ฝูงโลมากลุ่มนี้ล้วนเป็นโลมาปากขวดทุกตัว ซึ่งน่าจะเป็นฝูงโลมาที่หลงมาฟาร์มปลาตั้งแต่ยังเป็นลูกโลมาตอนไหนสักตอน พวกมันได้ยินเสียงเรียกของบีน จึงต่างว่ายมาหา เพื่อทำเซอร์ไพรส์ให้กับฉินสือโอว
วินนี่ที่โต้คลื่นอยู่ด้านหลัง หัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา ต่อให้น้ำทะเลซัดเข้าหาขนาดไหน ก็ยังคงมีเสียงหัวเราะของเธอเสมอ
ช่างเป็นเรื่องที่เกินคาดจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีฝูงโลมากระโดดตามหลังเธอไปมา
โต้คลื่นเป็นกีฬาที่กินแรงมาก ฉินสือโอวคิดว่าวินนี่น่าจะหมดแรงแล้วจึงลดความเร็วของเจ็ทสกี แล้วพาเธอขึ้นมาบนเรือ แต่ฝูงโลมายังสนุกอยู่จึงล้อมเรือไว้ไม่อยากให้พวกเขาจากไป
แต่พอผ่านไปสักพัก ฝูงโลมาอยู่ดีๆ ก็ว่ายหายไปกันเอง ฉินสือโอวใจเต้นระส่ำ นึกว่าเฮยป้าหวังมาแล้วทำให้ฝูงโลมาตกใจจนจากไป แต่ปรากฏว่าเมื่อเขามองไปบริเวณรอบๆ กลับพบว่าเป็นฝูงเต่าทะเล!
ใช่แล้ว ปู่นิโคลัส กูสพาฝูงเต่ามะเฟืองกลับมาแล้ว!
ปีนี้ฝูงเต่าถือว่ากลับมาช้าไปหน่อย เพราะอย่างปีที่แล้วกลางเดือนเมษายนพวกมันก็กลับมาแล้ว แต่ปีนี้ช้าไปหนึ่งเดือน
แต่เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เต่าทะเลเหล่านี้ถูกเฝ้าดูด้วยเรือสังเกตการณ์หลายลำในช่วงที่พวกมันพักระหว่างทาง รั้งพวกมันเอาไว้ช่วงเวลาหนึ่งเพื่อทำการวิจัย โดยหลักๆ ก็คือทำการตรวจสอบและสำรวจการขยายพันธุ์และการเจริญเติบโตของฝูงเต่ามะเฟือง
เนื่องด้วยการปกป้องของฉินสือโอวจึงทำให้จำนวนของฝูงเต่ามะเฟืองเพิ่มมากขึ้น แค่ฝูงเต่าที่อยู่ด้านหน้านี้ ก็มีจำนวนเต่าขนาดกลางและใหญ่ถึงสามสี่ร้อยตัวแล้ว ซึ่งยังมีเต่าขนาดเล็กอีกจำนวนมาก
แม่เต่าทะเลแต่ละตัวที่ด้านหลังของมันจะมีลูกเต่าทะเลเกาะอยู่ อย่างน้อยก็มี 2-3 ตัว แต่ถ้าอย่างมากก็มีมากถึง 10 กว่าตัว…
ลุงกูสมีความรู้สึกไวต่อพลังโพไซดอนมาก มันจึงสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของฉินสือโอว และค่อยๆ ว่ายกระดึ๊บๆ มา
เต่ามะเฟืองตัวเต็มวัยจะมีลำตัวใหญ่มาก ถือว่าเป็นเต่าที่ใหญ่ที่สุดในธรรมชาติประเภทหนึ่ง เมื่อพวกมันว่ายโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แต่ละตัวมีลักษณะเหมือนเกาะเล็กๆ เรียงรายกันไป ดังนั้นเมื่อมีเต่ามะเฟืองโผล่เหนือผิวน้ำขึ้นมา 10 กว่าตัว ก็เหมือนกับมีเกาะปรากฏขึ้นมา 10 กว่าเกาะ
ช่างภาพแต่ละคนต่างส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง ฉินสือโอวขับเจ็ทสกีให้มาใกล้ๆ ลุงกูส เขาพูดว่าวินนี่ว่า “คุณค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนหลังมันนะ เดี๋ยวมันจะพาคุณไปเอง”
วินนี่เคยให้อาหารฝูงเต่ามะเฟือง จึงคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าถึงหน้าตาพวกมันจะดูน่าเกลียดน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วฉลาด และเชื่อฟังมาก ยังแข็งแกร่งกว่ามาสเตอร์ที่นิสัยเสียกว่ามาก และไม่สนใจด้วยว่าใครจะนั่งอยู่บนหลังมัน ซึ่งต่างจากมาสเตอร์ ที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้เลย ยกเว้นก็แต่ฉินสือโอว
วินนี่ก้าวขึ้นไปบนหลังเต่าลุงกูสอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ข้างบนหลังมัน
หัวของลุงกูสยังคงกระตุกอยู่ ซึ่งเรื่องนี้คงต้องโทษบิลลี่ เพราะตอนนั้นไฟฟ้าช็อตเต่าลุงกูส จึงกลายเป็นผลข้างเคียงในเวลาต่อมา แต่ทว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะด้วยท่าทางการขยับที่ประหลาดของมันในที่ประชุมสมาคมพิทักษ์สัตว์แห่งโลกจึงทำให้มันโด่งดังขึ้นมา และมีแฟนคลับติดตามอยู่จำนวนหนึ่ง
โดยไม่ต้องมีคำสั่งของฉินสือโอวแต่อย่างใด เจ้าเต่าลุงกูสก็ว่ายพาวินนี่ขึ้นฝั่งโดยไม่ทำให้อับอาย
ฉินสือโอวจึงให้พวกชาวประมงออกเรือแล้วใช้แหในการจับแมงกะพรุน เพื่อเป็นอาหารกลางวันให้ลุงกูส
เมื่อแมงกะพรุนถูกปล่อยออกมา เต่ามะเฟืองแต่ละตัวก็ค่อยๆ เข้าไปจับกินอย่างช้าๆ วินนี่พูดอย่างมีความสุขว่า “คุณดูสิ พวกมันเป็นสุภาพบุรุษมาก”
ฉินสือโอวเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้ว่าพูดต่อว่าอะไรดี เพราะเจ้าเต่ามะเฟืองพวกนี้เดิมทีก็มีลักษณะเชื่องช้าอยู่แล้ว โอเคไหม เกี่ยวอะไรกันกับสุภาพบุรุษเนี่ย?
พวกเต่ามะเฟืองจับแมงกะพรุนกินอย่างอิสระ โดยไม่มีการรับรู้ในวิกฤตแต่อย่างใด พวกมันไม่รู้ว่า ทะเลสาบในตอนนี้ไม่ใช่ทะเลสาบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ฟาร์มปลาในตอนนี้ก็ไม่ใช่ฟาร์มปลาเหมือนก่อนเช่นกัน เมื่อฝูงแมวน้ำเห็นเต่ามะเฟืองปรากฏตัวเยอะขนาดนี้ พวกมันก็ลอยอยู่เหนือผิวน้ำมองกันและกันด้วยความสงสัย หลังจากนั้นผู้นำพี่ใหญ่ก็ตัดสินใจ จัดการพวกมัน!
แมวน้ำกรีนแลนด์ส่วนมากจะอาศัยอยู่ในน้ำ ฝูงเต่ามะเฟืองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ถิ่นของพวกมันมีความทับซ้อนกันอยู่ แล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้รับมือด้วยง่ายๆ ดังนั้นการขัดแย้งกันด้านกำลังจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
ฝูงแมวน้ำเริ่มจู่โจมก่อน ใช้ร่างกายที่แข็งแรงของพวกมันพุ่งเข้าไปแย่งแมงกะพรุน พวกมันเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงกินแมงกะพรุนได้ เพราะพวกแมวน้ำมีชั้นไขมันที่หนา ดังนั้นพิษที่ทำให้ร่างกายด้านชาที่อยู่บนตัวแมงกะพรุนจึงทำอะไรพวกมันไม่ได้
ฝูงเต่ามะเฟืองค่อยๆ กลืนกินแมงกะพรุนอย่างช้าๆ แล้วใช้สายตาอันแหลมคมเหลือบมองไปที่พวกแมวน้ำ
แมวน้ำ “มองอะไร? พวกแกมองอะไร?”
เต่ามะเฟือง “ถ้าแกไม่มองมาที่ฉันจะรู้ได้ไงว่าฉันมองแกอยู่?”
แมวน้ำขำ “ไอ้ด้านชาอย่างแกร้องเพลงแร็ปได้ด้วยเหรอเนี่ย? ฉันถามแกว่า ตกลงแกมองอะไรฮะ?”
เต่ามะเฟืองหมดความอดทน “ก็มองแกไง มองแกแล้วจะทำไม?”
พวกแมวน้ำโกรธแล้ว “กล้าดีนี่? มา พวกแกมาคุยกับพวกเราตรงนี้สิ”
อย่าได้หลงเชื่อความไร้เดียงสาของแมวน้ำจนถูกหลอกเอาได้ เพราะนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายมาก จากที่เห็นพวกมันกล้าไล่ล่าหมีขั้วโลกหรือฉลาม เท่านี้ก็มองออกแล้ว เพียงแค่หัวข้อในการพูดคุยกับพวกมันเข้าสู่ประเด็นชวนคุย นั่นก็หมายความว่ามันจะเริ่มลงมือต่อสู้แล้ว
ลุงกูสเข้าใจหลักการที่ว่าความแค้นต้องปล่อยวาง อย่าได้ผูกใจเจ็บข้อนี้เป็นอย่างดี หรืออาจจะพูดได้ว่า มันรู้ว่าพวกมันเพิ่งเดินทางกลับมาเป็นระยะทางไกล พละกำลังร่างกายยังไม่ฟื้นฟู ถ้าจะสู้ก็คงเสียเปรียบ มันจึงแสดงท่าทางความเป็นผู้นำแล้วริเริ่มเปลี่ยนคำพูดเป็นภาษาต่างประเทศ “What are you talking about? Anata wa nani o iu? ซึมิต้า? นายพูดว่าอะไรนะ? เต่ามะเฟืองเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เป็นเวลาหลายปี จึงได้เรียนภาษาต่างประเทศมาไม่น้อย ลุงกูสเล่นพูดทีเดียว 4 ภาษาต่อเนื่องกะจะทำให้พวกแมวน้ำมึนงงและถอยห่างออกไปอย่างสงบ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ก็จะไม่เสียฟอร์มแล้วก็สู้กันไม่ได้ด้วย รอวันหลังฟื้นฟูร่างกายก่อนแล้วค่อยมาสู้กันใหม่
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องนี้ พวกแมวน้ำเป็นแมวน้ำในพื้นที่ พวกมันจึงแค่เข้าใจภาษาถิ่นของแลบราดอร์
ดังนั้นเมื่อลุงกูสเล่นพูดด้วย 4 ภาษาต่างประเทศแบบนี้ พวกมันจึงคิดทันทีว่า บางทีพวกมันอาจจะเข้าใจผิด เพื่อนผองต่างชาติพวกนี้อาจจะแค่ขอว่ายผ่านดินแดนของพวกเรา ดังนั้นจึงแค่ตักเตือนไปไม่กี่ประโยคก็จบกัน
แต่ที่คาดไม่ถึงคือในฝูงแมวน้ำมีพวกวู่วามอยู่ เมื่อลุงกูสใช้ 4 ภาษาในการพูดต่อเนื่อง พวกมันจึงรู้สึกไม่พอใจมาก คิดว่านี่เป็นการโอ้อวด แมวน้ำตัวอวบอ้วนตัวหนึ่งจึงว่ายไปด้านหน้า อย่ามาใช้ภาษาบ้าอะไรไม่รู้มาพูดกับฉัน ฉันฟังไม่รู้เรื่องหรอก จิ๊บจิ๊บ จุ๊บจั๊บ อะไร แกมานี่ มาคุยกับฉันดีกว่า…
ลุงกูสโมโหขึ้นมาทันใด เจ้าพวกคนนอกพวกนี้กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่รุกรานถิ่นของมัน ยังมาดูหมิ่นวัฒนธรรมของพวกมันด้วย ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ต่อให้ไม่มีพละกำลัง ก็ต้องจัดการซะ!
ลุงกูสอ้าปากกว้าง แล้วกัดเข้าไปที่ครีบของตัวที่วู่วามในฉับพลัน เจ้าวู่วามเจ็บจนตัวสั่น ควรรู้ว่าในปากของเต่ามะเฟืองเต็มไปด้วยหนามแหลมคม ไม่เช่นนั้นแมงกะพรุนที่ลอยไหลลื่นอยู่ในน้ำจะถูกพวกมันกินได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้มันจึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด “บ้าเอ๊ย แกเป็นไทสันหรือไง? กัดคนได้ด้วย? พี่น้อง หยิบอาวุธขึ้นมา จัดการพวกมันซะ!”
ทันใดนั้น พวกเต่ามะเฟืองต่างหยุดกินแมงกะพรุน พวกแมวน้ำก็ไม่อาบแดดต่อ แต่พวกมันสองฝั่งเริ่มการต่อสู้กันอย่างจริงจังแล้ว
แม้จำนวนของเต่ามะเฟืองจะน้อยกว่าแต่ลำตัวของมันใหญ่และได้เปรียบ อย่างลุงกูสตัวมันใหญ่เท่าเรือเล็กลำหนึ่ง อีกทั้งบนลำตัวมันยังมีกระดองเหล็กปกป้องไว้อีกชั้น ซึ่งสิ่งนี้เหมือนกับการฝึกวิชาภูษาเหล็ก ความสามารถในการป้องกันตัวแข็งแกร่งมาก
นอกจากนี้แล้ว บนหลังของแม่เต่ามะเฟืองยังมีลูกเต่าน้อยๆ ซึ่งก็เปรียบเสมือนเรือบรรทุกเครื่องบิน ที่พวกมันไม่เพียงแต่จะต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่ยังสามารถจู่โจมด้วยเครื่องบินเล็กๆ เหล่านี้ได้ตลอดเวลาอีกด้วย
ไม่ต้องดูก็รู้ว่า แมวน้ำหลายตัวถูกโจมตี พวกมันถูกลูกเต่ากัดด้านหลัง เจ็บจนแยกเขี้ยวแสยะ ไม่สนุกเลยสักนิด
แต่จำนวนของแมวน้ำมีมากแล้วพวกมันก็ว่องไว ดังนั้นหลังจากที่ผ่านความโกลาหลในครั้งแรกมาแล้ว พวกมันก็เริ่มสงบลง ใช้จำนวนที่มากกว่าล้อมพวกเต่ามะเฟืองไว้ พยายามกระโดดขึ้นๆ ลง ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความวุ่นวายยุ่งเหยิงก็ก่อตัวขึ้นที่ฟาร์มปลา
………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1594 แมวน้ำ & เต่าทะเล
Posted by ? Views, Released on January 2, 2022
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!