ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 195 ตกปลาเป็นเพื่อนคุณ

บทที่ 195 ตกปลาเป็นเพื่อนคุณ
โดย
Ink Stone_Fantasy

นี่คือครั้งแรกที่ฉินสือโอวกินอาหารค่ำใต้แสงเทียนเช่นกัน เขาพึ่งจะรู้ว่าต้องใช้ความพิถีพิถันมากขนาดนี้
อาหารที่นำมาเสิร์ฟเป็นเมนูแรกคือสลัด ซึ่งในส่วนของวัตถุดิบจะประกอบไปด้วย ผักกาดหอม เนื้อปูสุกและเนื้อส้มโอเป็นหลัก มีน้ำมันมะกอก น้ำมะนาวและน้ำผึ้งเล็กน้อยเป็นส่วนผสม ชื่อของอาหารเมนูนี้ก็คือ “ความหวานชื่นที่ได้พบกัน”
ต่อจากนั้นอาหารที่มาเสิร์ฟก็คือมะกะโรนีอิตาเลียน และชื่อของอาหารเมนูนี้ก็คือ “หนึ่งใจเดียวกัน”
ในส่วนของอาหารจานหลักมีชื่อเรียกว่า “ความรักที่หวานดั่งน้ำผึ้ง” เป็นเมนูพิเศษของเกาะแฟร์เวล โดยมีวัตถุดิบหลักเป็น ปลาค็อดสดแล่เนื้อ เนื้อปลาที่แล่แล้วจะถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทอง จากนั้นเอาพริกหวานและแตงกวาที่หั่นบางๆมาทำเป็นเครื่องเคียง เอาเห็ดสดและเนยมาปรุงเข้าด้วยกัน ปรุงจนเป็นน้ำซอสและเทราดลงบนเนื้อปลา
และอาหารลำดับสุดท้ายก็คือของหวาน ชื่อเรียกของของหวานเมนูนี้ก็คือ “หัวใจตรงกัน” โดยใช้เนยและสตรอว์เบอร์รีเป็นวัตถุดิบ ผสมเนยกับน้ำเชื่อมเมเปิลและทาให้หนาทั่วจานหนึ่งชั้น หั่นสตรอว์เบอร์รีออกเป็นสองซีกและจัดวางให้เป็นรูปลูกธนูหนึ่งอัน แทงทะลุผ่านเข้าไปในเนยผสมน้ำเชื่อมที่เป็นรูปหัวใจ
คุณลุงฮิคสันก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการสวมเสื้อกั๊กสีดำ กางเกงสูทขายาวสีดำและรองเท้าหนังสีดำ บนปกเสื้อยังผูกโบไทอีกด้วย เส้นผมสีขาวได้ถูกหวีอย่างพิถีพิถัน เมื่อมาเสิร์ฟอาหารก็มีกิริยาที่เป็นมาตรฐานเหมือนกับในหนังไม่มีผิด มองดูแล้วทำให้ฉินสือโอวเข้าถึงความรู้สึกเป็นอย่างมาก
ในขณะที่รับประทานอาหาร ฉินสือโอวและวินนี่ก็ได้พูดคุยกันเบาๆ และสบตากันบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกรักที่อยู่ในดวงตาของกันและกัน
ฉินสือโอวอยากที่จะคุกเข่าให้กับเออร์บักจริงๆ ตาเฒ่าคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นบุคคลอันทรงเกียรติของเขา แต่ยังเป็นพ่อสื่อให้กับเขาอีกด้วย
ลมทะเลพัดโชยมาเบาๆ ลานเล็กๆภายในร้านได้ปลูกดอกไม้และต้นหญ้าไว้ เมื่อสายลมพัดมาที่ต้นหญ้าจึงทำให้เกิดเสียง ‘กรอบแกรบ’ ดังขึ้นมา คลื่นทะเลที่อยู่ไกลออกไปได้ซัดสาดเข้ามาที่ชายหาด เมื่อเสียงแผ่ดังมาถึงที่ลานเล็กๆภายในร้านจึงเป็นเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนมาก ทำให้รู้สึกหลงใหลเคลิบเคลิ้ม
เมื่อทานของหวานที่เป็นเมนูสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวและวินนี่ก็จูงมือกันออกจากร้านอาหารไป และเดินไปตามบนถนนอย่างเงียบๆ
เวลาในขณะนี้พึ่งจะสามทุ่มตรง แต่เมืองเล็กๆแห่งนี้ก็เงียบสงบเป็นอย่างมาก บนถนนแทบจะไม่มีคนเดินหรือมีรถวิ่งผ่านเลย มีเพียงเสียงสุนัขเห่าที่ดังออกมาจากบ้านที่พวกเขาเดินผ่านบ้างเล็กน้อย
ทั้งสองคนเดินอยู่บนถนนโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เดินจูงมือกันอย่างเอ้อระเหยกลับไปที่วิลล่า เมื่อถึงเวลาที่จะต้องแยกจากกันวินนี่ก็ได้อ้าแขนออก ฉินสือโอวเข้าไปโอบกอดเธอและบอกฝันดี จากนั้นต่างคนต่างก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์
ในครั้งนี้วินนี่มาพักผ่อนในช่วงวันหยุด ฉินสือโอวจึงอยากที่จะพาเธอไปเที่ยวเล่น รุ่งเช้านีลเซ็นได้ถามเขาว่าอยากที่จะออกทะเลไปด้วยกันไหม ชาร์คจึงพูดอย่างจนปัญญาขึ้นมาว่า “นี่เพื่อน บอสมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ต้องทำ งานในทะเลพวกเราจัดการเองเถอะ ทำไมเรื่องแค่นี้นายก็ยังไม่เข้าใจ?”
“ตอนนี้ยังเหลืองานอีกเยอะเหรอ?” ฉินสือโอวเอ่ยถามขึ้น
 ชาร์คจึงพูดอธิบายออกมา “ก็เหลือไม่มากหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็จะไปงมปลาตายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันเน่าเปื่อยอยู่ในน้ำ ถ้าปล่อยให้ปลาเน่าเปื่อยจะทำให้มีผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ”
ชาวประมงได้ขับเรือออกทะเลกันไปและฉินสือโอวก็ได้ขับเรือหัวกว้างสไตล์ไครเมียออกมาเช่นกัน เพื่อพาวินนี่ไปตกปลาที่ทะเล
เมื่อกำหนดทิศทางและความเร็วในการเดินเรือไว้เรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวจึงเทน้ำองุ่นให้กับวินนี่หนึ่งแก้วและเข้าไปในห้องบังคับเรือ คุยกับเธอไปพลางตากลมทะเลไปพลาง
ในตอนนี้เรือก็ได้ออกมาไกลจากชายฝั่งทะเลแล้ว มองไปรอบๆสามารถเห็นน้ำทะเลสีฟ้ากว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา ฉินสือโอวจึงหยุดเรือหัวกว้างแล้วยื่นคันเบ็ดตกปลาส่งให้กับวินนี่หนึ่งคัน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “มาดูกันว่าวันนี้ดวงคุณจะเป็นยังไง ผมเดาว่าคุณจะต้องตกได้ปลาดีๆแน่เลย”
พวกเขาออกมาจากห้องบังคับเรือและมานั่งบนดาดฟ้าที่เปิดโล่ง วินนี่เริ่มเกี่ยวเหยื่อไว้บนคันเบ็ดที่ได้มาและเอ่ยถามออกมาว่า “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”
ฉินสือโอวหัวเราะและเอ่ยออกมาว่า “เพราะว่าคุณมีเสน่ห์มากไง สามารถดึงดูดปลาเยอะแยะมากมายมาติดเบ็ดได้”
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเช้า แต่แสงอาทิตย์ในหน้าร้อนก็ยังคงร้อนแรงเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวนั่งอยู่เพียงครู่เดียวก็รู้สึกว่าผิวหนังได้ถูกเผาแล้วบ้างเล็กน้อย ฉินสือโอวจึงวางคันเบ็ดลงและเตรียมที่จะเอาม่านบังแดดที่ด้านข้างเรือลง
วินนี่จึงดึงมือเขาไว้และพูดขึ้นมาว่า “อาบแดดเป็นเพื่อนฉันหน่อย ทุกวันฉันอยู่แต่ในห้องหรือไม่ก็บนเครื่องบิน จนกระดูกฉันขึ้นราหมดแล้ว”
ฉินสือโอวจึงทำตามด้วยความเต็มใจ แต่ทว่าเขารู้สึกร้อนเล็กน้อยเมื่อใส่เสื้อผ้าอยู่ ดังนั้นเขาจึงถอดเสื้อออก วินนี่ช่วยเขาเก็บเสื้อไว้ให้เรียบร้อยและหยิบครีมกันแดดออกมาหนึ่งขวด เธอให้เขานอนคว่ำลงและเอาครีมกันแดดทาลงไปที่หลังของเขา
ฝ่ามือของวินนี่นั้นช่างอ่อนนุ่ม เมื่อเอาครีมกันแดดที่เย็นชุ่มชื่นทาลงไป กระทบกับผิวหนังแล้วรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ทำให้ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะครวญครางออกมา
ผ่านไปสักครู่วินนี่ก็ได้ทาครีมกันแดดให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงรีบรับครีมกันแดดมาทันทีและเอ่ยถามอย่างคาดหวังออกมาว่า “ให้ผมช่วยทาให้คุณสักหน่อยไหม?”
วินนี่ยิ้มหัวเราะอย่างอ่อนหวานและตีมือที่เขายื่นออกมา จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฉันยังไม่ต้องทาหรอก ยังใส่เสื้อผ้าอยู่เลย จะทาครีมกันแดดได้ยังไง?”
ฉินสือโอวยื่นหน้าออกมาและเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ถอดเสื้อผ้าสิ เอ่อ ผมหมายถึงคุณเปลี่ยนเป็นชุดบิกินีก็ได้ แบบนี้จะทำให้รู้สึกเย็นสบายมากขึ้น”
วินนี่โบกมือปฏิเสธ หู่จือและเป้าจือกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ ดวงตาจ้องมองครีมกันแดดที่อยู่ในมือของฉินสือโอว จากนั้นก็เห่า ‘โฮ่งโฮ่ง’ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในเมื่อวินนี่ไม่ยินยอม ฉินสือโอวจึงดึงมือกลับด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว เมื่อเห็นหู่จือและเป้าจือกระตือรือร้นที่จะตำหนิเขา เขาจึงด่าทอออกมาและลากเจ้าสองตัวนี้มาทาครีมกันแดดลงบนผิวที่เกลี้ยงเกลาของพวกมัน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อแสงแดดสาดส่องมาที่บนตัวของสุนัขแลบราดอร์จึงทำให้เกิดแสงมันวาวออกมา
คันเบ็ดที่พึ่งวางลงไปก็ยังไม่มีปลามากินเหยื่อ ฉินสือโอวจึงเอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกมาและไปวนเวียนอยู่ในฟาร์มปลา จากนั้นจึงกลับมาดูว่าที่ก้นทะเลมีปลาอะไรอยู่บ้าง
ขณะที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปที่ฟาร์มปลา บอลหิมะและไอซ์สเกตก็ได้ขึ้นมาต้อนรับอย่างดีใจ ฉินสือโอวชี้ทิศทางให้กับพวกมัน เพื่อให้พวกมันไปบริเวณที่เรือหัวกว้างจอดทอดสมออยู่ และเมื่อเขากำลังจะตามพวกมันขึ้นไปด้วย เขาก็ได้เจอกับฉลามขาวฝูงหนึ่งซึ่งอยู่ในตำแหน่งใต้ทะเลลึกของฟาร์มปลา
ไม่รู้ว่าในฟาร์มปลาของเขามีฝูงฉลามขาวตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งมีจำนวนทั้งหมดยี่สิบกว่าตัวและต่างก็เป็นฉลามที่มีขนาดใหญ่ มีความยาวประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบเมตร พวกมันแหวกว่ายอยู่ที่บริเวณชายขอบของฟาร์มปลา ทำให้ฝูงปลาที่อยู่บริเวณรอบๆนั้นหายไป ก็ใครยังจะกล้าเข้าไปใกล้ล่ะ?
ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังตกตะลึงอยู่นั้น พวกฉลามขาวก็รับรู้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน พวกมันจึงส่ายหัวสะบัดหางแหวกว่ายเข้ามาในน่านน้ำที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้ควบคุมอยู่และลอยไปลอยมาอย่างอิสระ
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่า น่าจะมาจากตอนแรกที่เขาออกคำสั่งโจมตีพวกกลุ่มเพื่อนเพลย์บอยที่โหดร้าย เดาว่าในตอนนั้นตัวเองไม่ได้เอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเก็บกลับมาและได้ขับเจ็ทสกีกลับมาเลย ดังนั้นจึงพาฉลามขนาดใหญ่เหล่านี้กลับมาด้วย
ตอนนี้ได้เกิดปัญหาขึ้นแล้ว การจัดการกับฉลามขนาดใหญ่พวกนี้กลายเป็นปัญหาที่แก้ยากอย่างหนึ่ง
ฉินสือโอวรู้สึกเสียดายที่จะไล่พวกมันไป ถึงอย่างไรพวกมันก็เป็นขุนพลที่กล้าหาญกลุ่มหนึ่งที่เคยได้รับพลังแห่งโพไซดอนแล้ว กำลังสู้รบของพวกมันนั้นดีกว่างูเหลือมทะเลเสียอีก ขอเพียงแค่ใช้พวกมันให้ดี ฉลามขาวพวกนี้ก็สามารถกลายเป็นอาวุธที่ดีมากได้
แต่ทว่าถ้าไม่ไล่พวกมันไป ฟาร์มปลาก็คงจะรับไม่ได้หากมีฉลามที่กินเก่งเหล่านี้อยู่ในฟาร์ม พวกฝูงปลาก็จะโชคร้ายไปกันหมด พวกมันกินเยอะกว่าอีวิลสันมาก ถ้าหากกินอย่างเต็มที่ ไม่ช้าก็เร็วฉินสือโอวก็คงจะกลายเป็นยาจกแน่ๆ
เมื่อคิดดูแล้ว ฉินสือโอวก็ยังคงตัดใจที่จะทิ้งสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายพวกนี้ไปไม่ลง เขาเลือกที่จะใช้ข้อเสนอแบบประนีประนอม โดยให้ฉลามเหล่านี้กลับไปล่าอาหารที่ใต้ทะเลลึกได้อย่างอิสระ เขาจะคอยให้ความสนใจกับเจ้าพวกนี้ทุกวัน ถ้าหากกินไม่อิ่มก็จะพากลับมาที่ฟาร์มปลาเพื่อป้อนอาหารให้อิ่ม
ทางด้านฉินสือโอวกำลังจัดการกับฝูงฉลาม ส่วนทางด้านของวินนี่ก็ร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนกออกมา เขาจึงรีบลืมตาขึ้นมาทันที เขาได้เห็นวินนี่ทำหน้าบึ้ง กัดฟันแน่นและจับคันเบ็ดดึงไปข้างหลัง
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนจึงรีบย้ายกลับมาโดยเร็ว ฉินสือโอวมองเห็นปลาตัวใหญ่ที่มีริ้วสีดำอยู่บนตัว ซึ่งมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า ปลาเก๋าเสือ จะพบมากที่มหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ส่วนมหาสมุทรแอตแลนติกพบเห็นได้ค่อนข้างน้อย ดูเหมือนว่าวินนี่จะมีเสน่ห์มากจริงๆ แม้แต่ปลาชนิดนี้ยังสามารถดึงดูดมันมาได้
เมื่อหู่จือและเป้าจือมองเห็นเอ็นเบ็ดนั้นแน่นตึง พวกมันจึงกระโดด ‘ตู้ม’ ลงไปในน้ำ
วินนี่ตื่นตกใจกลัวจึงโยนคันเบ็ดทิ้งและจะยื่นมือไปช่วยเจ้าสุนัขสองตัวนั้นอย่างไม่รู้ตัว ฉินสือโอวรีบเข้าไปรับคันเบ็ดไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข้าไปกอดวินนี้และจับคันเบ็ดไว้ด้วยกันพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “อย่ากังวลเลย พวกมันลงไปจับปลา!”
เมื่อได้ยินดังนี้ วินนี่จึงสงบจิตสงบใจลงและจับคันเบ็ดเพื่อดึงขึ้น ฉินสือโอวได้โอบกอดวินนี่ไว้พอดี ร่างกายของหญิงสาวจึงอยู่ในอ้อมอกของเขา
…………………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset