ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1470 ตรุษจีนมาถึงแล้ว

เมื่อเทียบกับการออกทะเล การใช้ชีวิตในฟาร์มปลานั้นสงบและปลอดภัย แต่มันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
ปีนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินสุริยคติเป็นช่วงวันเพ็ญของปฏิทินจันทรคติ ครอบครัวของฉินสือโอวฉลองงานตรุษจีนกันที่ฟาร์มปลา ก่อนหน้าที่จะลาไปแต่งงาน วินนี่ทำงานอย่างหนัก เธอบินไปมาจนไม่มีเวลาพอที่กลับบ้าน ดังนั้นจึงเกิดการตัดสินใจเช่นนี้ขึ้น
ปีที่แล้วก็อยู่ที่ฟาร์มปลาฉลองตรุษจีน แต่ปีที่แล้ววินนี่กำลังจะคลอดลูก จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ปีนี้ก็ยังคงจะจัดที่นี่ต่อไป และสามารถใช้อุปกรณ์ของตบแต่งต่างๆ จากปีที่แล้วได้
อันที่จริงแล้วมีบทเรียนจากปีที่แล้วอยู่ เมื่อปีนี้ต้องจัดเทศกาลตรุษจีนที่ต่างประเทศ พ่อแม่ของฉินสือโอวก็สบายเป็นอย่างมาก คนแก่ทั้งสองคนไม่ให้ฉินสือโอวเตรียมโคลงคู่ พวกเขาเลือกซื้อจากในออนไลน์แทน
เรื่องนี้ทำให้ฉินสือโอวเสียใจเป็นอย่างมาก เขาพูดออกมาว่า “ปีที่แล้วโคลงคู่ไม่ดีเหรอครับ? ‘นั่งสักพัก จะช่วยผ่อนคลายจิตใจ’ ‘พักสักหน่อย ก็จะกลายเป็นเทพ’ ออกจะมีสีสัน!”
พ่อของฉินสือโอวถลึงตาใส่เขาแล้วพูดว่า “แต่ไม่ได้มีรสนิยมเลย ทุกคนกลายเป็นเทพกันหมดแล้ว กลิ่นธูปก็แรงมาก”
ฉินสือโอวหัวเราะแหยออกมา ปีที่แล้วเขารู้สึกว่าโคลงที่เขาเลือกนั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่พ่อแม่กลับบอกว่าไม่เหมาะสม บอกได้เพียงว่านี่เป็นเพราะความต่างของอายุ
แต่ว่าเขาก็ยังมีงานอยู่ในมือเหมือนกัน พ่อของเขาให้เขาเข้าไปซื้อเครื่องบรรจุไส้กรอกขนาดเล็กที่มหานครเซนต์จอห์น นี่เป็นประเพณีประจำบ้านเขา ในทุกปีเมื่อถึงวันตรุษจีนจะมีไส้กรอกมากมายหลายรสชาติ มีไส้กรอกถึงจะเรียกได้ว่าเข้าปีใหม่แล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นไส้กรอกทำเอง จึงจำเป็นต้องไปซื้อของจำพวกเนื้อและซอสปรุงรสด้วยตัวเอง จุดเด่นอยู่ที่การปรุงรส ดังนั้นทุกบ้านจะมีรสชาติที่แตกต่างกันไป แต่ก็อร่อยหมดทุกบ้าน
อันที่จริงสองสามปีมานี้ เนื่องจากมาตรฐานค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ ของอย่างไส้กรอกจึงไม่น่าดึงดูดอีกต่อไป
สมัยที่ฉินสือโอวเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ไส้กรอกถือว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดในช่วงตรุษจีน ตอนนั้นเนื้อราคาแพง จึงต้องนำเนื้อแข็งมาใช้ทำไส้กรอก คนธรรมดาทำไส้กรอกกินได้เพื่อฉลองปีใหม่ ซึ่งบางครั้งพวกเขาก็ไม่เต็มใจ
ฉินสือโอวยังจำได้ ก่อนที่เขาจะขึ้นมัธยมต้น ไส้กรอกที่จะกินฉลองตรุษจีนในตอนเด็กของที่บ้านเป็นไส้กรอกนึ่ง ไส้กรอกนึ่งจะมีน้ำซุป ก่อนปีใหม่จะต้องใช้นิ้วจิ้มลงไปในซุปที่อยู่ในซาลาเปาแล้วกินมันเข้าไป ไส้กรอกจะสามารถกินได้เมื่อเข้าสู่ปีใหม่แล้วเท่านั้น
