่ยวเถียนกวาวิ่งเป็น พวกสัตว์เลี้ยงในบ้านก็คงซวยแล้วละค่ะ เธอค่อนข้างเหมือนฉันตอนยังเป็นเด็กอยู่นิดหน่อย ตอนเป็นเด็กฉันเป็นหัวหน้าแก๊งเลยละค่ะ แล้วฉินละคะ? ฉินเป็นแบบนั้นไหม?”
พ่อของฉินสือโอวพ่นลมหายใจต่ำออกทางจมูก พูดว่า “หนูถามถึงเสี่ยวโอวน่ะเหรอ? เสี่ยวโอวเป็นพวกแข็งในอ่อนนอก อย่างกับหมัดกระโดดใส่ไฟสุมเตียง เก่งแต่ตอนอยู่ในบ้าน พอพ้นประตูบ้านไปก็กลายเป็นคนขี้กลัวแล้ว”
ฉินสือโอวร้องเหอะอย่างอ่อนระโหยโรยแรง หลังจากนั้นก็กลับมาร้อนรุ่มกลุ้มใจต่อ
แม่ฉินมองดูเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ แล้วถามขึ้นมาว่า “แกเป็นอะไรไป? สีหน้าไม่ค่อยดีเลย เรียกหมอโอดอมมาดูอาการหน่อยไหม?”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญาว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมกำลังเป็นห่วงเสี่ยวหมิงอยู่น่ะ ใช่แล้ว พ่อครับแม่ครับ หลายวันมานี้มีใครเห็นเสี่ยวหมิงบ้างไหม?”
กระรอกน้อยมีความอยากอาหารต่ำ โดยทั่วไปแล้วมันจะจัดการปัญหาเรื่องอาหารด้วยตัวเอง มันปีนป่ายกระโดดโลดเต้นได้ วิ่งก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดสน เบอร์รีหรือผักสด ก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้กับมัน ดังนั้นปกติแล้วมันจึงไม่ได้กลับมากินอาหารที่นี่
พ่อฉินแม่ฉินส่ายหัว แม่ฉินพูดว่า “ใช่แล้ว หลายวันมานี้ไม่ได้เห็นกระรอกน้อยเลย”
ฉินสือโอวก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นไปอีก เขาพูดว่า “ไม่ได้การแล้ว ผมต้องออกไปตามหามัน”
เขาคนเดียวอาจจะหามันไม่เจอ ทว่าเขามีหู่จือกับเป้าจืออยู่ด้วย เขาจึงหยิบรูปถ่ายออกมาให้สุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัวดู แล้วถามว่า “มันหายไปไหนแล้ว?”
หู่จือกับเป้าจือมองดูฉินสือโอวอยู่สักพัก หลังจากนั้นจึงหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอก ฉินสือโอวจึงวิ่งตามพวกมันไปด้วยความเร่งรีบ
ปรากฏว่าพอออกมาข้างนอกแล้ว พวกสุนัขแลบราดอร์ก็วิ่งตะบึงเข้าไปทางป่าเล็กโดยพลัน ฉินสือโอววิ่งตามไม่ทัน เขาทำได้แค่ตะโกนบอกให้พวกมันวิ่งช้าลงอีกหน่อย
วินนี่เรียกเขาให้กลับเข้า เธอพูดกับเขาว่า “หาเสี่ยวหมิงไม่เจอ บางทีมันน่าจะเข้าไปหาสัตว์ชนิดเดียวกันบนภูเขาแล้วหรือเปล่าคะ? ฤดูร้อนเป็นฤดูติดสัดของกระรอกแดง นี่มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่ดี เสี่ยวหมิงเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่กับเขามาตั้งแต่แรก แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นกระรอกแดง สัตว์ชนิดนี้ไม่เคยถูกฝึกมาก่อน ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกมันจึงไม่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับคนเท่าไรนัก
ดังนั้นหลังจากที่เลี้ยงหู่จือกับเป้าจือ ฉินสือโอวก็ปฏิบัติกับมันอย่างเย็นชา ตอนนี้เมื่อลองมาคิดดูเขาก็รู้สึกอยากจะขอโทษเสี่ยวหมิงบ้างแล้ว
หู่จือกับเป้าจือแลบลิ้นหันมามองเขาจากที่ไกลๆ เขากัดฟันแน่น แล้วรีบขับรถเอทีวีตามเข้าไป
เป็นอย่างที่คิดไว้ สุนัขแลบราดอร์วิ่งเข้าไปในป่าเล็กแล้ว พอวิ่งเข้ามาข้างในป่าเล็กพวกมันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อแล้วเหมือนกัน ทำได้แค่ร้องโฮ่งๆ แหงนหน้ามองฉินสือโอวอยู่อย่างนั้น
ฉินสือโอวอุ้มสุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัวขึ้นมาอยู่บนรถ ใจของเขาเริ่มนิ่งขึ้นมาบ้างแล้ว แบบนี้ดูเหมือนว่าวินนี่น่าจะพูดถูก เสี่ยวหมิงขึ้นเขาไปหาคู่แล้วนั่นเอง
เมื่อคิดถึงเรื่องหาคู่ ฉินสือโอวก็อดหันไปมองหู่จือกับเป้าจือไม่ได้ นี่เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มโสดตามมาตรฐานเลยล่ะ ตอนนี้พวกมันก็อ้วนท้วนแข็งแรงบึกบึนแล้ว ถึงวัยที่ควรจะได้รับการปลดปล่อยแล้ว เขาจะเมินเฉยกับปัญหานี้ไม่ได้
หู่จือกับเป้าจือติ๊งต๊องไม่รู้เรื่องรู้ราว พอเห็นฉินสือโอวมองมา พวกมันก็เกาะไหล่เขาไว้ โน้มเข้าไปใกล้ๆ เริ่มออดอ้อนเขาด้วยการใช้หน้าผากนุ่มลื่นถูกับใต้คางของเขาทันที
เห็นว่าท้องฟ้ายังสว่างอยู่ จากเรื่องของเสี่ยวหมิงทำให้ฉินสือโอวนึกได้ว่าเขาไม่ได้เล่นกับพวกสัตว์เลี้ยงมานานมากแล้ว เขาจึงกลับไปลากฉงต้า ปอหลัว ราชาเจ้าป่าซิมบ้ากับหลัวปอมาด้วยกัน แล้วขับเจ็ทสกีลากพวกมันออกไปที่ทะเล
นี่ทำให้หลัวปอตกใจจนขวัญเสีย มันกลัวน้ำสุดขีด จึงใช้อุ้งเท้ากดกับแผ่นพลาสติกนอนหมอบอยู่บนเกาะล่องแก่ง มันแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้าร้องครวญครางออกมาไม่หยุดไม่หย่อน “บรู๊วๆ! บรู๊วๆๆๆ!”
ขับเคลื่อนเทพเจ้าสายฟ้ามืดสาดละอองคลื่นไปทั่ว พวกชาร์คนั่งเรือกลับมาเจอพอดี เมื่อได้เห็นภาพนี้ก็เอ่ยชมออกมาว่า “เฮ้ บอสครับ สมแล้วที่หลัวปอเป็นถึงราชาหมาป่า คุณดูท่าร้องคำรามตอนที่อยู่บนน้ำของมันสิ สง่างามไม่แพ้ภาพหมาป่าภูเขาร้องคำรามใต้แสงจันทร์เลย!”
“ผมกล้าพนันเลยว่า หลัวปอต้องอยากลงน้ำแน่ๆ มันกำลังร่ำร้องเพราะต้องการจะเอาชนะมหาสมุทรให้ได้ ใช่ไหม?”
หลัวปอหันหัวกลับไปถลึงตาใส่พวกชาวประมง มันไปทำอะไรให้โกรธแค้น? ไม่รู้เหรอว่าถ้าลงน้ำแล้วฉันจะกลายเป็นลูกหมาตกน้ำน่ะ?
ขณะที่ทางฝั่งของสาวน้อยหมาป่าขาวกำลังหวาดกลัว ทันใดนั้นฉงต้าก็ลุกยืนขึ้น มันหันไปถลึงตาโตใส่พวกชาวประมง ต่อจากนั้นก็แหงนหน้าร้องคำรามออกมาสองครั้ง แล้วเริ่มวิ่งอยู่บนเกาะล่องแก่ง
…………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset