ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1360 ฉันยินดีค่ะ

สำหรับฉงต้าแล้ว มีเรื่องสำคัญอยู่สองเรื่องคือ เรื่องแรกคือ กินอิ่มท้อง เรื่องที่สองก็ยังเป็นกินอิ่มท้อง…
ตราบใดที่กินไม่อิ่ม ฉงต้าทำอะไรก็ไม่มีความสุข มันจะพยายามหาของกินอยู่ตลอด สำหรับการแต่งงาน ใครจะแต่งงานนั้น มันไม่สนใจหรอก เพราะมันก็แค่อยากกิน อยากกิน อยากกินเท่านั้น
มันกอดวินนี่อยู่ทำอยู่แบบนี้ ผู้อำนวยการบริษัทจัดงานแต่งงานร้อนใจขึ้นมาทันที แม่ง เนื้อเรื่องต้องไม่ดำเนินไปแบบนี้สิ ไอ้หมีตัวนี้ทำไมจู่ๆ ถึงมาโต้ตอบกับเจ้าสาวแบบนี้ได้? แล้วเดี๋ยวอีกสักพักเจ้าบ่าวจะทำอย่างไรล่ะ?
โชคยังดีที่ฉินสือโอวมีเครื่องรับส่งวิทยุขนาดเล็กติดอยู่ที่เนกไท เขารีบยกเนกไทขึ้นมา เรียกหาชาร์ค “เชี่ย ชาร์ค พวกนายทำอะไรกันอยู่? ในมือมีของกินอะไรบ้าง? รีบให้ฉงต้า หลอกให้มันออกไปซะ!”
“บอส ผมคือบูล ไม่ใช่ชาร์ค” บูลหัวเราะแห้งๆ
“แม่งเอ๊ย! ฉันไม่สนหรอกว่านายเป็นใคร? รีบพาฉงต้าออกไป เดี๋ยวนี้!” อีกนิดฉินสือโอวก็จะโกรธจนพ่นลม บูลนายกำลังทำตัวน่ารักใส่ฉันเหรอ?
บูลถ่ายทอดคำสั่งของเขาออกไปต่อ ชาวประมงกลุ่มหนึ่งรีบหาของกินเท่าที่หาได้ โชคยังดีที่มีคนเอาช็อกโกแลตมาด้วย พวกเขารีบวิ่งเข้าไปยัดช็อกโกแลตใส่ปากฉงต้า ฉงต้าเคี้ยวหงึบหงับๆ ถึงผละออกแล้วจากไป
เมื่อฉากการขัดจังหวะจบลง ฉินสือโอวค่อยถอนใจโล่งอก แล้วก็ส่งจูบให้วินนี่เพื่อบอกว่าไม่ต้องกังวล ทุกอย่างควบคุมได้
พ่อฉินแม่ฉินมองดูอย่างมีความสุข พ่อฉินยังพูดอีกด้วยว่า “เหมือนงานแต่งที่บ้านเราเลย มีเด็กน้อยอยากได้ขนม”
การออกแบบของชุดเจ้าสาวของวินนี่ประณีตและงดงามมาก มีความซับซ้อนของชุดแต่งงานแบบดั้งเดิม แค่ชายกระโปรงก็ยาว 10 กว่าเมตรแล้ว ตอนที่เธอลงจากรถมีฟอกส์ที่เป็นพี่สาวนั่งมาด้วยกันช่วยยกเอาไว้ให้ พอลงจากรถก็วางแผ่ไว้เหมือนเดิม ทำให้ฉินสือโอวที่เห็นเป็นครั้งแรกรู้สึกตื่นตา
โดยปกติเวลานี้จะมีเด็กตัวเล็กๆ มาช่วยยกชายกระโปรง แต่วินนี่มีความคิดไม่เหมือนคนอื่น ใช้เป็นจิ้งจอกขาวและแลบราดอร์ จิ้งจอกขาวอยู่ตรงกลาง แลบราดอร์อยู่สองฝั่ง จงใจห่อชายกระโปรงไว้เป็นพิเศษ ทั้งสามตัววิ่งไปแล้วใช้ปากคาบก็โอเคแล้ว
สเตราส์และลูกชายของเขาชอบสุนัขมาก พอเห็นลักษณะท่าทางของแลบราดอร์ที่ดูเชื่อง แววตาก็เป็นประกาย คนอื่นๆ ต่างมองไปที่เจ้าสาวที่มีรัศมีงดงาม มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่จ้องหู่จือและเป้าจือตลอด
ช่วงเวลานี้เอง พ่อของวินนี่ก็เดินเข้ามา วินนี่เอามือคล้องแขนเขา ทั้งสองคนเดินตรงไปหาฉินสือโอว
หลังจากยืนอยู่ด้วยกัน มาริโอ้ก็ตบเบาๆ ไปที่หลังมือของลูกสาวเขา และตบไปที่หลังมือของฉินสือโอวเช่นกัน เอามือของวินนี่วางไว้บนมือฉินสือโอวด้วยสีหน้าที่รู้สึกเสียดาย แล้วพูดว่า “ไอ้หนุ่ม ตอนนี้ฉันมอบสมบัติที่ฉันรักที่สุดให้กับนายแล้วนะ ขอให้ในอนาคตนายจะปฏิบัติต่อเธอด้วยความอ่อนโยนนะ”
ฉินสือโอวให้คำสัญญา “ขอให้คุณพ่อเชื่อผมครับ ผมจะรักวินนี่ไปตลอดชีวิต”
ในเวลานี้เอง วงดนตรีที่อยู่ด้านซ้ายมือของพรมแดงก็เริ่มบรรเลงดนตรีขึ้นมาอย่างสนุกสนาน ได้ยินมาว่านี่เป็นวงดนตรีจากที่ราบแพร์รีแคนาดาที่มีชื่อเสียงมาก พ่อของวินนี่เป็นคนเชิญมา
ฉินสือโอวก้าวไปตามจังหวะดนตรี แล้วก็เปิดผ้าคลุมหน้าของวินนี่ออก ทั้งคู่สบตากันหวานซึ้ง แล้วพากันเดินเข้าไปในโบสถ์ด้วยกัน
แขกทุกคนรออยู่ในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว โบสถ์เล็กๆ เต็มไปด้วยผู้คน ยังมีคนจำนวนไม่น้อยยืนอยู่รอบๆ แน่นอนว่าคนที่ยืนอยู่คือพวกบอดี้การ์ด งานแต่งงานนี้แค่บอดี้การ์ดกับผู้คุ้มกันก็มีมากกว่า 40 คนแล้ว
บาทหลวงคาบ็อทในชุดคลุมสีดำยืนรออยู่ตรงหน้าแท่น ฉินสือโอวและวินนี่เดินไปยืนต่อหน้าเขา เจ้าบ่าวอยู่ทางซ้ายมือ เจ้าสาวอยู่ทางขวามือ เมื่อยืนเรียบร้อยแล้วเขาก็ถือ ‘คัมภีร์’ เริ่มพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ
บาทหลวงคาบ็อทพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและทุ้มต่ำว่า “ในพิธีแต่งงานนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เจ้าบ่าว และก็ไม่ใช่เจ้าสาว ทั้งผมและคุณต่างรู้ว่า คือพระเยซู…”
”…พระเจ้า พวกเรามายืนต่อหน้าพระองค์ ได้โปรดเป็นพยานอำนวยอวยพรให้ชายหญิงคู่นี้ในพิธีแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ ตามประสงค์ของพระเจ้า ทั้งสองจะกลายเป็นหนึ่งเดียวและจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ตราบฟ้าดินสลาย นับจากนี้จะก้าวเดินไปด้วยกัน รักซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สอนซึ่งกันและกัน และเชื่อใจซึ่งกันและกัน พระบิดาบนสวรรค์ทรงอวยพรให้กับสามีภรรยาคู่นี้ แรงบันใจจากพระเจ้า พระเจ้าที่เคารพ สรรเสริญต่อพระเจ้านิจนิรันดร์…”
บาทหลวงคาบ็อทอ่านตามคัมภีร์ใช้เวลา 15 นาทีเต็มๆ ฉินสือโอวยังคงยิ้มอยู่ตลอด เขาได้เตรียมใจมาแล้ว เพราะนี่เป็นขั้นตอนในพิธีแต่งงานของชาวคริสต์ จึงจำเป็นต้องอดทน
ในที่สุดก็อ่าน ‘คัมภีร์’ จบ และแล้วฉากสำคัญก็มาถึง บาทหลวงพูดว่า “เมื่อพิธีแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้น ข้าอยากถามทุกคนในนามของพระเยซูเจ้า ลูกศิษย์ของข้า หากมีความจริงใดที่ขัดกับจุดประสงค์ โปรดคัดค้านตอนนี้หรือเก็บไว้ในใจตลอดไป!”
ถัดมา เขาถามวินนี่ก่อนว่า “นางสาววินนี่ คุณยินดีที่จะรับผู้ชายคนนี้เป็นสามีของคุณหรือไม่? จะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี จะรักเขา ดูแลเขาและให้เกียรติเขาตลอดชั่วชีวิตจะหาไม่หรือไม่?”
วินนี่หันหน้าไปยิ้มหวานให้ฉินสือโอว แล้วตอบว่า “ฉันยินดีค่ะ”
มีเสียงทอดถอนหายใจเบาๆ ในงานดังขึ้น เจ้าชายเฮนรีหันไปมองเจ้าชายฮามานแดนที่อยู่ข้างๆ ด้วยความตกใจ พี่น้องถอนใจแบบนี้หมายความว่าอะไรกัน?
เสียงถอนหายใจแผ่วเบาจึงไม่ส่งผลกระทบใดๆ บาทหลวงคาบ็อทจึงถามฉินสือโอวต่อว่า “นายฉินสือโอว คุณยินดีที่จะรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของคุณหรือไม่? จะซื่อสัตย์ต่อเธอทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี จะรักเธอ ดูแลเธอและให้เกียรติเธอตลอดชั่วชีวิตจะหาไม่หรือไม่?”
ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึก พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ขอสาบานต่อพระเจ้า ผมยินดีครับ!”
ถ้าหากคิดว่าพิธีแต่งงานได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เป็นความคิดที่ผิดมากๆ เลยทีเดียว เพราะมันเพิ่งแค่เริ่มต้น
หลังจากนั้นบาทหลวงก็ถามกับแขกผู้มีเกียรติในงานทุกท่านว่า “พวกคุณยินดีที่จะเป็นพยานสำหรับคำปฏิญาณในพิธีแต่งงานของพวกเขาหรือไม่?”
แขกทั้งหลายต่างได้รับการซ้อมมาเรียบร้อยแล้วจากบริษัทจัดงานแต่งงาน จึงตอบโดยพร้อมเพรียงกันว่า ‘ยินดี’ แน่นอนว่าภาษาต่างๆ ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาถิ่นบ้านเกิดของฉินสือโอวดังผสมปนเปไปหมด ทำให้ดูวุ่นวาย แต่ก็ดูครึกครื้น
บาทหลวงถามต่อ “ใครให้เจ้าสาวแต่งงานกับเจ้าบ่าว?”
มาริโอ้ที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้น “พระเจ้าของผม เธอสมัครใจแต่งให้เขาเองครับ”
บาทหลวงมองไปที่พ่อฉิน พ่อฉินไม่ได้นับถือคริสต์จึงไม่ต้องถามแล้ว แค่ยิ้มให้ก็เพียงพอแล้ว
พิธีดำเนินมาจนถึงช่วงพิธีสาบาน ฉินสือโอวและวินนี่จึงสาบานต่อกัน หลังจากนั้นบาทหลวงคาบ็อทจึงกล่าว “พระเจ้าเสกแหวนสองวงนี้เป็นดั่งคำมั่นสัญญาที่ทั้งสองได้ให้คำปฏิญาณไว้ โปรดสวมแหวนให้กัน”
ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวกิตติมศักดิ์ จึงถึงคราวเหมาเหว่ยหลงออกหน้า เขายื่นตุ๊กตาหมีขนปุกปุยให้กับฉินสือโอว
หมีนี้เรียกว่าริงแบร์ แปลออกมาตรงๆ ก็คือ หมีผู้ถือแหวน ข้างใต้คอของเขามีถุงอยู่ใบหนึ่ง ในนั้นมีแหวนอยู่
ในมือของวินนี่ก็มีแหวนอีกวงหนึ่งซึ่งเป็นแหวนที่ฉินสือโอวคุกเข่าขอแต่งงานที่ซิโน เปค คริสทัล พาเลซแล้วมอบให้เธอเมื่อสองสามวันก่อน
เมื่อเปิดกล่องแหวน ทั้งสองก็แลกแหวนกัน บาทหลวงคาบ็อทยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ในตอนนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ประกาศในนามพระบุตร พระบิดาและพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ ฉินสือโอวและวินนี่เป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พระเจ้าโปรดประทานพรให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ไม่มีใครสามารถทำให้แยกจากกันได้!”
“วินนี่ ฉินสือโอว ผมได้เป็นประจักษ์พยานในการกล่าวคำสาบานว่าจะรักกันและกันของทั้งคู่แล้ว ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศให้แขกผู้มีเกียรติในที่นี้ทราบว่าพวกคุณเป็นสามีภรรยากันแล้ว ตอนนี้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้ อาเมน!”
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset