ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1326 สร้างคอกม้า

เพราะได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอังกฤษ การแข่งม้าจึงเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากในแคนาดา การออกแบบคอกม้ากลายมาเป็นการศึกษาเฉพาะทางแขนงหนึ่ง ทำให้เกิดคอกม้าแบบประกอบชิ้นส่วนขึ้นมา
หากมองดูจากองค์ประกอบโดยรวมแล้ว จะพบว่าวัสดุที่ใช้ทำคอกม้าหลังนี้ไม้กระดานที่ทำมาจากไม้โอ๊ก ด้านนอกเป็นสีแดง ส่วนด้านในเป็นสีน้ำตาลโทนอุ่น วิศวกรอธิบายให้ฟังว่าสีน้ำตาลโทนอุ่นคือสีที่ม้าชอบ ฉินสือโอวจึงถามเขาว่าม้าทุกตัวชอบสีเดียวกันหมดเลยเหรอ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
ถ้าดูจากแบบแปลนและวิดีโอสอนวิธีประกอบจะเห็นได้ว่าคอกม้าหลังนี้เป็นคอกม้าที่สวยมาก ประกอบไปด้วยห้องเดี่ยวทั้งหมดสี่ห้อง โดยจะเป็นการเลี้ยงแบบปิด ทั้งผนังและหลังคาต่างก็ทำมาจากแผ่นไม้หนา ไม้ที่ใช้ก็เป็นไม้ซุงไม่ใช่ไม้กระดานคุณภาพต่ำที่อัดจากผงไม้
ฤดูหนาวของแคนาดามีอากาศหนาวเย็นและในฤดูร้อนก็มีรังสีค่อนข้างสูง คอกม้าแบบปิดจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะสามารถต้านทานอากาศหนาวในฤดูหนาวได้ ทั้งยังสามารถป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ในฤดูร้อนได้อีกด้วย
หลังจากวิศวกรอธิบายขั้นตอนการประกอบโดยภาพรวมให้ฟังแล้ว หลังจากนั้นฉินสือโอวก็บอกให้แบล็คไนฟ์เริ่มพาพวกเด็กๆ ประกอบสร้างคอกม้า ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรยุ่งยาก
อันดับแรกคือการปูเตียงสำหรับคอกม้าหรือก็คือการปูพื้นคอกม้า ฉินสือโอวเห็นว่าเตียงก็คือพื้นไม้นั่นเอง ซึ่งวิศวกรได้อธิบายให้ฟังว่า “นี่คือไม้เมเปิล มันสามารถป้องกันการลื่นไถลได้ดี แถมยังมีเนื้อไม้ที่ค่อนข้างอ่อนนุ่มซึ่งช่วยปกป้องกีบเท้าของม้าได้”
ฉินสือโอวหยิบพื้นไม้แผ่นแผ่นหนึ่งขึ้นมาดู แผ่นไม้เรียบลื่นเสมอกันดี พอเขาลองใช้มือดึงดูก็รู้สึกว่าเป็นแผ่นไม้ที่มีความยืดหยุ่นค่อนข้างดีเลย แต่หลังจากลองใช้มือพลิกไปพลิกมา ตอนที่เอากลับไปวาง เขากลับรู้สึกถึงความเหนียวเหนอะหนะที่มือ จึงถามขึ้นมาว่า “บนแผ่นไม้คืออะไรเหรอ?”
วิศวกรคนนั้นก็ตอบเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นนวัตกรรมของทางบริษัทน่ะครับ เราทาแว็กซ์เคลือบพื้นไม้กันลื่นไว้หนึ่งชั้น หลังจากทาแว็กซ์เคลือบแล้ว ก็จะง่ายต่อการทำความสะอาดและช่วยปกป้องคอกม้า ไม่ให้ถูกย่ำจนพื้นไม้พังได้ด้วย”
ก่อนอื่นต้องปูพื้นคอกม้าไว้บนพื้นดินบริเวณหนึ่ง บูลที่กำลังปูพื้นก็พูดพึมพำขึ้นมาว่า “ชิท บอส ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนสมัยนี้ถึงได้เกลียดคนรวย นายทุนแบบพวกคุณนี่ทำกันเกินไปแล้วจริงๆ”
ฉินสือโอวเองก็กำลังทำงานอยู่เหมือนกัน เขาขนแผ่นไม้ไปด้วยพร้อมกับถามบูลไปด้วย “เป็นอะไรนะ?”
บูลมักจะประสาทเสียอยู่บ่อยๆ แต่แค่ปล่อยเขาไว้เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ฉินสือโอวแบกไม้ไว้สองแผ่น อีวิลสันก็เดินเข้ามารับของไปทั้งหมดแล้วพูดกับเขาด้วยเสียงอู้อี้ในลำคอ “ผมขนเอง บอสไม่ต้องทำหรอกครับ”
ทางด้านบูลก็พูดกับตัวเองว่า “แค่เลี้ยงม้าคุณยังปูพื้นไม้ให้พวกมันเลย แถมผมว่าเนื้อไม้พวกนี้ก็ดีกว่าไม้ที่บ้านผมใช้เสียอีก แล้วแบบนี้ผมจะไม่เกลียดพวกคนรวยได้ยังไงกันล่ะ?”
พอได้ยินที่เขาพูด วิศวกรคนนั้นก็ถึงกับยกยิ้มด้วยความลำพองใจ
หลังจากนั้นชาร์คก็พูดขึ้นมา “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ไปดูคอกม้าของบ้านอื่น พื้นเตียงคอกม้าที่ใช้ก็มีแต่ดินกับทราย แค่กดอัดพื้นให้เรียบก็พอแล้ว อย่างมากที่สุดก็ใช้ซีเมนต์ทาทับหนึ่งชั้น ยังไม่เคยเห็นที่ไหนปูพื้นไม้มาก่อนเลย”
วิศวกรคนนั้นจึงรีบอธิบายให้พวกเขาฟังว่า “เฮ้ มันไม่เหมือนกันนะเพื่อน พวกคุณลองไปดูคอกม้าของม้าแข่งสิ มีแต่ต้องปูพื้นไม้ทั้งนั้น แบบนี้ถึงจะปกป้องกีบเท้าของม้าได้ และถึงจะไม่ใช้พื้นไม้ แต่ก็อย่าใช้ซีเมนต์เลย ปูพื้นยางมะตอยแทนดีกว่า”
เมื่อปูพื้นเตียงคอกม้าเสร็จ วิศวกรจึงบอกให้พวกเขาพักงานก่อน ส่วนเขาก็หยิบเครื่องมือวัดขึ้นมาลองตรวจสอบ
เนื่องจากจำเป็นจะต้องปูพื้นเตียงให้ลาดเอียงเล็กน้อย ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นระดับความลาดเอียง เพื่อให้ปัสสาวะของม้าที่อยู่บนพื้นไหลไปรวมกันได้ง่ายขึ้น และไม่ทำให้ม้าสัมผัสถึงได้ในหลายๆ คราว
หลังจากตรวจดูแล้วเขาก็พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “โอเค ใช้ได้แล้วล่ะ ทำพื้นเตียงเสร็จแล้ว สามารถติดตั้งผนังกับที่กั้นห้องได้เลย”
ฉินสือโอวหยิบแบบแปลนขึ้นมาดู คอกม้าหลังนี้มีห้องแยกทั้งหมดสี่ห้อง ห้องขนาดราวๆ แปดตารางเมตรเป็นห้องที่จัดไว้ให้ลูกม้าอยู่ ส่วนอีกสองห้องที่มีขนาดพื้นที่สิบกว่าตารางเมตรจัดไว้ให้ม้าโตเต็มวัย
ใช้ค้อน คีมกับเลื่อยไฟฟ้าร่วมกัน แค่แป๊บเดียวพวกทหารก็ติดตั้งที่กั้นห้องเสร็จ ดังนั้นหลังจากติดตั้งผนังเสร็จคอกม้าทั้งหลังก็จะประกอบกันเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
แต่ยังมีของบางอย่างที่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดำเนินการ หลังจากติดประตูคอกเสร็จ วิศวกรก็บอกให้กั้นห้องเล็กแยกไว้ด้านนอกอีกหนึ่งห้อง เรียกว่ากำแพงบังลม เนื่องจากบนเกาะมีลมพัดแรงและม้าก็ทนลมพัดไม่ไหว
ต่อจากนั้นก็เป็นการติดตั้งวงจรไฟฟ้า เสียบสายไฟแต่ละเส้นเข้าไปแล้วติดเต้ารับไว้ในจุดที่มีการป้องกันในหลายๆ มุมเต้ารับแต่ละอันจะมีฝาครอบป้องกัน เพื่อลดอันตรายจากการถูกไฟดูด
แต่ฉินสือโอวคิดว่านี่ไม่จำเป็นเท่าไรเลย วิศวกรคนนั้นจึงพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าดูถูกมันนะ เพื่อน ทุกปีมีม้าอย่างน้อยสิบตัวที่ถูกไฟดูดตาย เพราะพวกมันชอบถ่ายหนักถ่ายเบาไปทั่ว และของพวกนี้ยังเป็นสื่อกระแสไฟฟ้า เพราะอย่างนั้นคุณลองคิดดูสิว่าถ้ามีม้าสักตัวฉี่รดเต้ารับ…”
“โอ้ ชิท ภาพเหตุการณ์แบบนั้นมันดุเดือดเกินไปแล้ว!” แบล็คไนฟ์พูดไปขำไป
แอร์แบ็คก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน เขากล่าวว่า “เพื่อนเอ๋ย ฉันก็เคยดวงดีได้เห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน ตอนอยู่บ้านเก่าที่แดลลัส คอกม้าของเพื่อนของพ่อฉันเกิดปัญหาขึ้นมา ฉันเลยตามไปดูด้วย ฟัค บางส่วนของม้าตัวนั้นดูแทบไม่ได้เลยล่ะ!”
“ถูกเผาจนเกรียมเลยเหรอ?” แบล็คไนฟ์ถาม
แอร์แบ็คตอบว่า “ไม่ ไม่ถึงกับเกรียม แต่ฉันมั่นใจว่าน่าจะสุก ถูกไฟช็อตจนสุกเลย”
“ทำไมล่ะ? นายดูจากอะไร?”