เพราะความทรงจำอันสวยงาม เขาจึงไปยังซูเปอร์มาเก็ตในมหานครเซนต์จอห์นแล้วซื้อเครื่องอัดไส้กรอกมา หลังจากนั้นเขาก็โทรศัพท์หาเหมาเหว่ยหลง ให้เขารีบพาภรรยาและลูกมาที่นี่ เพื่อที่จะเตรียมตัวฉลองตรุษจีนด้วยกัน
ทุกคนกำลังเตรียมของสำหรับขึ้นปีใหม่อย่างขะมักเขม้น ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ แมทธิว จินก็ได้โทรมาหาเขา เขาบอกว่า “เฮ้ ฉิน ลาไปจัดงานแต่งเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
ฉินสือโอวรู้จุดประสงค์ที่เขาโทรมา “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา คุณรัฐมนตรี ผมพร้อมที่จะไปทำงานได้ทุกเมื่อ แต่ว่าดีที่สุดผมขอให้ผ่านตรุษจีนไปก่อน”
เขาไม่ได้สนใจอะไรในพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้องค์กรอยู่ในมือของผู้ที่มีความต้องการแอบแฝงไม่ได้ ในกรณีนี้ การให้เขาไปทำคงจะดีกว่า อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เขาเคยสัญญากับแมทธิว จินไว้ว่า จะดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการในฐานะคนกลาง อย่างน้อยเขาก็ต้องทำตามที่พูด ดังนั้นเขาจึงต้องไปจัดการเรื่องนี้
แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังมีความต่อต้านอยู่ในใจเล็กน้อย ดังนั้นการตอบสนองจึงค่อนข้างอ่อนแรง
เมื่อแมทธิว จินได้ฟังดังนั้น เขาก็พูดกลั้วหัวเราะว่า “ไม่ต้องมาทำงาน เพื่อนยาก นายคิดว่างานเป็นแบบเดียวกับฉันงั้นเหรอ ยังต้องนั่งทำงานอีกเหรอ? ไม่ๆๆๆ ไม่ต้อง นายแค่จัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐก็พอ ทางนี้ให้ผู้ช่วยของคุณจัดการเถอะ งานธรรมดาทั่วไปผู้ช่วยของนายสามารถช่วยนายตัดสินใจได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมา เขาพูดว่า “คุณรัฐมนตรี คุณมีลูกรึยัง?”
แมทธิว จินตอบกลับว่า “แน่นอน ผมมีลูกสองคน คนเล็กสุดของผมอายุมากกว่าคุณห้าปี”
ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความโล่งอก “ผมยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าหากว่าคุณไม่มีลูก งั้นคุณรับผมไปเป็นลูกได้นะ”
แมทธิว จินเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาด้วยความลังเลว่า “ผมไม่แน่ใจว่าคำพูดของคุณเป็นการยกย่องหรือดูถูกกันแน่”
“ผมกำลังคุกเข่าคุยโทรศัพท์อยู่ คุณว่ายังไงล่ะ?”
“โอ้ ฉิน คุณนี่กะล่อนมากขึ้นทุกวันๆ นะ จู่ๆ ผมก็เสียใจที่ผมเลือกคนคนนี้มาเป็นผู้ช่วยของคุณ หวังว่าเธอจะไม่หลงเสน่ห์ไปกับคำพูดหวานๆ ของคุณนะ”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “วางใจเถอะครับ ไม่หรอก ผมรักวินนี่คนเดียว อ้อ เธอเป็นใครเหรอครับ? ส่งข้อมูลของเธอให้ผมหน่อยได้ไหม?”
แมทธิว จินยิ้มออกมา “งั้นก็ดี เรื่องข้อมูลช่างมันเถอะ เป็นคนที่คุณรู้จัก เธอจะไปหาคุณหลังตรุษจีนนะ เท่านี้แหละ ไว้เจอกัน คุณประธานที่รักของผม”
เมื่อได้ยินเสียงตัดสายจากโทรศัพท์ ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมา เขาบ่นพึมพำออกมาว่า “ฉันละเกลียดคนที่พูดอะไรครึ่งๆ กลางๆ เสียจริง แกล้งคนสนุกนักเหรอ? ผู้หญิงคนนี้เรารู้จักงั้นเหรอ? ใครกันนะ”
คิดไปคิดมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว เพราะว่าเขาจำผู้หญิงที่เขารู้จักไม่ได้จริงๆ ใครกันนะที่อยู่ทำงานเป็นข้าราชการในแคนาดา
ชีวิตในฟาร์มช่วงฤดูหนาวไม่มีอะไรมากนัก งานของเหมาเหว่ยหลงตอนนี้คือเอาใจลูกชายที่เอาแต่ร้องไห้และนอนหลับ ใช้ชีวิตทั้งวันอย่างน่าเบื่อ เพราะแบบนี้ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงตรุษจีน เขาจึงรีบพาครอบครัวมาหาฉินสือโอวด้วยความกระตือรือร้น
เหมาเหว่ยหลงไม่ได้มาอย่างไร้จุดหมาย เขาขับรถมาด้วยตัวเอง เขาขับกระบะเชฟโรเลตมา หลังรถเต็มไปด้วยธัญพืชห้าชนิด ยาสูบ แอลกอฮอลล์และเนื้อ ฉินสือโอวเห็นแล้วตกใจเป็นอย่างมาก
“เป็นอย่างไร น่าสนใจพอไหม? ขอปฏิเสธว่าไม่ได้มาหาแกเพื่อกินและดื่มเท่านั้น” เหมาเหว่ยหลงพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
ฉินสือโอวพยักหน้า แล้วชมกลับว่า “เป็นพ่อคนแล้วก็เปลี่ยนไป เชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ มากขึ้น ดี ฉันทำความสะอาดคอกม้าให้แกแล้ว สำหรับของขวัญพวกนี้ เอาไว้ที่ที่แกนอนได้เลย”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะออกมาพลางบอกให้เขาถอยไป หลังจากนั้นเขาก็กอดอุ้มลูกชายราวกับต้องสมบัติ เพื่อให้ฉินสือโอวดู “ดูเร็วเข้า ลูกชายของฉันเป็นยังไง? น่ารักมากเลยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้า “อือ อันที่จริงก็น่ารักมากเลย แต่ทำไมมีกลิ่นแบบนี้ล่ะ?”
“อ้อ เขาคงจะอึอีกแน่เลย เด็กคนนี้กินก็เก่งถ่ายก็เก่ง เพราะเจ้าแม่งเอ๊ย นายรู้สึกไหมว่าฉันผอมลง? ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กินอะไรเลย เพราะทำให้เด็กคนนี้กินหมด!” พอพูดแบบนี้ ใบหน้าของเหมาเหว่ยหลงก็เต็มไปด้วยการแสดงออกที่เกินความจริง และยังมองไปยังฉินสือโอวเป็นครั้งคราวด้วย
พวกเขาทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมเตียงกันมา ฉินสือโอวจะไม่เข้าใจหลานชายคนนี้ได้อย่างไร? มองดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าเขาต้องการสื่อถึงอะไร เขากำลังเยาะเย้ยที่ฉินสือโอวไม่มีลูกชาย
ฉินสือโอวกลับไปและออกมาพร้อมกับหมีขั้วโลก จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างภูมิใจว่า “ฉันหาเพื่อนให้ลูกสาวของฉัน แกละคิดจะหาอะไรให้ลูกชายของตัวเอง?”
เมื่อเห็นลูกหมีขนสีขาว เหมาเหว่ยหลงก็ยอมแพ้ทันที “แกไปกรีนแลนด์ แล้วไปเอาหมีขั้วโลกกลับมาหนึ่งตัวงั้นเหรอ? พระเจ้า งั้นถ้าแกไปแอฟริกา แกไม่พาสิงโตกลับมาด้วยเหรอ?”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าประโยคนี้ค่อนข้างคุ้นหู เหมือนว่าเคยมีใครพูดมาก่อน ดังนั้นเขาจึงคิดว่า ถ้าเช่นนั้นถ้าไปแอฟริกาล่าสัตว์สักรอบ ไม่แน่ว่าอาจจะพาสิงโตกลับมาด้วยก็ได้
เหมาเหว่ยหลงนำเนื้อวัวมาสองกล่อง พอดีสำหรับเอามาทำเป็นไส้กรอก ฉินสือโอวนำเครื่องอัดไส้กรอกออกมา จากนั้นเขาก็ใส่เนื้อลงไป
เหมาเหว่ยหลงเริ่มวิตกกังวลจึงพูดออกมาว่า “นี่เป็นเนื้อวัวชั้นดีทั้งหมด ใช้สำหรับตุ๋นมันฝรั่งและทำเกี๊ยวถึงจะดี น้ำเกรวี่ก็หอมมาก แต่แกใช้มันเพื่อทำไส้กรอก แบบนี้ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?”
………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset