ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1481 ความเย้ายวนของอำนาจ

ในโลกของทะเลน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้มีพืชอย่างสาหร่ายสีน้ำเงิน และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินอาศัยอยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินมีจำนวนมากที่สุด ซึ่งก็คือสาหร่ายหิมะน้ำแข็ง
พวกมันมีอัตราการใช้แสงแดดที่สูงมาก ตอนที่มีแสงแดด มันจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ตอนที่ท้องฟ้ามืดมิดจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแกมน้ำเงิน ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ดูดซับแสงที่มีความยาวคลื่นต่างกันเพื่อสังเคราะห์แสงและอยู่รอดต่อไป
นอกจากนี้แล้ว มันยังสามารถเปลี่ยนสีได้อีกด้วย ในช่วงที่ขั้วโลกใต้เป็นกลางวันตลอด 24 ชั่วโมง สาหร่ายหิมะน้ำแข็งสามารถเปลี่ยนสีเป็นสีเขียว สีแดง สีชมพู และสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีสันสดใสสิ่งเดียวในโลกขาวดำแห่งนี้
เอกสารฉบับนี้มีการวิจัยและตรวจสอบโดยละเอียดเกี่ยวกับสาหร่ายหิมะน้ำแข็งซึ่งเชื่อว่าพวกมันมีความสามารถในการอยู่รอดได้ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือและแปซิฟิกเหนือและสามารถมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของพืชในมหาสมุทรทางเหนือได้
ตามที่ทราบโดยทั่วกัน ช่วงเวลาครึ่งหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือและแปซิฟิกเหนือมีอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียสในรอบหนึ่งปี ซึ่งสำหรับสาหร่ายที่ต้องสังเคราะห์แสงนั้นไม่ถือว่าเป็นอุณหภูมิที่ดี อุณหภูมิต่ำแสดงถึงประสิทธิภาพที่ต่ำตามไปด้วย สาหร่ายจะโตช้า
สำหรับพื้นที่ฟาร์มปลาที่ต้องการพัฒนาอย่างรวดเร็วจำเป็นต้องใช้สาหร่ายจำนวนมากเพื่อให้เป็นพลังงานสำหรับสิ่งมีชีวิตในทะเล ดูอย่างฟาร์มปลาต้าฉิน ตอนนี้ฉินสือโอวถ่ายพลังโพไซดอนให้กับสาหร่ายเป็นจำนวนมากที่สุด
อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของร้านแฟรนไชส์อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน จึงต้องการผลผลิตของปลาในฟาร์มปลามากขึ้นเรื่อยๆ จึงยิ่งจำเป็นต้องให้พวกปลาทะเลโตไวขึ้นเช่นกัน แน่นอนว่าจึงจำเป็นต้องมีสาหร่ายทะเลที่มากขึ้นตามไปด้วย
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ความสามารถในการจัดหาสาหร่ายในฟาร์มปลาใกล้ถึงขีดจำกัด เพราะว่าความสามารถในการขยายพันธุ์และความรวดเร็วในการเจริญเติบโตของพวกมันมีขีดจำกัด พลังของโพไซดอนสามารถทำให้พวกมันใกล้ถึงขีดจำกัดแต่ไม่สามารถทำให้เกินขีดจำกัดได้
ฮิปโปสามารถเจริญเติบโตได้ดีตราบใดที่จัดหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับมัน พวกมันอาจมีขนาดใหญ่กว่าในสภาพธรรมชาติถึง 40% แต่ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเหมาะกับมันแค่ไหนมันก็ไม่สามารถเติบโตได้เท่าแมมมอธ ซึ่งนี่ก็คือขีดจำกัดของสิ่งต่างๆ
สาหร่ายหิมะน้ำแข็งสามารถเปลี่ยนแปลงขีดจำกัดนี้ได้ ขีดจำกัดในการเจริญเติบโตของสาหร่ายท้ายสุดแล้วยังต้องขึ้นอยู่กับอัตราการใช้แสงแดด ซึ่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่สาหร่ายเจริญเติบโตได้ช้าที่สุด แต่สาหร่ายหิมะน้ำแข็งไม่มีปัญหาแบบนี้
สาหร่ายชนิดนี้สามารถเกิดและเติบโตได้ เพราะพวกมันพึ่งพาส่วนประกอบของน้ำในทะเลน้ำแข็งและสารอาหารในการมีชีวิตอยู่ พวกมันใช้แสงแดดในการสังเคราะห์แสง มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับน้ำแข็งและที่ที่มีแสงน้อย บางครั้งก็จะเปลี่ยนสีตัวเอง และมีความสามารถพิเศษที่สุดยอดมากอย่างหนึ่งซึ่งก็คือ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบริเวณสภาพแวดล้อมรอบข้างได้
นอกจากนี้แล้ว จากข้อมูลของเอกสารฉบับนี้บอกว่าสาหร่ายหิมะน้ำแข็งเหมาะสมกับความเค็มในมหาสมุทร อุณหภูมิและปริมาณออกซิเจนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมากอีกด้วย เมื่อพวกมันมาอยู่ในมหาสมุทรจะสามารถเพิ่มปริมาณสาหร่ายในทะเลได้ ทำให้สิ่งมีชีวิตในทะเลมีปริมาณอาหารเพิ่มมากขึ้น
ฉินสือโอวขณะดูเอกสารก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา พูดขึ้น “มีของดีแบบนี้ ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ? ทำไมกรมประมงถึงไม่นำเข้ามาล่ะ?”
ทิญากล่าวอย่างใจเย็น “เพราะว่าการมีอยู่ของสาหร่ายหิมะน้ำแข็ง มีข้อบกพร่องอย่างร้ายแรงนั่นก็คือไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษสูงได้”
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สิ่งมีชีวิตจำนวนมากบริเวณขั้วโลกต่างก็มีปัญหานี้ พวกมันอยู่อาศัยในน้ำที่บริสุทธิ์มาตลอดในแต่ละสมัย วิวัฒนาการใช้แค่อุณหภูมิและสารอาหารเป็นเกณฑ์ในการประเมินเท่านั้น ความสามารถในการต่อต้านมลพิษไม่ได้ถูกเขียนลงในยีนของพวกมัน เพราะว่าพวกมันไม่เคยพบปัญหาเหล่านี้
ตัวอย่างเช่น ปลาค็อดที่ขั้วโลกเหนือ
ทิญาอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า จริงๆ แล้วปัญหาการนำเข้ามาของสาหร่ายหิมะน้ำแข็งมีมาตั้งแต่สมัยปี 1990 ซึ่งกรมประมงของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้เสนอปัญหานี้ในยุคนั้นแล้ว และก็ค้นพบทันทีว่าเมื่อใดที่มันออกจากบริเวณขั้วโลกอัตราการมีชีวิตของมันจะลดลงอย่างมาก
ในสมัยนั้นพวกนักวิจัยไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยในแง่ของมลพิษ คำนึงเพียงปัญหาด้านอุณหภูมิซึ่งเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในน้ำทะเลได้เลย ดังนั้นหัวข้อศึกษานี้จึงสิ้นสุดลง
ฉินสือโอวอ่านด้านล่างต่อก็เข้าใจ ลายเซ็นสุดท้ายของเอกสารนี้คือศาสตราจารย์แซนเดอร์ส ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่เขาค้นคว้าออกมา
“นี่เป็นเอกสารเบื้องต้นที่ศาสตราจารย์ให้ฉันมาค่ะ เขาได้ทำการทดลองที่เกี่ยวข้องในฟาร์มปลาของเราเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยที่สุดฟาร์มปลาของเราก็สามารถนำเข้าสาหร่ายตัวนี้ได้ คุณภาพของน้ำในฟาร์มปลาเราไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย” ทิญากล่าว
ฉินสือโอวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วพูดว่า “ดีมาก ผู้ช่วย เธอมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ฉันจริงๆ ต้องพูดเลยว่า เธอทำได้เจ๋งมาก!”
ทิญาทำท่าย่อเข่าแสดงความเคารพตามแบบหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในยุคกลาง เธอบอกฉินสือโอวเป็นนัยๆ ว่าให้ดูต่อไป “ของขวัญของฉันไม่ได้มีเพียงชิ้นเดียวนะคะ เดิมทีสาหร่ายหิมะน้ำแข็งก็เป็นของที่เหมาะกับฟาร์มปลาอยู่แล้ว ศาสตราจารย์ทำการศึกษามันก็เพื่อฟาร์มปลา ส่วนของขวัญชิ้นถัดมา เป็นของที่ฉันเตรียมให้คุณเองค่ะ”
ฉินสือโอวพลิกไปหน้าถัดไปและก็พบว่ามีสาหร่ายอีกประเภทหนึ่ง สาหร่ายประเภทนี้เรียกว่า ‘สาหร่ายเขียวใบเล็ก’ เขาอ่านข้อมูลตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจว่า “ยังมีสาหร่ายที่สุดยอดแบบนี้อยู่อีกเหรอ?”
สาหร่ายชนิดนี้ก็มาจากดินแดนขั้วโลกเช่นกัน แต่อยู่อีกขั้วของสาหร่ายหิมะน้ำแข็งพอดี ตระกูลของมันอยู่ที่แถบวิคตอเรียที่ขั้วโลกเหนือ
แถบวิคตอเรียจะมีคืนขั้วโลก 4 เดือนในแต่ละปี ประเภทของพืชพันธุ์ที่นี่ก็น้อยมาก สาหร่ายสีเขียวใบเล็กเป็นหนึ่งในพืชพันธุ์เหล่านั้น จุดที่ทรงพลังของมันก็คือ ก่อนที่คืนเดือนมืดจะมาถึง มันสามารถใช้ประโยชน์จากแสงแดดได้เต็มที่ ทำการสังเคราะห์แสงได้เต็มประสิทธิภาพ สังเคราะห์อินทรียวัตถุได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งอินทรียวัตถุนี้นอกจากใช้ในการเจริญเติบโตและพัฒนาแล้ว ส่วนเกินจะถูกขับออกจากร่างกายและเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมทางน้ำที่มันอาศัยอยู่
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สาหร่ายชนิดนี้เหมือนกับหนูแฮมสเตอร์ รู้จักกักเก็บสารอาหาร บริเวณน่านน้ำที่พวกมันอาศัยอยู่เต็มไปด้วยสารอาหาร ซึ่งไม่เพียงแต่เก็บไว้ใช้เอง แต่พืชน้ำชนิดอื่นก็สามารถใช้ได้ แม้กระทั่งได้รับสมญานามว่าพ่อเลี้ยงที่ดีในน่านน้ำบริเวณขั้วโลกเหนือ
ทว่าสำหรับฟาร์มปลานั้น ถ้าจะใช้สาหร่ายสีเขียวใบเล็กจะค่อนข้างยาก เพราะพวกมันเป็นพืชน้ำจืด จึงไม่มีความสามารถในการดำรงอยู่ได้
เมื่อทิญาเห็นสีหน้าผิดหวังของฉินสือโอว ก็รู้เลยว่าเขาอ่านถึงตรงไหนแล้ว จึงบอกว่า “บอส ต้องบอกเลยว่า คุณน่ะไม่มีความอดทน! อ่านต่อไปก่อนสิคะ นี่คือรายงานการวิจัยฉบับหนึ่งทางกรมประมงได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยชีววิทยาทางทะเลหลายแห่งจัดการบำบัดความเค็ม การทดลองประสบความสําเร็จเป็นอย่างมาก”
ใช่แล้ว กรมการประมงของแคนาดาพัฒนาสาหร่ายสีเขียวใบเล็ก โดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม เพิ่มยีนทนทานความเค็มเข้าไปใน DNA ของสาหร่าย ทำให้มันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในน้ำทะเล
เมื่ออ่านรายงานการวิจัยจบ ฉินสือโอวรู้สึกมีความสุขมาก ถ้าไม่เป็นเพราะเขาแต่งงานแล้ว เขามีความคิดที่จะจีบทิญาจริงๆ นักศึกษาหน้าอกใหญ่คนนี้ช่างเป็นผู้ช่วยที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
แต่ฉินสือโอวก็มีข้อสงสัยบางประการ “สาหร่ายชนิดนี้ในเมื่อพัฒนาสำเร็จแล้ว ก็ควรจะมีรายงานไปทั่วสิ ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินข่าวเลยสักนิดล่ะ?”
ทิญายิ้มแล้วช่วยเขาเก็บรายงานเข้าด้วยกัน เธอพูดว่า “การวิจัยเพิ่งได้รับความสำเร็จจึงยังไม่มีรายงานออกมา ฉันก็ได้ข่าวจากศิษย์พี่ท่านหนึ่งที่มีตำแหน่งสูงในงานทดลอง ถึงได้รายงานฉบับนี้ออกมา”
ฉินสือโอวถามต่อ “แล้วศิษย์พี่ของเธอได้บอกไหมว่า กรมประมงจะส่งเสริมให้สาหร่ายประเภทนี้เข้าสู่ฟาร์มปลาเมื่อไร?”
ทิญาบอก “พวกเราทำไมต้องรู้ว่าเมื่อไรด้วยเหรอ? พวกเราแค่รู้ว่ามีของประเภทนี้ที่สามารถนำประโยชน์มหาศาลมาให้ฟาร์มปลา ก็น่าจะพอแล้วนี่คะ พวกเราเป็นพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ มีคุณสมบัติที่จะได้สิทธิ์ในการใช้ประโยชน์จากสาหร่ายนี้ก่อน!”
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ทิญาพูดต่อ “อย่าดูถูกอำนาจของตัวเองนะบอส เพราะจากนี้เป็นต้นไป คุณเป็นผู้นำเจ้าของฟาร์มปลาในแคนาดาทั่วทั้งหมดแล้วนะคะ!”
………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset