ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1412 จิตวิญญาณแห่งคำสัญญา

ชีวิตหลังเกษียณของทหารเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะยังห่างไกลจากการฆ่าตัวตายอยู่มาก แต่ตามที่ฉินสือโอวเห็น คนพวกนี้มักมีความคิดอยากฆ่าตัวตายขึ้นมาเป็นครั้งคราว
จากท่าทางการดื่มเบียร์อันบ้าคลั่งของพวกเขา เขามองออกว่าพวกเขานั้นกำลังทำร้ายร่างกายตัวเอง
เมื่อเหล่าทหารอยู่รวมกันพวกเขาจะเสียงดัง หลังจากที่คุณลุงฮิคสันเตรียมอาหารอันเลิศรสเรียบร้อยแล้วเขาก็หนีไปกลับไปยังร้านของเขา ก่อนจะไปเขาได้เรียกฉินสือโอวให้ไปหา จากนั้นก็บอกว่า “ฟังนะ เพื่อน ช่วยฉันดูแลบ้านให้ดีล่ะ ฉันไม่อยากกลับมาแล้วพบว่าบ้านเก่าอันน่ารักของฉันถูกเจ้าพวกนี้ทำลายจนกลายเป็นเหมือนรังหมู! อีกอย่าง พูดจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่เห็นแก่ว่าเป็นนาย ฉันไม่ต้อนรับแขกพวกนี้แน่!”
ฉินสือโอวกอดคุณลุงฮิคสัน แล้วพูดขึ้นอย่างสนุกสนานว่า “ผมรู้ว่าคุณดีต่อผมมาก ผมซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”
คุณลุงฮิคสันได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขาตบหน้าของฉินสือโอวเบาๆ แล้วพูดว่า “นายรู้เรื่องนี้ก็ดีแล้ว เอาล่ะ ไปเล่นกับคนหนุ่มพวกนั้นต่อเถอะ แต่หวังว่าเจ้าพวกนั้นจะเมาจมกองขวดเบียร์ไปเลยก็พอ”
ฉินสือโอวไม่ได้อยู่ที่นี่นานเช่นกัน พอถึงเวลาสิบเอ็ดโมง วันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามก็เริ่มขึ้นพอดี เบิร์ดเปิดเสียงโทรทัศน์ที่อยู่ในร้านอาหารดังจนสุด พวกเขาพากันลุกขึ้นยืน พลางมองไปยังกิจกรรมรำลึกที่เกิดขึ้นในหน้าจอ
ช่วงเวลานี้ของทุกปีที่เมืองหลวงของแคนาดาอย่างเมืองออตโตวา กิจกรรมรำลึกจะถูกจัดขึ้นที่ด้านหน้าของอนุสรณ์สถานสงครามอย่างยิ่งใหญ่
การระลึกของพวกเขายิ่งใหญ่แค่ไหนเหรอ? ยิ่งใหญ่ขนาดที่ราชวงศ์ส่งคนมาเป็นเจ้าภาพ พร้อมกับนายกรัฐมนตรีและคณะส.ส. เพื่อมาแสดงความเคารพต่อหน้าอนุสรณ์สถานสงคราม แน่นอนว่าไม่ใช่ขวบนพาเหรดแบบของประเทศจีน แต่ว่าสิ่งนี้ก็สามารถแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพวกเขาต่อกิจกรรมนี้ได้แล้ว
พิธีเริ่มต้นโดยการทำความเคารพ ตัวแทนของแต่ละกองกำลังปรากฏตัวขึ้น แต่ว่าในนั้นมีเพียงกองทหารราบ ส่วนกองทัพเรือ กองทัพบกและกองทัพอากาศถูกจัดตั้งให้เป็นกองเกียรติยศที่ได้รับการเคารพ
ฉินสือโอวมองภาพนั้นพลางส่ายหัวไปมา เบิร์ดหันกลับมาถามว่า “คุณรู้สึกไม่ดีใช่ไหม?”
ท่านชายฉินพูดออกมาตรงๆ ว่า “กลับไปฉันจะให้นายดูพิธีรำลึกของประเทศของพวกเรา นายจะเห็นความแตกต่าง”
การแสดงความเคารพผ่านไปอย่างเรียบง่าย จากนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมก็พากันร้องเพลงชาติออกมา เครื่องบินรบหลายลำบินผ่านย่านแคปชั่นฮิลล์ วงดนตรีทหารสก็อตที่สวมกระโปรงผ้าตารางหมากรุกเป่าปี่ขึ้นมา ธงเล็กจำนวนไม่ถ้วนถูกสะบัดไปมาในมือของผู้คน นี่เหมือนกับการเดินสวนสนามที่ประเทศจีนอย่างไรอย่างนั้น
เฟอร์กูสันเงยหน้าขึ้น แล้วร้องออกมาว่า “เฮ้! สนามรบแฟลนเดอร์ส ที่ที่ดอกป็อปปี้สีแดงเบ่งบาน สถานที่เปื้อนเลือดของพวกเรา ตอนนี้มีไม้กางเขนมากมายตั้งอยู่…”
คนอื่นๆ ก็ร่วมเพลงขึ้นมากับเขาด้วย “นกสกายลาร์กระพือปีกส่งเสียงร้อง เสียงปืนอันหายากดังขึ้นอีกครั้ง พวกเราเคยสดใส มีความรักต่อกันแต่กัน ทันใดนั้นมันก็หายจากโลกไป จนวันนี้เรานอนในสนามรบ มือของพวกเราได้ลดต่ำลง”
“พี่น้องโปรดหยิบคบเพลิงขึ้นมา สู้รบไปจนถึงที่สุด หากคุณละทิ้งความปรารถนาสุดท้ายของคุณ แม้ว่าดอกไม้จะบานทุกพื้นที่ แต่พวกเราจะสงบสุขได้อย่างไร?”
“บทกวีโด่งดังอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้ผู้คนบางส่วนเริ่มใช้ดอกป็อปปี้ในการนึกถึงทหารที่เสียชีวิต หลังจากนั้นดอกป็อปปี้ก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์เพื่อระลึกถึงทหารที่เสียชีวิต…”
หลังจากนั้นเมื่อฉินสือโอวเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เขาก็ค่อยๆ ปลีกตัวออกมา แล้วนำดอกป็อปปี้วางไว้บนโต๊ะที่หน้าประตู นี่ก็เป็นประเพณีอย่างหนึ่ง หลังจากกิจกรรมจบลงผู้คนก็จะนำดอกป็อปปี้มาวางไว้ที่งาน
ตกบ่ายพวกของเบิร์ดก็กลับมาถึงฟาร์มปลาเพื่อทำงาน ฉินสือโอวพูดขึ้นว่า “พวกนายไม่ต้องรีบมาก็ได้ ฉันให้พวกนายพักผ่อนอีกหนึ่งวัน พวกนายสามารถคุยเล่นกับเพื่อนของพวกนายได้”
นีลเซ็นหัวเราะแห้งๆ ออกมา “มีอะไรน่าคุยเหรอครับ? พวกเราต้องตั้งใจทำงาน ตั้งใจหาเงิน ไม่อย่างนั้นผมได้ถูกพวกเขาฆ่าอย่างอนาถแน่”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หมายความว่ายังไง? พวกนายเล่นพนันกันเหรอ?”
นีลเซ็นส่ายหัวไปหาพลางพูดว่า “ไม่ ไม่ใช่การพนัน นี่เป็นการให้เงินเพื่อความอยู่รอด”
เบิร์ดอธิบายให้ฉินสือโอวฟังอีกครั้ง เงินหาเลี้ยงชีพเป็นข้อสัญญาระหว่างพวกเราเพื่อนร่วมสงคราม พวกเราอยู่แนวหน้าด้วยกัน ตอนนั้นพวกเราคุยกันแล้วว่า หากใครรอด จะต้องช่วยเหลือครอบครัวของเพื่อนที่เสียชีวิตหรือพิการจากสงคราม
พวกเขาทั้งสองคนและพวกแม็ตต์เป็นเพื่อนร่วมรบกัน แม็ตต์ไม่ได้ทำงานหลังจากเกษียณ และไม่ได้มีกองทุนประกันสังคม จนต้องพึ่งพาคนอย่างพวกเขาคอยดูแล
ฉินสือโอวถามออกมาว่า “งั้นพวกนายต้องให้เงินเท่าไหร่?”
เบิร์ดพูดออกมาว่า “เรื่องนี้ไม่ได้กำหนดไว้ครับ ผมให้ไปแล้วหกหมื่น”
นีลเซ็นยักไหล่พลางพูดขึ้นว่า “ผมก็เหมือนกัน หกหมื่นดอลลาร์ เงินโบนัสครึ่งหนึ่ง ไม่ถือว่าเยอะมากใช่ไหมครับ?”
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ บอกว่าพวกเขาให้น้อยกว่านี้หน่อย ทุกคนนำเงินออกมาคนละสองหมื่นห้าพันดอลลาร์ เพราะว่าตอนที่พวกเขาเป็นทหารรับจ้างมีกันเพียงสิบสองคนเท่านั้น มีเพียงคนเดียวที่ตายในสนามรบ อีกคนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นภาระของทั้งสิบคนจึงค่อนข้างน้อย
ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความตกใจว่า “ว้าว นี่ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยนะ พวกนายทุกคนให้คนละสองหมื่นห้าพัน? งั้นพวกนายสิบคนก็เป็นเงินสองแสนห้าหมื่นแล้วนะ?”
แบล็คไนฟ์พูดออกมาว่า “จะทำอย่างไรได้? พวกเราได้รับเงินเยอะ ก็ต้องให้เยอะ พี่น้องบางคนดูแลตัวเองไม่ได้ พวกเขาก็ไม่ต้องจ่ายเงินนี้”
ฉินสือโอวถามออกมาว่า “งั้นพวกนายต้องรับผิดชอบเงินส่วนนี้งั้นเหรอ? ต้องดูแลพวกเขาไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?”
คนทั้งเจ็ดเงียบไป เบิร์ดพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “จนกว่าพวกเขาหรือไม่ก็พวกเราตายลง”
ฉินสือโอวไม่เข้าใจอย่างมาก เบิร์ดและคนอื่นๆ เข้าใจในเรื่องนี้ เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่สัญญาไว้แล้ว บอส อย่าไม่สนใจที่พวกบ้านั่นบอกว่ายอมตายในสงครามเลย อันที่จริงมันเป็นเรื่องไร้สาระของพวกเขาทั้งนั้น! ให้พวกเราไปอยู่ในสงครามอีกสักครั้ง พวกเขาจะต้องอยากมีชีวิตรอดมากกว่าใครอย่างแน่นอน!”
“พวกเรามีชีวิตอยู่ต่อไป ดังนั้นก็ต้องทำตามสัญญาณที่ให้ไว้กับคนตาย พวกเราไม่สามารถโกหกเรื่องเงินกับคนตายได้ บอส แบบนี้ก็เหมือนกับพวกเราดูถูกตัวเอง” แอร์แบ็คพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“แน่นอน ถ้าหากว่าพวกเราไม่ได้ใช้ชีวิตดีๆ กับคุณ หากว่าพวกเราเองแม้แต่ขนมปังก็ยังทานไม่ได้ แบบนั้นพวกเราไม่ทำแบบนี้แน่นอน ตอนนั้นพวกเราคงต้องพึ่งพาให้คนอื่นช่วย” แบล็คไนฟ์พูดเสริม
ฉินสือโอวเข้าใจได้ในทันที อันที่จริงระหว่างคนเหล่านี้ สามารถบอกได้ว่ามีการประกันที่มองไม่เห็นอยู่กับตัว ใครที่อยู่ดีก็เป็นคนมาจัดการเรื่องประกันนี้ หลักประกันที่บอกว่าหลังจากที่พี่น้องเกษียณอย่างน้อยพวกเขาก็ได้กินอะไรบ้างและมีชีวิตต่อไป
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ เนื่องจากวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไม่เหมือนกัน
เหล่าทหารยังคงทำงานเป็นหลักประกันต่อไป เบิร์ดและนีลเซ็นยังคงไปสอนชาวประมงที่มาใหม่เกี่ยวกับความรู้ในการทำงานบนท้องทะเล
ฉินสือโอวยังคงงุนงงอยู่ดี เขาถามเบิร์ดว่า “งั้นพวกนายมีเพื่อนเยอะขนาดนี้ นายเคยคิดจะหางานให้พวกเขาหรือไม่? นายดูสิฟาร์มปลากำลังหาคนอยู่ พวกเขาหลายคนไม่มีงานที่เหมาะสมไม่ใช่เหรอ?”
เบิร์ดพูดออกมาด้วยความสงบนิ่งว่า “ผมคิดแบบนั้นแน่นอน ถ้าหากว่าฟาร์มปลาเป็นของผม ผมให้พวกเขามาทำงานแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่ฟาร์มปลาของผม ผมไม่สามารถทำร้ายคุณได้ บอส คนพวกนั้นไม่ได้เหมาะกับการทำงาน พวกเขาและแบล็คไนฟ์ไม่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแม้แต่งานเพื่อความอยู่รอดของชีวิตก็คงจะหาไม่ได้”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เขาตบบ่าของเบิร์ดแล้วพูดว่า “ฉันมองนายไม่ผิดจริงๆ เพื่อนของฉัน”
และวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามก็จบลง ร่องรอยเดียวที่เหลืออยู่คือ ดอกป็อปปี้เหล็กที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่ริมทะเล หลังจากนั้นแบล็คไนฟ์และเบิร์ดก็ทาสีแดงลงไปที่มัน ทำให้เหมือนกับดอกไม้จริงขึ้นมา
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset