ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1433 เปิดฉาก

เวลานั้น ทั้งเก้าอี้ ม้านั่งหรือแม้กระทั่งขวดเบียร์ที่มีสีเดียวกับโต๊ะก็ลอยไปทั่วบาร์ เนื่องจากเกิงจุนเจี๋ยพาพี่น้องของเขาทั้งสี่ทำการโจมตีระยะไกล ในชั่วพริบตาพวกเขากลายเป็นแกรนาเดียร์[1] ที่ทุบกลุ่มชาวประมงจนร้องไห้ครวญคราง
ชาวประมงพวกนั้นเป็นพวกหยาบช้าก็จริง แต่ก็จะยืนหยัดสู้ด้วยตัวเอง และใช้กำปั้นชนเนื้อในการต่อสู้ซะมากกว่า มีที่ไหนใช้การโจมตีระยะไกลแบบนี้ในการเปิดฉาก?
ไม่ทันไรพวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกเขาจับไปที่หัวของตัวเองพร้อมกับล้มลง และตะโกนด่า
“ฟัค! ไอ้ลิงเหลืองสารเลว! ไอ้พวกขี้ขลาดตาขาว!”
“พวกตามฉันมา จัดการไอ้คนแคนาดาพวกนี้ให้สิ้นซาก! เอาให้พวกมันต้องร้องไห้คลานออกจากร้านไปเลย!”
“โอ๊ย เวรเอ๊ย ฉันโดนตีที่หัว! พระเจ้า หัวฉันแตกด้วย!”
เก้าอี้และม้านั่งหัวโล้นถูกโยนออกไป ฉินสือโอวหยิบขวดเบียร์ชูขึ้นแล้วตะโกนออกไปว่า “ตามฉันมา จัดการพวกมัน!”
ในการเดินทางครั้งนี้เนื่องจากเขากังวลว่าอาจจะเกิดเรื่อง จึงพาพวกแบล็คไนฟ์มาด้วย คนพวกนี้ทำงานที่ฟาร์มปลาได้ปีกว่าแล้วและทำงานเป็นชาวประมงซะส่วนใหญ่ ถ้าในเรื่องการต่อสู้ก็จะตีต่อยแบบธรรมดา
เมื่อกี้ตอนที่เกิงจุนเจี๋ยและพวกของเขาขว้างโต๊ะขว้างเก้าอี้ แบล็คไนฟ์และคนของเขากลับนั่งหัวเราะอยู่กับที่มองดูอีกฝ่ายราวกับดูเด็กน้อย และทำราวกับว่าไม่อยากเข้าไปยุ่ง
พอตอนนี้ฉินสือโอวเป็นคนนำบุก พวกเขาก็ลุกขึ้นอย่างทันทีราวกับเสือที่กำลังจะเข้าไปขย้ำลูกแกะ
ฉินสือโอวนั้นฝึกมวยทุกวันทำให้เขามีร่างกายอันล้ำเลิศ แม้แต่พวกแบล็คไนฟ์ยังสู้เขาด้วยมือเปล่าไม่ได้เลย กับชาวประมงพวกนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เขาพุ่งเข้าไปในฝูงชนพร้อมกับยกแขนซ้ายขึ้นมาป้องหัวเอาไว้ พร้อมด้วยหมัดขวาที่ทะลวงออกจากด้านข้างอย่างดุเดือดชกเข้าไปที่ซี่โครงล่างของชาวประมงคนที่อยู่หน้าเขา หมัดนี้ทำให้ชาวประมงหัวโจกที่ร้องโวยวายเมื่อกี้ถึงกลับต้องร้องครวญครางออกมาอย่างน่าเวทนา
เพื่อปกป้องจุดสำคัญ ฉินสือโอวจำต้องกัดฟันออกหมัดไป เขาล้มชาวประมงสองคนติดๆ กัน จากนั้นก็คว้าคอเสื้อชาวประมงที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ขึ้นราวกับว่าเขากำลังถือโล่ เขาคำรามและโยนชาวประมงนั่นออกไปชนกับพวกของมันที่อยู่ด้านข้างจนล้มไปกองอยู่กับพื้น
ส่วนเกิงจุนเจี๋ยและพวกของเขาไม่ยอมน้อยหน้า  พวกเขาชำนาญในการร่วมมือกัน ครั้งแรกในการเข้าหาคู่ต่อสู้พวกเขาจะเข้าหาแบบสองต่อหนึ่ง โดยคนหนึ่งดึงดูดความสนใจอีกคนก็เข้าโจมตีจากทางด้านหลัง ทำให้จัดการคู่ต่อสู้ไปได้ห้าถึงหกคนเลยทีเดียว
ยิ่งเมื่อได้พวกแบล็คไนฟ์เข้ามาเพิ่ม ก็เหมือนกลับเป็นวันสิ้นโลกของชาวประมงพวกนี้เลยก็ว่าได้ คนท้ายๆ ยังไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่คนแถวหน้านั้นล้มลงไปกองอย่างกับทุ่งข้าวสาลีเป็นที่เรียบร้อย กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัว ก็เหลือกันแค่หกเจ็ดคนที่ยังยืนไหวอยู่ และตอนนี้พวกชาร์คก็ได้เข้ามาล้อมด้วยอารมณ์เดือดดาลสุดขีด
ฉินสือโอวไม่สนใจพวกชาวประมงหางแถว เขาเข้าไปบีบคางของปีเตอร์สันชาวประมงหัวโจกเงยขึ้น แล้วตะคอกใส่ “ด่าต่อสิวะ! อย่างไอ้ลิงเนี่ย! เอาสิ! ฉันเป็นลิงนิ! สารเลว! ลุกขึ้นมาสิวะไอ้ชาติชั่ว…”
“ปั้ง!” ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น เจ้าของบาร์ที่อยู่หลังเคาน์เตอร์มองไปยังคนพวกนี้ด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร พร้อมกับในมือถือปืนลูกซองลำกล้องคู่รุ่นเก่าของเรมิงตัน ซึ่งเมื่อกี้เขายิงเข้าไปที่โต๊ะที่อยู่ข้างๆ จนตอนนี้มันได้แตกเป็นเสี่ยงๆ เรียบร้อย
ส่วนพวกสาวนักเต้นระบำก็ยังคงหมอบดูและหัวเราะคิกคักราวกับว่าพวกเธอเจอแบบนี้มาจนชินแล้ว
เจ้าของร้านมองพวกฉินสือโอวอย่างโกรธแค้น และพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “ไอ้คนนอก ทิ้งเงินไว้ห้าพันแล้วไสหัวไปซะ!”
ฉินสือโอวก็ถลึงตาใส่เหมือนกัน พร้อมกับโยนคอชาวประมงหัวโจกทิ้งและตะโกนขึ้น “ฟัคยู! ปีที่แล้วฉันเพิ่งจะซื้อนาฬิกาไป แกยังอยากได้เงินอีกงั้นเหรอ?!”
เห็นลูกพี่พุ่งเข้าไป ชาร์คและคนอื่นๆ ต่างก็หวั่นใจ จึงรีบเข้าไปห้ามเขาไว้ เกิงจุนเจี๋ยพูดขึ้น “บอส บอสมองผม มองผมนะ มันไม่มีอะไรหรอกบอส ใจเย็นๆ อย่าใจร้อน”
ฉินสือโอวตะโกนขึ้น “ฉันจะทำให้ต่อไปเวลามันเจอคนจีนมันจะต้องกลัวจนตัวสั่นเลยเชื่อไหมล่ะ?”
เกิงจุนเจี๋ยพยักหน้า “เชื่อสิบอส ผมเชื่อ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันนะบอส อย่าไปเผชิญหน้ากับมันตรงๆ อย่างนั้น อีกอย่างมันมีปืนด้วยนะ ถ้าโดนมันยิงเข้าล่ะนายหญิงเป็นหม้ายเลยนะ”
ฉินสือโอวแรงเยอะเกินไป คนกลุ่มเดียวเอาเขาไม่อยู่ จนสุดท้ายเกิงจุนเจี๋ยต้องได้มาล็อกบ่าและแบล็คไนฟ์ต้องเข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้ ถึงทำให้เขายอมถอยกลับไปได้
เจ้าของร้านถึงกับงง เพราะจากที่เขาประเมินในตอนที่เห็นฉินสือโอวครั้งแรกก็คิดว่าแค่คนต่างชาติธรรมดา แถมทั้งที่ตัวเองยิงปืนออกไปขนาดนั้น แต่ทำไมเขาถึงยังกล้าที่จะพุ่งเข้าใส่? นี่มันอะไรกัน ในมือฉันมีปืนเลยนะ!
แต่ฉินสือโอวกลับไม่กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังชี้หน้าด่าเขาอีก “ไอ้สวะ แกกล้ายิงปืนใส่ฉันเลยงั้นเหรอ ฉันจะเอาทนายมาฟ้องแกคอยดู! ถามไอ้นั่นมันดูนะ มันรู้ดีถึงสถานะของฉันในเซนต์จอห์น! เตรียมตัวโดนฟ้องได้เลย!”
เจ้าของร้านนั้นก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเคือง “อย่ามาอวดเบ่งอยู่แถวนี้นะ! สารเลว! แกมันคนสารเลว! แกคิดว่าที่นี่คือเซนต์จอห์นรึไง? ที่นี่กรีนแลนด์โว้ย! กล้ามาอวดดีในที่ของพวกฉัน? อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตเลย!”
ฉินสือโอวชูโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับยิ้มมุมปาก “พวกแกไม่เพียงแต่เหยียดเชื้อชาติ แต่ยังข่มขู่พวกฉันด้วย? โอเค เจอกันบนชั้นศาล! พวกแก มาเจอฉันบนชั้นศาลได้เลย!”
ชาร์คดึงฉินสือโอวลงมาพร้อมกับพูดว่า “บอสมองผม มองมาที่ผมก่อนบอส อย่าเพิ่งใจร้อน ให้ผมจัดการดีกว่า! เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง โอเคไหม? คุณถอยไปก่อน”
ซีมอนสเตอร์ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วก็มีชาวประมงคนใหม่อุทานด้วยความเสียดายว่า “ให้ตายสิ การต่อสู้ของพวกเรานี่โคตรเจ๋ง! ฉันยังไม่ได้ลงมือเลย เสียดายว่ะ!”
” หุบปากซะทีได้ไหม? ก็บอกแล้วไงว่านี่เดี๋ยวฉันจัดการเอง!” ชาร์คด่าเขา
จากนั้นก็ไปหยิบเอาวอดก้าที่เคาน์เตอร์มาหนึ่งขวด ชาร์คถอนหายใจกับตัวเอง พลางเดินเข้าไปหาชาวประมงที่ถูกตีจนล้มไปกองกับพื้น แล้วยื่นขวดเหล้าให้ปีเตอร์สันชาวประมงหัวโจก “เอ้าพวก ดื่มซะสิ”
“ฟัคยู!” ปีเตอร์สันผลักขวดเหล้าออก จากนั้นมือทั้งสองของเขาก็กุมไปที่ท้อง เพราะเมื่อกี้ฉินสือโอวปล่อยหมัดออกไปอย่างเต็มแรงใส่เข้าที่ซี่โครงล่างของเขา และตอนนี้เขาคงจะรู้สึกว่าซี่โครงตัวเองได้หักไปแล้ว
ชาร์คพูดขึ้น “พวก นายจะทำตามธรรมเนียมของโจรสลัดไวกิ้งหรือจะเอายังไง? หรือจะให้พวกฉันแจ้งตำรวจ? ให้ตำรวจมาจัดการการทะเลาะวิวาทที่พวกเราสร้างขึ้น? แต่ถ้าถึงตอนนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะแจ้งข้อหาอะไร หรือจะเป็นเหยียดเชื้อชาติงี้ไหม? ซึ่งพวกนายเป็นคนหาเรื่อง อย่างนี้ใช่ไหม?”
ปีเตอร์สันเงยหน้าขึ้นมองเขาและรับเอาวอดก้ามากระดกไปสองอึก คนข้างๆ ก็ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่พอหันไปมองเพื่อนที่ร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ด้านหน้าฉินสือโอวมีชายท่าทางดุดันยืนอยู่ ด้านซ้ายมีกลุ่มแบล็คไนฟ์ห้าคน ด้านซ้ายก็มีกลุ่มเกิงจุนเจี๋ยอีกห้าคน ส่วนด้านหลังยังมีกลุ่มชาวประมงร่างใหญ่เอวหนาอยู่อีก จึงไม่ต้องสงสัยถึงประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขาเลยที่สามารถทำลายล้างได้ทั้งหมด!
เมื่อเห็นปีเตอร์สันดื่มวอดก้าแล้ว ชาร์คเลยกลับมาพูดอีก “เอาล่ะ จบเรื่องสักทีนะ” พูดไป เขาก็เดินไปที่เคาน์เตอร์พลางวางสองร้อยโครนเดนมาร์ก “ค่าเหล้าอยู่นี่นะ ที่เหลือนั้นถือว่าทิป”
เจ้าของร้านที่ยังถือปืนลูกซองรุ่นเก่าอยู่ในมือได้แต่มองดูเขาอย่างงงๆ และอึ้งไปสักพักถึงค่อยรู้สึกตัว และร้องขึ้น “ให้ตายสิ! แล้วของที่พวกแกทำลายไปใครจะชดใช้?”
แล้วชาร์คก็ชี้ไปที่ปีเตอร์สัน “ใครที่มันเริ่มเรื่องนี้ ก็ให้คนนั้นแหละเป็นคนจ่าย! หรือว่านายยังคิดจะให้พวกเราจ่าย? หรือจะให้พวกเราแจ้งตำรวจ แล้วปล่อยให้ตำรวจกับศาลจัดการเรื่องบ้าๆ นี้ดีล่ะ?”
เจ้าของร้านหันไปมองพวกปีเตอร์สัน สลับกับพวกฉินสือโอว แล้วก็เดินเข้าไปลากคอปีเตอร์สันขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราดและถามว่า “ว่ามาเลย พวก โต๊ะเก้าอี้ในร้านพังเนี่ยจะจัดการอย่างไร?”
……………………………………………..

[1] แกรนาเดียร์ คือ ทหารพิเศษที่ปรากฏอยู่ในทวีปยุโรป จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสมีหน้าที่เป็นพลขว้างระเบิดซึ่งมีขนาดเท่าลูกเบสบอล หรือปฏิบัติภารกิจจู่โจม

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset