ลูกสุนัขพวกนี้ตัวอ้วนกลมน่ารักใช้ได้อยู่ แต่ละตัวราวกับลูกบอลที่กลิ้งไปกลิ้งมา สีขนของพวกมันผสมกันไปหมด สีขาวดำลายพรางเทาเหลือง มีแทบทุกสี บางตัวหูเล็กบางตัวหูใหญ่ ร่างกายไม่มีจุดเด่นอะไร แต่ฉินสือโอวมองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้ว นี่น่ะคือหมาพื้นเมืองจีน
คนที่โตในหมู่บ้านทำสวนทุกคนล้วนมีความสามารถนี้ สุนัขพื้นเมืองมีเอกลักษณ์ที่เด่นมาก คนที่เคยเลี้ยงมองแค่ปราดเดียวก็สามารถดูพันธุ์ของมันออกได้
ฉินสือโอวยังคิดว่าเป็นสายพันธุ์ดุร้ายพันธุ์ไหนเสียอีก อุตส่าห์ตั้งตารอ สุดท้ายกลับกลายเป็นแค่สุนัขพื้นเมืองเสียนี่ เขาล่ะอยากจะเหวี่ยงหมัดใส่พี่เสียวหม่าเสียจริง
ก่อนหน้านี้ เขายังนึกว่าพี่เสียวหม่ามีปัญหาเรื่องไอคิว แต่ตอนนี้คนที่มีปัญหาน่าจะเป็นตัวเขาด้วยนะ เขาน่ะคือโง่แต่ทำตัวฉลาด ถึงขนาดปั่นหัวคนฉลาดอย่างเขาจนหมุนเลย
พี่เสียวหม่ายิ้มแล้วพูดว่า “พี่ชาย แม้ว่านี่คือสุนัขพื้นเมือง แต่ฉันรับปากนายได้เลย นี่น่ะคือพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ในพันธุ์พื้นเมืองแน่นอน ตอนนี้พวกมันยังเล็กอยู่ ถ้าโตแล้วนี่เก่งกาจมากเลยนะ เจ้าฝูงนี้น่ะสามารถล้มหมีควายได้เลยไม่มีปัญหาแน่นอน!”
ยังจะบอกว่าล้มหมีควายได้อีก สุนัขพื้นเมืองพวกนี้เนี่ยนะจะสามารถเฝ้าบ้านได้ — ฉินสือโอวคิดถึงตรงนี้แล้วก็ได้สติกลับมา ตัวเองอยู่ที่เกาะแฟร์เวลนานไปทำให้บื้อไปแล้ว เป้าหมายของเขาคือหาสุนัขไปเฝ้าบ้านนะ แค่สุนัขพื้นเมืองก็พอแล้วนี่นา ทำไมต้องซื้อพันธุ์ดุร้ายอะไรด้วย?
อีกอย่าง ใช้พลังเทพแห่งท้องทะเลพัฒนาร่างกายสุนัขพื้นเมืองพวกนี้เสียหน่อย ก็จะกลายเป็นฝูงสุนัขดุร้ายฝูงหนึ่งแล้ว!
หลังจากคิดได้แล้ว ฉินสือโอวก็ไม่โกรธอีกต่อไป เขาถามว่า “แล้วลูกสุนัขพื้นเมืองพวกนี้ราคาเท่าไร?”
พี่เสียวหม่าถามอย่างระมัดระวังว่า “แล้วนายจะเอาเท่าไหร่?”
ฉินสือโอวขี้เกียจยืดเยื้อกับเขา จึงยื่นนิ้วออกไปสองนิ้ว ความหมายก็คือยี่สิบตัว
พี่เสียวหม่าเข้าใจผิดแล้ว พูดว่า “สองตัว? งั้นไม่ได้หรอกนะ สองตัวอยู่ด้วยกันแล้วจะทะเลาะกันนะ”
ฉินสือโอวหัวเราะ รู้สึกว่าแม้พี่เสียวหม่าคนนี้จะชอบคุยโวก็จริง แต่ไม่ถือว่าเป็นคนขาดคุณธรรม ถือว่าเขายังพอมีจิตใจดีงามอยู่กับเขาบ้าง รู้จักบอกคนซื้อด้วยว่าซื้อสุนัขแค่สองตัวสามารถทะเลาะกันได้ง่าย
เขากำลังจะบอกว่ายี่สิบตัว พี่เสียวหม่าก็รีบเสริมมาอีกว่า “หรือไม่นายซื้อสามตัวสิ ถ้าเจ้าสองตัวนั้นทะเลาะกันแล้วล่ะก็จะได้มีอีกตัวไปคอยห้าม ซื้อสี่ตัวก็ดีนะ ถึงตอนนั้นสองตัวตีกันอีกสองตัวดึงไว้ อย่างไรก็ทะเลาะกันไม่ได้หรอก”
ฉินสือโอวมองไปที่พี่เสียวหม่าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ในใจคิดสงสัยว่าเจ้าหมอนี่จงใจแกล้งโง่เพื่อแกล้งเขาหรือเปล่า?
แต่พี่เสียวหม่าเต็มไปด้วยสีหน้าไร้เดียงสามาก รู้สึกเหมือนจะพูดจากใจจริง
ฉินสือโอวไม่อยากเสียเวลา เขานับๆ ดูในนี้มีลูกสุนัขทั้งหมดยี่สิบสี่ตัว พื้นที่อ่างเก็บน้ำก็ใหญ่ เลี้ยงเยอะหน่อยก็ปลอดภัยดี
นอกเหนือจากนี้ บนตัวของพี่เสียวหม่าคนนี้มีพลังงานที่แปลกมากอย่างหนึ่ง นั่นก็คือความน่ารักแบบซื่อบื้อ ไม่ทำให้คนรำคาญได้ง่ายๆ ทำให้ท่านชายฉินรู้สึกว่าคนแบบเขาเหมาะที่จะไปทำงานพวกโปรโมตสินค้าเอามากๆ ให้ตายเถอะจะต้องทำได้ดีจนตั้งเนื้อตั้งตัวได้เลยแหละ
“พอแล้ว ไม่มีเวลามาเล่นกับพี่แล้ว ลูกสุนัขพวกนี้ผมเอาหมดเลย ไม่เลือกด้วย ทั้งหมดให้พี่สองพันหยวน โอเคหรือเปล่า?” ฉินสือโอวพูด ลูกของสุนัขพื้นเมืองตัวละเจ็ดแปดสิบหยวนก็ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างดีแล้ว ความจริงถ้าคนในหมู่บ้านมีสุนัขพื้นเมืองคลอดลูกออกมาล่ะก็ ล้วนไม่คิดเงินกันทั้งนั้น
ที่ตกลงยอมซื้อลูกสุนัขพวกนี้ เพราะฉินสือโอวเห็นว่าขนของพวกมันเงางามมาก เลยรู้สึกว่าลูกสุนัขพวกนี้ถูกดูแลได้ไม่เลวเลย ให้ตัวละห้าสิบหยวนก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่
พี่เสียวหม่าลังเลอยู่สักพัก พึมพำว่า “เอาอย่างนั้นก็ได้ ขายเหมาให้นายนี่นา ถูกหน่อยก็ได้”
เขาไปหากล่องกระดาษมากล่องหนึ่ง ฉินสือโอวไปจ้างรถสามล้อมาคันหนึ่ง เอาพวกลูกสุนัขยัดเข้าไป ตอนอยู่ข้างในพวกมันไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว แต่จ้องตาโตที่ดำขลับนั้นมาที่เขาแล้วมองอย่างกลัวๆ
ฉินสือโอวไปซื้อขนมผิงและคุกกี้มาจำนวนหนึ่ง หลังจากเปิดถุงแล้วก็นำมาวางไว้บนมือป้อนพวกมัน พวกลูกสุนัขดูราวกับฝูงลูกไก่ที่กรูกันเข้ามาแย่งอาหาร พากันยื้อแย่งอาหารพวกนี้กันสุดฤทธิ์
หลังจากป้อนให้พวกมันแล้ว ความรู้สึกที่พวกลูกสุนัขมีให้กับฉินสือโอวเหมือนจะดีขึ้นอย่างมาก แต่ละตัวพากันสะบัดหางอย่างดีใจแล้วมองมาที่เขา เขายื่นมือไปเท่านั้นพวกมันก็พากันกรูเข้ามาใช้ลิ้นเลียไปที่ฝ่ามือของเขา
“พวกมันสนิทกับนายจัง นี่แหละที่เรียกว่าพรหมลิขิตล่ะ!” เสียงทุ้มหยาบของพี่เสียวหม่าดังขึ้นมา
ฉินสือโอวหันหลังกลับไปมอง เจ้าหมอนี่กำลังเทขนมผิงลงไปในปากแล้วกินอย่างดีอกดีใจอยู่
“ให้ตายสิ ฉันป้อนให้หมาแต่พี่ก็อิ่มไปด้วยเหรอ?” ท่านชายฉินกลอกตาอย่างจนปัญญา ขึ้นรถแล้วออกจากที่นี่ไป
ตอนผ่านซอยสัตว์เลี้ยง มีคนโบกมือให้เขา ฉินสือโอวมองดูดีๆ ที่แท้เป็นเถ้าแก่ร้านสัตว์เลี้ยงที่เขาดูร้านแรกนั่นเอง จึงให้คนขับลดความเร็วลง แล้วถามเขาว่ามีเรื่องอะไร
คนคนนั้นก็ทำท่าเหมือนคนขายเฮโรอีน ขึ้นรถมาอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า “พี่ชาย นายจะเอาสุนัขดุไม่ใช่เหรอ? ที่บ้านเพื่อนผมมีลูกสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง รับรองว่าตรงกับความต้องการของนายแน่นอน”
ที่ฉินสือโอวได้มีสุนัขพื้นเมืองตั้งฝูงหนึ่งแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเอาสุนัขดุอีก จึงพูดเล่นกลับไปว่า “สุนัขดุร้ายตัวนั้น คงไม่ใช่เป็นสุนัขพื้นเมืองของจีนใช่ไหมครับ?”
เถ้าแก่คนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จะใช่ได้อย่างไร? นั่นน่ะเป็นพันธุ์ร็อตไวเลอร์เลยนะ ทั้งภักดีทั้งดุดัน เป็นตัวเลือกที่ดีในการเอาไปเฝ้าบ้านแน่นอน”
เมื่อได้ฟังคำนี้แล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มสนใจขึ้นมา ร็อตไวเลอร์เป็นสุนัขดุร้ายจริงๆ แถมยังเป็นสุนัขดุร้ายที่ฉลาดและเชื่อฟังอีกต่างหาก ร็อตไวเลอร์ที่โตเต็มตัวจะมีร่างกายที่กำยำ เคลื่อนไหวได้ว่องไว และมีนิสัยที่ดุดันมาก เป็นหนึ่งในสุนัขที่ทั้งกล้าหาญและทรงพลังที่สุดในโลกตัวหนึ่งเลย
สุนัขพันธุ์นี้เมื่อก่อนถูกใช้ให้เป็นสุนัขต้อนวัวควาย เป็นผู้ช่วยที่ดีของพวกลูกวัว ปัจจุบันพวกมันมักจะถูกใช้เป็นสุนัขตำรวจและสุนัขทหาร เพราะว่าพวกมันมีพรสวรรค์ในการเป็นตำรวจมาตั้งแต่เกิด ยิ่งไปกว่านั้นสุนัขพันธุ์นี้ยังมีตำนานอีกด้วย เห็นว่าในช่วงกลางศตวรรษมีโจรขโมยชุมมาก เหล่าพ่อค้าในยุโรปที่ต้องทำมาค้าขายในตลาดเพื่อที่จะเลี่ยงการถูกปล้นชิงทรัพย์ ได้นำถุงเงินไปห้อยไว้บนคอของร็อตไวเลอร์ด้วย
แต่ทว่าตอนนี้มีลูกสุนัขพื้นเมืองอยู่ฝูงหนึ่งแล้ว จะเพิ่มร็อตไวเลอร์อีกตัวหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่อง หลังจากเขาคิดทบทวนสักพักแล้วก็ส่ายหัวปฏิเสธไป
เถ้าแก่คนนั้นอยากจะพูดโน้มน้าวเขาให้ซื้อให้ได้ ฉินสือโอวจึงเปิดกล่องออกให้เขาดู พูดว่า “ผมแค่จะเอาไปเฝ้าบ้านเฉยๆ ตอนนี้ได้มีสุนัขเยอะขนาดนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มร็อตไวเลอร์แล้วครับ”
เถ้าแก่ยื่นหน้ามามอง หัวเราะร่าออกมาแล้วพูดว่า “น้องชาย นายล้อฉันเล่นเหรอ? นี่น่ะเป็นสุนัขพื้นเมืองนะ นายคงไม่ได้ถูกคนหลอกหรอกใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพูดอย่างหัวเสียว่า “สุนัขพื้นเมืองแล้วอย่างไร? บ้านผมใช้สุนัขพื้นเมืองมาเฝ้าบ้านยี่สิบกว่าปีแล้ว ดีใช้ได้เลย”
เถ้าแก่คนนั้นพูดเห็นด้วยกับคำพูดของเขาว่า “นายพูดถูก น้องชาย สุนัขพื้นเมืองก็ยังเป็นสุนัขอยู่ เป็นสุนัขที่ดีเหมือนกัน แต่ว่าคำโบราณว่าไว้ถูกมากนะ รถไฟจะวิ่งเร็วหรือเปล่าต้องพึ่งหัวรถไฟ งูจะไม่มีหัวก็ไม่ได้ สุนัขของนายฝูงนี้ จะต้องมีลูกพี่ด้วยสิ”
ฉินสือโอวบอกว่าเขาพูดไร้สาระ เขาไม่สนใจ แต่สุดท้ายเถ้าแก่ก็ขอร้องให้เขาไปดูก่อน ลูกสุนัขตัวนั้นได้ส่งมาที่ร้านเขาแล้ว รูปร่างดุดัน ขนบนตัวมีสีดำเหลืองเป็นหลัก หน้าอกมีขนสีเหลืองรูปร่างราวกับสายฟ้าอยู่สองเส้น อายุยังน้อยก็สามารถมองเห็นถึงความน่าเกรงขามแล้ว
ฉินสือโอวหยิบเงินมาแปดพันหยวน ซื้อลูกสุนัขตัวนี้กลับไปด้วย เขารู้สึกว่าที่เถ้าแก่พูดมาก็ถูก ลูกสุนัขพื้นเมืองแม้จะไม่เลว แต่ว่าก็ไม่ฉลาดเท่าร็อตไวเลอร์ การมีร็อตไวเลอร์ตัวหนึ่งเป็นพี่ใหญ่จะยิ่งดีกว่า
ในบรรดาสุนัขทั้งหมด ร็อตไวเลอร์คือหนึ่งในสายพันธุ์ที่ดีที่สุด แต่ว่าเพราะราคาของพวกมันมักจะค่อนข้างสูง ทำให้ในชนบทมีคนเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้กันน้อยมาก มันยังมีจุดเด่นอีกเรื่อง นั่นก็คือตอนเด็กจะเหมือนกับสุนัขพื้นเมืองมาก ฉินสือโอวเอามันไปใส่ไว้ในกล่อง พวกลูกสุนัขพื้นเมืองไม่มีการแบ่งพวกเลย ยังนึกว่ามันเป็นน้องชายที่พลัดพรากไปเสียอีก พากันมาเลียมันเพื่อต้อนรับมันกลับมา
…………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1566 ลูกพี่ใหญ่
Posted by ? Views, Released on January 2, 2022
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!