“ก็เพราะว่ากลิ่นเนื้อย่างมันลอยคลุ้งขึ้นมาในอากาศน่ะสิ”
ออสเปรก็พูดอย่างยิ้มๆ ว่า “แล้วพวกนายได้โรยพริกป่นกับผงยี่หร่าก่อนกินมันไหมล่ะ? พวกคาวบอยน่าจะกล้ากินทุกอย่างเลยไม่ใช่เหรอ?”
แอร์แบ็คเตะเขาเข้าให้หนึ่งที แล้วพูดกับเขาว่า “ฟัคยู ไอ้เวรออสเปร นายกำลังดูถูกคาวบอยอยู่นะโว้ย! ถ้ากล้าไปพูดแบบนี้ที่แดลลัสล่ะก็ ฉันกล้าพูดเลยว่าแค่ห้าวินาทีนายก็โดนเป่าหัวกระจุยแล้ว!”
พอได้ฟังที่พวกเขาคุยกัน ฉินสือโอวก็หันไปพูดกับวิศวกรคนนั้นว่า “เอาล่ะ เพื่อน ผมต้องขอยอมรับเลยว่า พวกคุณเก็บรายละเอียดงานได้ดีจริงๆ คุ้มค่ากับเงินก้อนนี้ของผมมากๆ ใช่ไหมล่ะ?”
เชื่อมต่อวงจรไฟฟ้าเสร็จแล้ว ต่อจากนั้นก็ติดหน้าต่าง หน้าต่างของคอกม้าจะต้องรับแสงและถ่ายเทอากาศได้ดี ทุกห้องจะต้องเหลือรูระบายอากาศไว้ด้านใน ฉินสือโอวถามว่ามีไว้ทำไม วิศวกรจึงตอบว่านี่คือรูสำหรับท่อของเครื่องปรับอากาศ
“บูลพูดถูกแล้วล่ะ ฉันก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ยังจะต้องติดเครื่องปรับอากาศไว้ในห้องของม้าพวกนี้ด้วยเหรอ?” แบล็คไนฟ์พูดด้วยความไม่พอใจ “ขอบอกไว้เลยนะว่าเมื่อสามสิบปีก่อน คนดำอย่างพวกเรายังไม่มีของพวกนี้ให้ใช้เลย”
วิศวกรคนนั้นจึงพูดกับพวกเขาว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นหรอก เพียงแต่ว่าคอกม้าของพวกเราเป็นอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ สามารถนำไปใช้เลี้ยงม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตได้ ม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตหนึ่งตัวราคาอย่างต่ำๆ ก็เป็นล้านแล้ว ถ้าเสียเงินอีกไม่กี่ร้อยดอลลาร์ติดเครื่องปรับอากาศสักตัวก็คงไม่ถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือยหรอกใช่ไหมล่ะ?”
เครื่องปรับอากาศไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการเลี้ยงม้าธรรมดาอย่างม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์หรือม้าควอเตอร์ แค่หน้าต่างก็สามารถปรับอุณหภูมิได้แล้ว
ขนาดพื้นที่ของหน้าต่างกับขนาดพื้นที่ของห้องมีอัตราส่วนที่ตายตัว คอกม้าทั้งหลังจะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 1:12 อัตราส่วนหน้าต่างของห้องม้าจะเท่ากับ 1:10  โดยที่หน้าต่างจะสูงจากพื้น 2 เมตร แล้วกินพื้นที่ขึ้นไปถึงหลังคา
หลังจากติดหน้าต่างเสร็จก็มาปูทางฝึกม้า ซึ่งก็คือทางเดินในคอกม้านั่นเอง ซึ่งส่วนนี้แค่อัดดินให้แน่นก็ใช้ได้แล้ว วิศวกรแนะนำให้ฉินสือโอวใช้คอนกรีตปิดทับ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหนูขุดจนเป็นรูแล้วมุดขึ้นมาทำให้ม้าตกใจ
ขั้นตอนสุดท้ายคือการมุงหลังคา ประกอบโครงสร้างหลักของคอกม้าเสร็จแล้ว ทางบริษัทยังได้ส่งอุปกรณ์เสริมอย่างรางใส่น้ำกับรางใส่อาหารมาให้ด้วย รางใส่อาหารเป็นแบบสามารถเคลื่อนย้ายได้ ทั้งยังแข็งแรงทนทานและง่ายต่อการล้างทำความสะอาด
วิศวกรลองแสดงตัวอย่างให้พวกเขาดูว่ารางให้อาหารอันนี้สามารถปรับระดับความสูงได้ ดังนั้นจึงปรับให้เหมาะกับความสูงของม้าได้ รางให้อาหารมีความสูงอยู่ระหว่าง 80 เซนติเมตรถึงสองเมตร ลึกสี่สิบเซนติเมตร มีรูปร่างเป็นทรงกลม ซึ่งสามารถป้องกันไม่ให้กระแทกกับม้าได้
…………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset