ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1468 ภาษีในหนึ่งปี

หลังจากฉินสือโอวกลับมา เรื่องแรกที่เขาทำคือโทรศัพท์หาบัตเลอร์ ให้เขานำเรือมารับปูจักรพรรดิไป เรื่องสองคือการเตรียมจ่ายภาษี
เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่ต้องจ่ายภาษีทั้งหมดของปีก่อนหน้า ฉินสือโอวยอมรับแคนาดาในเรื่องนี้ เขาต้องเสียภาษีทุกเดือน ต้องจ่ายภาษีทุกไตรมาส และต้องจ่ายภาษีประจำปีอีก นี่เป็นการทำลายล้างมนุษยชาติชัดๆ!
แต่ว่านี่ก็ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขามีรายได้มากมาย ในแคนาดาแต่ละอุตสาหกรรมก็มีวิธีในการจ่ายภาษีที่ต่างกัน ภาษีของฉินสือโอวคือการรวมทั้งปี ส่วนใหญ่แล้วมาจากรายได้หลักของเขาที่มาจากการประมูลสินค้าและภาษีทรัพย์สินถาวรของฟาร์มปลา
ตอนนี้คนที่เป็นเจ้าของฟาร์มปลาในแคนาดาน้อยลงเรื่อยๆ สาเหตุหนึ่งมาจากภาษีที่ค่อนข้างสูง การซื้อฟาร์มปลาอาจมีค่าใช้จ่ายไม่มากนัก แต่หลังจากนั้นก็ต้องเสียภาษีเป็นประจำทุกปี ภาษีอสังหาริมทรัพย์ประมาณร้อยละสอง นอกจากนี้บ้านก็ยังต้องเสียภาษีอีก
บัตเลอร์รีบมาหาเขาอย่างตื่นเต้น หลังจากที่เขาเห็นคุณภาพของปูจักรพรรดิ เขาก็หันกลับมาพูดกับฉินสือโอวว่า “ปูจักรพรรดินี้ค่อนข้างธรรมดา แต่อย่างไรก็สมควรถูกรวมเข้าไปในแบรนด์ต้าฉินของเราด้วย ใช่แล้วเพื่อน ฉันได้ยินมาว่านายเจอเข้ากับเรื่องใหญ่เรื่องโตที่ทะเลเหรอ?”
ฉินสือโอวรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร จึงตอบกลับว่า “แน่นอน คนตายสามสิบกว่าคน นายว่าเป็นเรื่องใหญ่ไหมล่ะ? ฉันจะบอกให้นะเพื่อน นายจะต้องไม่เคยเห็นฉากที่น่าสะพรึงแบบนี้มาก่อนแน่ บนเรือเต็มไปด้วยเลือดและแขนขาที่ถูกตัด! อากาศก็หนาว ชิ้นเนื้อที่ถูกสับพวกนั้นถูกแช่แข็งอยู่บนเรือ โอ้ว ฟัค!”
บัตเลอร์พูดออกมาด้วยความตกใจว่า “โหดเหี้ยมขนาดนั้นเลยเหรอ? พวกเขาขึ้นเรือมาพร้อมปืนใหญ่หรือเปล่า? ฉันเคยเห็นพวกทีมดับเพลิง นายรู้ไหม นักดับเพลิงของไมอามี เป็นกลุ่มคนโง่ ที่คิดว่าตัวเองมีปืนก็เท่แล้ว…”
ที่ฉินสือโอวพูดออกมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องโกหก เขาแค่อยากจะแกล้งให้บัตเลอร์ตกใจก็เท่านั้น ลุงผิวดำมีหนวดเครามักจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจต่อหน้าเขาและพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับนักเลงอเมริกันพวกนั้น ครั้งนี้ฉินสือโอวต้องการจะจัดการกับความเย่อหยิ่งของเขาจริงๆ
แต่ปรากฏว่าเขาประมาณลุงผิวดำคนนี้ต่ำเกินไป ไม่นานบัตเลอร์เปลี่ยนหัวข้อในการคุยไปยังเรื่องที่เขาถนัด เขาเริ่มพูดถึงสหภาพดับเพลิงที่เขาเข้าร่วมอีกครั้ง เขาบอกว่ามันเหมือนกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเลย
ฉินสือโอวไม่มีเวลาที่จะมาเล่นกับเขา เขาได้รับใบเรียกเก็บเงินที่มาจากไปรษณีย์จากแอนโทนี่ ไวท์ พนักงานบัญชีจากบริษัทบัญชีดีลอยท์ หลังจากนั้นเขาจึงโทรหานักบัญชีมืออาชีพอย่างจางเผิง เพื่อให้เขาช่วยในการจัดการกับใบเสร็จพวกนี้
จางเผิงนำสมุดบัญชีมา ตอนนี้บริษัทบัญชีดีลอยท์มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำภาษีและรายงานภาษีของฟาร์มปลาต้าฉินและอาหารทะเลแบรนด์ตาฉิน บัญชีอื่นๆ อย่างร้านขายของชำของฮิวจ์และซูเปอร์มาเก็ตกลางแจ้ง จางเผิงก็เป็นผู้จัดการทั้งหมด
ฉินสือโอวให้เขาดูใบเสร็จของแอนโทนี่ ไวท์ หลังจากพิมพ์ออกมาก็กลายเป็นกระดาษจำนวนยี่สิบแผ่น บนกระดาษเต็มไปด้วยตัวอักษรและตัวเลขมากมาย การที่นักบัญชีจะได้เงินไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
จางเผิงดูใบเสร็จเสร็จก็พูดชื่นชมว่า “ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้เชี่ยวชาญ ใบเสร็จพวกนี้ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ…”
ฉินสือโอวถามออกมาว่า “นายสามารถทำมันออกมาได้ไหม? ฉันจะส่งนายไปที่สำนักงานบัญชีดีลอยท์เพื่อศึกษาเพิ่มเติม”
จางเผิงพูดออกมาอย่างกระอักกระอ่วนว่า “บอส นี่เป็นใบเสร็จที่ทำโดยปรมาจารย์ด้านบัญชีชั้นนำระดับโลก ผมยังห่างชั้นกับปรมาจารย์พวกนี้อีกไกล”
ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความเสียดายว่า “งั้นฉันจะส่งนายไปเรียนเพื่ออะไร?”
จางเผิงลูบหน้าอกพลางพูดออกมาว่า “ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากที่นั่น หากไม่ได้ไปเรียนเพิ่มเติม อันที่จริงผมก็คงไม่เข้าใจใบเสร็จนี้”
การที่ฉินสือโอวให้จางเผิงดูใบเสร็จนี้ยังมีอีกวัตถุประสงคหนึ่ง นั่นก็คือให้เขาได้เรียนรู้ เขามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชีให้ได้เร็วที่สุด แบบนี้ต่อไปฟาร์มปลาก็อาจจะไม่ต้องจ้างแอนโทนี่ ไวท์แล้วก็ได้ เรื่องพวกนี้เกี่ยวกับเงินทั้งหมด แอนโทนี่ ไวท์ให้กระดาษเขายี่สิบแผ่น เขาต้องจ่ายเงินถึงแผ่นละหมื่นดอลลาร์!
แต่ว่าก็คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป แอนโทนี่ ไวท์ให้เขาหลีกเลี่ยงภาษีได้อย่างสมเหตุสมผล เมื่อบวกกับส่วนลดภาษีในภายหลังแล้ว ภาษีของปีที่แล้วที่เขาต้องจ่ายเหลือเพียงห้าล้านกว่าดอลลาร์เท่านั้น
นี่เป็นตัวเลขที่น้อยมาก ต้องรู้ก่อนว่าธนาคารขนาดใหญ่ทั้งสี่แห่งประเมินราคาฟาร์มปลาของเขาไว้อยู่ที่แปดร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา ภาษีอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียวก็สิบหกล้านดอลลาร์แล้ว
นักบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญเก่งกาจแบบนี้นี่เอง การเสียภาษีในบางเขตเช่นเขตบีซี คนรวยบางคนไม่ต้องจ่ายภาษีด้วยซ้ำ
ต้องบอกก่อนว่า แคนาดาพึ่งจะทำการเปลี่ยนรัฐบาล คาร์เมนจูเนียร์นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา ได้พูดตอนที่หาเสียงแล้วว่า เขาสัญญาไว้ว่าเขาจะเพิ่มภาษีคนรวย
สถานการณ์เช่นนี้แอนโทนี่ ไวท์ยังสามารถหลีกเลี่ยงภาษีจำนวนมากให้กับฉินสือโอวได้
แน่นอนว่านักบัญชีที่เก่งกาจสามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้ แต่ไม่จ่ายภาษีไม่ได้ เดิมทีสาเหตุมาจากสถานะของฉินสือโอวทำให้เขาสามารถหาทางเลี่ยงภาษีได้ แต่ถ้าไม่มีทางไหนที่เหมาะสม แบบนั้นพระเจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้
ปีนี้ข้อต่อรองที่ใหญ่ที่สุดในการเลี่ยงภาษีของฉินสือโอวมาจากการลงทุนของเขา เขาอัดฉีดเงินทุนให้บอมบาร์เดียร์ ทำให้เขากลายเป็นผู้ถือหุ้นรายที่สี่ของบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซี แอร์ไลน์เนอร์ โฮลดิ้ง ซึ่งแก้ไขปัญหาการว่างงานได้เป็นจำนวนมาก กางลงทุนซื้อหุ้นสามารถลดหย่อนภาษีได้ ภาษีรวมกว่าเก้าร้อยล้านดอลลาร์จึงได้รับการยกเว้น!
นอกจากนี้ยังมีการบริจาคเพื่อการกุศลอีกหลายอย่างที่ทำเมื่อปีที่แล้วรวมถึงกองทุนการกุศลที่ก่อตั้งขึ้นสำหรับเถียนกวา สิ่งนี้ไม่ทำให้เขาจะได้รับความเคารพจากองค์กรการกุศลเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เรื่องนี้ในการหักลบภาษีได้อีกจำนวนหนึ่งด้วย
เมื่อเห็นถึงตรงนี้แล้ว จางเผิงก็ให้คำแนะนำแก่ฉินสือโอวว่า “บอส ต่อไปถ้าหากคุณเข้าร่วมงานบริจาค อย่าให้เงินสดล่ะ ให้ใช้เงินสดไปซื้อหุ้นดีกว่า แล้วบริจาคหุ้น แบบนั้นจะลดหย่อนภาษีได้มากกว่า”
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของแคนาดา โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ค่อนข้างซบเซา รัฐบาลทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นตลาดหุ้น การลดหย่อนภาษีสำหรับการบริจาคหุ้นก็เป็นหนึ่งในมาตการนั้น
จางเผิงอธิบายใบเสร็จของฉินสือโอวให้เขาฟังคร่าวๆ ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมตัวเขาถึงต้องจ่ายภาษี และต้องจ่ายเท่าไหร่ ต่อไปในอนาคตจะทำอย่างไรเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงภาษีได้มากขึ้นและอื่นๆ
เมื่อดูใบเสร็จนั้นจบ ฉินสือโอวก็มองไปยังรายได้ของร้านขายของชำและซูเปอร์มาเก็ตกลางแจ้ง ภาษีที่ต้องจ่ายของปีที่แล้วของร้านขายของชำของเขาอยู่ที่แปดแสนห้าหมื่น ตัวเลขนี้ทำให้เขาตกตะลึง จึงถามออกมาว่า “ร้านขายของชำ ปีที่แล้วมีรายได้อยู่หนึ่งร้อยเจ็ดแสนล้านดอลลาร์เหรอ?”
จางเผิงพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ครับ ใบเสร็จนี้ได้รับการคัดกรองมาอย่างรอบคอบโดยผมเอง ไม่มีข้อผิดพลาดหรือละเว้นตกหล่นแน่นอน ผมสามารถอธิบายสถานะบัญชีในแต่ละวันให้คุณฟังได้นะครับ”
ฉินสือโอวตอบกลับมา “ฉันไม่ได้ไม่เชื่อนาย แต่ว่า ฉันแค่ตกใจที่รายได้เยอะขนาดนี้”
เมื่อเข้าใจว่าตัวเองเข้าใจผิด จางเผิงก็ถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “ปีที่แล้วอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเมืองดีมาก ผมได้อ่านรายงานรายรับประจำปีของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งมหานครเซนต์จอห์นแล้ว ตัวเลขของเกาะแฟร์เวลของพวกเราสวยที่สุด ปีที่แล้วมีกำไรมากกว่าสิบล้าน!”
“และในการท่องเที่ยวเมืองเล็กๆ ร้านสองร้านที่คุณได้ลงทุนไปนั้น ซูเปอร์มาเก็ตกลางแจ้งและร้านขายของชำเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ชัด เหล่านักท่องเที่ยวได้มุ่งเป้ามาที่ร้านขายของชำเป็นร้านแรกเมื่อพวกเขานึกถึงของที่ระลึก ส่วนซูเปอร์มาเก็ตกลางแจ้งเป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้ของนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย และธุรกิจค้าปืนก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก”
ฉินสือโอวมองดูรายงาน รายรับของซูเปอร์มาเก็ตกลางแจ้งทั้งปีอยู่ที่หนึ่งล้านสองแสนกว่าดอลลาร์ หากไม่รวมเงินเดือนของโหวจื่อเซวียนแล้ว เขาก็ยังได้ส่วนแบ่งอยู่หกแสนดอลลาร์
เมื่อเห็นใบเสร็จจำนวนมากมายหลายหน้า ท่านชายฉินก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน เขากำลังคิดว่าจะเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดเล็กอีกดีหรือไม่ ดูเหมือนว่าตราบใดที่เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง อุตสาหกรรมเล็กๆ ก็สามารถที่จะทำเงินได้มากพอสมควร
…………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset