ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 204 สิ่งนี้ต่างหากที่ฉันต้องการ

บทที่ 204 สิ่งนี้ต่างหากที่ฉันต้องการ
โดย
Ink Stone_Fantasy

หากไม่มีเงินมัดจำก้อนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฉินสือโอวจะให้เบลคและอลันเป็นคนจัดการกับเงินเหล่านี้ เงินจำนวนหนึ่งร้อยตัน เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองทรยศต่อมิตรภาพระหว่างพวกเขากับฉินสือโอว จากนั้นก็แตกคอกัน
หลังรับประทานอาหารกลางวัน ฉินสือโอวได้ไปพบบิลลี่ บิลลี่พูดล้อเล่นอะไรนิดหน่อย แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่า เงินของนายไม่ต้องให้ฉันเป็นคนจัดการแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวหัวเราะ ทายาทเศรษฐีเหล่านี้ฉลาดกว่าตัวเองมาก แม้บิลลี่มักจะทำตัวเรื่อยเฉื่อย วินนี่เองก็บอกว่าเขาเป็นเพลย์บอย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้โง่
“มันไม่มีผลกระทบต่อการร่วมมือของเรา” ฉินสือโอวกล่าว “บันทึกของกัปตันเรือดังเคิลออสเตียสให้พวกนายเป็นของขวัญได้ ไม่ใช่ปัญหาอะไร”
บิลลี่ทำหน้าดีใจและถามว่า “เงื่อนไขล่ะ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “มีสองข้อ ข้อหนึ่ง ผลประโยชน์ที่พวกนายได้รับหลังจากการเจรจากับรัฐบาลสเปน ฉันขอ 15% ข้อสอง ฉันต้องการถือหุ้นบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอกซ์พลอเรชั่นอย่างน้อย 10% เรื่องราคาหุ้นนั้นพวกนายเสนอมาเถอะ”
เมื่อได้ยินเงื่อนไขสองข้อนี้ บิลลี่ทั้งตกใจและสงสัย เขาส่ายหน้าอย่างแรงและพูดว่า “ไม่ๆๆ ฉิน ฉันยอมรับว่านายเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่เงื่อนไขสองข้อนี้ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้หรอก อีกอย่างที่ฉันสงสัยคือ ทำไมนายจึงต้องการซื้อหุ้นบริษัทของเราล่ะ? ฉันคิดว่า นายไม่ได้ขาดแคลนด้านการเงินนะ”
ฉินสือโอวหัวเราะ “นายต้องเข้าใจก่อน บิลลี่ พรรคพวกของฉัน ในโลกนี้ไม่มีใครไม่ขาดแคลนด้านเงิน บิล เกตส์และบัฟเฟตต์ต่างก็ขาดแคลนเงินเช่นกัน หากพวกนายไม่ยอมรับเงื่อนไขสองข้อนี้ มันน่าเสียดายมากจริงๆ ”
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ฉินสือโอวก็เคยสงสัย โอดิสซีย์อยากได้บันทึกเล่มนี้ไปทำไมกัน? เพื่อฟ้องรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่บันทึกเล่มนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานชั้นต้นหรือเปล่า หากฟ้องร้องขึ้นมาจริงๆ รัฐบาลสเปนเพียงปฏิเสธเรื่องนี้ก็สิ้นเรื่อง พวกเขาจะยอมจ่ายเงินให้รัฐบาลสหรัฐ 4 ล้านตันจริงเหรอ?
หลังจากที่เขาบอกเรื่องนี้กับเออร์บัก ชายชราบอกเขาว่า โอดิสซีย์ไม่ฟ้องสเปนจริงหรอก พวกเขาจะเก็บหลักฐานนี้ไว้เพื่อไปเจรจากับรัฐบาลสเปน
เนื่องจากสมบัติส่วนหนึ่งของเรือรบเมอซี่ที่พวกเขากู้ขึ้นมาได้ ยังคงเก็บไว้ในตู้นิรภัยของโอดิสซีย์ ซึ่งยังไม่ได้ถูกรัฐบาลสเปนยึดไป
ไม่ได้เป็นเพราะว่ารัฐบาลสเปนไม่ต้องการเอามันไป แต่เป็นเพราะว่าสมบัติที่เหลือไม่เกี่ยวข้องกับเหรียญทองและเหรียญเงินในเรือ เหรียญทองและเหรียญเงินเหล่านั้นเป็นเปโซที่เป็นสกุลเงินสเปนในตอนนั้น ซึ่งถือเป็นของของรัฐบาลเก่าสเปน
สมบัติที่เหลือนั้น โดยมากเป็นงานศิลปะทอง เงิน ทองแดง ดีบุก และเหล็ก เป็นสิ่งที่กองทัพเรือสเปนปล้นมาจากชนพื้นเมืองในขณะนั้น ตาม ‘กฎหมายระหว่างประเทศ’ ในปัจจุบัน ของเหล่านี้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากรัฐบาลสเปนต้องการได้คืน มันจะไม่ง่ายเหมือนเหรียญทองและเหรียญเงิน จำต้องดำเนินคดีต่อไปอีกนาน
และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะหรือแพ้คดีนี้ โอดิสซีย์และรัฐบาลสเปนอยู่ในสองฝั่งของคันชั่ง บันทึกนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงความสมดุลของคันชั่งได้
ต้องเข้าใจว่า คดีนี้ถูกดำเนินในชั้นศาลฎีกาของสหรัฐอเมริกา หากให้ชาวอเมริกันรู้ว่าช่วงก่อตั้งประเทศพวกเขาถูกชาวสเปนปล้นเงินไปจำนวนสี่ร้อยตัน รัฐบาลสเปนจะชนะคดีนี้ได้อีก ถือว่าเทพจริงๆ!
บิลลี่พยายามทุกวิถีทางในการพูดโน้มน้าวฉินสือโอว แต่มันก็สูญเปล่า หากฉินสือโอวไม่รู้เรื่องเลยก็ว่าไปอย่าง ถือโอกาสแสดงน้ำใจก็เพียงพอ  แต่ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความสำคัญของบันทึกนี้แล้ว จะให้ชาวอเมริกันเอาไปอย่างง่ายดายเหรอ? ฝันไปเถอะ!
ทั้งสองเจรจากันจนถึงช่วงโพล้เพล้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ท้ายที่สุดบิลลี่ก็ทนไม่ไหว เริ่มโทรศัพท์หาใครสักคน และพูดว่า  “เรื่องผลประโยชน์ 15% นั้น เป็นไปไม่ได้หรอก พูดกันตามตรง พรรคพวก เครื่องเงินและเครื่องทองที่เหลือมีมูลค่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐ เราไม่มีทางให้เงิน 15 ล้านกับนายเปล่าๆ เงิน 15 ล้านเชียวล่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้นแปลว่าพวกนายเตรียมตัวทำสงครามยาวกับรัฐบาลสเปนใช่ไหม”ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ไว้พบกันใหม่ บิลลี่ หวังว่าจะมีโอกาสร่วมงานกันในอนาคต อีกอย่าง หากพวกนายต้องการทนายความที่เก่ง ฉันขอแนะนำคุณเออร์บัก”
บิลลี่รีบพูดขึ้นว่า “อย่ารีบร้อยสิ ฉิน ฉันยังไม่ได้พูดว่าเราร่วมมือกันไม่ได้ ผลประโยชน์ 15% สูงเกินไป อย่างมากสุดก็ได้แค่ 10% ส่วนเรื่องที่นายต้องการเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของโอดิสซีย์ มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ เพราะเราเป็นธุรกิจครอบครัว ไม่สามารถให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงได้”
“ถ้าอย่างนั้นขอ 15% ฉันไม่เข้าไปเป็นคณะกรรมการของพวกนายก็ได้ นี่คือขีดจำกัดของฉัน หากนายต้องการเจรจาต่อ ฉันขอให้นายเลิกคิดเถอะ ปัญหาอธิปไตยไม่สามารถเจรจากันได้!”ในตอนท้ายฉินสือโอวได้ใช้คำพูดคำหนึ่งของเติ้ง เสี่ยวผิง
บิลลี่จะร้องไห้แล้ว นี่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องอำนาจอธิปไตยยังไง? เขาเตรียมจะโทรหาใครสักคนอีกครั้ง ฉินสือโอวส่งเอกสารฉบับหนึ่งให้เขา และพูดว่า “ดูให้แน่ชัด สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ดีกับพวกนายเท่าไร หากไม่มีบันทึกกัปตันเล่มนี้ ฉันคิดโอกาสที่พวกนายจะรักษาร้อยล้านดอลลาร์นี้ได้มีเพียง 20% เท่านั้น”
เอกสารฉบับนี้ เป็นสรุปที่เออร์บักใช้เวลารวบรวมหนึ่งวันเต็ม เขาใช้ความสัมพันธ์ระหว่างศาลฟลอริดาและศาลฎีกา ได้รับข้อมูลที่มีค่ามาบางส่วน
อีกอย่าง บิลลี่ไม่ได้บอกความจริงกับเขา หลังจากที่โอดิสซีย์กู้สมบัติที่อยู่ในซากเรือรบเมอซี่ขึ้นมานั้น ตีเป็นมูลค่าได้ 490  ล้าน ทองคำและเงินเปโซที่รัฐบาลสเปนขอคืนมีมูลค่าเพียง 350 ล้าน ซึ่งหมายความว่า ของที่อยู่ในมือของพวกเขายังมีมูลค่าอย่างน้อย 140 ล้าน
บิลลี่ได้โทรออกอีกหลายสาย ฉินสือโอวเองก็กำลังโทรหาเออร์บักให้ร่างสัญญา เขามั่นใจว่าบิลลี่จะต้องยอมรับเงื่อนไขของเขาอย่างแน่นอน เนื่องจากการกู้เรือรบเมอซี่นั้นใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้บัญชีของโอดิสซีย์เกิดการขาดดุล พวกเขาต้องรับรองเครื่องทองและเครื่องเงินที่เหลือ และบันทึกกัปตันเล่มนี้ก็เป็นหลักประกันที่ดีที่สุด
สุดท้าย บิลลี่วางโทรศัพท์ลง พูดอย่างจนปัญญาว่า “ผลสรุปจากคณะกรรมการบอกว่า หากบันทึกเล่มนี้เพียงพอที่จะเป็นหลักฐาน เราสามารถแบ่งโบนัสให้นาย 14% นี่เป็นขีดจำกัดของเรา… ให้ตายเถอะ 14%! ฉิน 14% ฟัค โบนัสที่ฉันได้ไม่เคยเกินกว่า 2%!”
“หากฉันจะบอกว่า ฉันจะนำโบนัส 2% จาก 14% ให้นาย นายคิดยังไง?”ฉินสือโอวหัวเราะ
ดวงตาแดงก่ำของบิลลี่หายแดงในทันที เขามองฉินสือโอวด้วยความงุนงงพักหนึ่ง จึงหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “นายกำลังล้อเล่นกับฉัน ฉิน ฮ่าๆ เรื่องล้อเล่นนี้ ไม่ตลกสักเท่าไร”
ฉินสือโอวพูดว่า “ฮ่าๆ เรื่องล้อเล่นจริงๆ แต่ฉันเองก็จะแบ่งเงินส่วนหนึ่งให้นายน่ะ อาจจะเป็น 1% แต่ก็ไม่น้อยแล้วนะ เงินล้านเชียวล่ะ ใช่ไหมล่ะ?”
“ทำไมล่ะ?” บิลลี่รู้สึกได้ถึงความจริงจังของฉินสือโอว เพราะเขาได้ให้กับเออร์บักเขียนข้อนี้ในสัญญาร่างในโทรศัพท์แล้ว
ฉินสือโอวไม่ได้ตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่พูดว่า “บิลลี่ นายอยากรู้หรือไม่ ว่าฉันหาเรือดังเคิลออสเตียสเจออย่างไร?”
บิลลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “พูดตามตรง ฉันอยากรู้มาก เพราะเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ฉันชื่อว่า รัฐบาลสเปนเองก็ไม่สามารถรู้พิกัดของมันได้ เพราะความลับนี้น่ากลัวเกินไป ควรปล่อยให้มันถูกฝังใต้มหาสมุทรตราบนานเท่านาน”
เมื่อเห็นว่ายังพอมีแสงสว่างหลงเหลืออยู่บ้าง ฉินสือโอวพาบิลลี่ขึ้นเทพเจ้าสายฟ้ามืดและมุ่งตรงไปยังมหาสมุทร เมื่อเผชิญกับแสงอาทิตย์สนธยา เขาลุกขึ้นยืนบนเจ็ตสกี และเริ่มผิวปากอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ใบหน้าของบิลลี่เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่นาน ก็เริ่มมีระลอกคลื่น ธนูน้ำคันหนึ่งพุ่งทะลุออกมาจากผิวน้ำ กระทั่งฉินสือโอวเปียกไปทั้งตัว
จากนั้น เขาตกใจเมื่อเห็นวาฬเบลูกาตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากน้ำ ครีบทั้งสองของมันตบกับผิวน้ำ ร่างของมันตั้งตรงอยู่ในน้ำ มันอ้าปากและส่งเสียงร้องมาทางฉินสือโอว “อู้ว อู้ว!”
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset