ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1633 ผลผลิตของไข่มุกสีดำ

ฉินสือโอวมองไปยังการปะทะของพวกมัน เขารู้สึกแปลกใหม่มาก เขารู้สึกว่ามนุษย์มักจะประเมินสติปัญญาของสัตว์ต่ำไปเสมอ เช่นวาฬหัวทุยพวกนี้สามารถแบ่งเป็นสองฝั่งแล้วไปล้อมรอบศัตรู เขายังคิดว่าวาฬหัวทุยจะโจมตีคราเคน พอพวกมันเผชิญหน้ากันวาฬหัวทุยก็พุ่งเข้าปะทะทันที
แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามใหญ่โตอะไรสำหรับคราเคน เนื่องจากมันมีหนวดทั้งสิบเส้นของตัวเอง สาเหตุของเรื่องนี้เกิดจากตำแหน่งที่มันอยู่ เมื่อมันพ่นกระสุนน้ำออกมาเพื่อที่จะเคลื่อนไปข้างหน้า หนวดทั้งสิบเส้นของมันก็กางออก มันสามารถรับการโจมตีได้จากทุกทิศทาง
ฝูงวาฬหัวทุยล้อมรอบคราเคนไว้ ในขณะที่กำลังปะทะกันนั้น วาฬหัวทุยตัวพี่ใหญ่ก็อ้อมไปด้านหลังของคราเคน เพราะว่ามันเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ทำให้การมองเห็นของมันมีจุดบอด หลังจากที่เข้าไปยังบริเวณจุดบอดทางสายตาของคราเคน พี่ใหญ่ก็ใช้หางอันแข็งแรงของตัวเองสะบัดไปมาเพื่อสร้างแรงดันน้ำอย่างรุนแรง มันพยายามทุกวิถีทางที่จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
คราเคนสัมผัสได้ถึงอันตรายทันที ร่างกายอันใหญ่โตของมันพลิกตัวกลับมาได้พลิ้วไหวอย่างไม่น่าเชื่อ หนวดทั้งสองเส้นที่อยู่ด้านหน้าพุ่งเข้าไปหยิบกระบองอันหนึ่งขึ้นมาทุบร่างของวาฬหัวทุยอย่างรวดเร็ว เมื่อตอนที่หนวดกระทบกับร่างของวาฬหัวทุยเสียงปะทะนั้นดังราวกับเสียงฟ้าร้อง คาดว่าหัวของวาฬหัวทุยคงจะเกิดรอยแยกขนาดใหญ่ ไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส
เมื่อฉินสือโอวเห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น เขาก็รีบเข้าควบคุมวาฬหัวทุยทันที หลังจากนั้นก็สั่งให้พวกมันถอยออกไป
ยังดีที่เขาเข้ามาเร็ว หากเขาเข้ามาช้ากว่านี้พี่ใหญ่ของฝูงวาฬหัวทุยคงจะตกที่นั่งลำบากแน่นอน คราเคนไม่ได้ใช้กระบองตีเข้าที่วาฬหัวทุย แต่มันให้กระบองปัดวาฬหัวทุยออก กระบองเป็นอาวุธลับอย่างหนึ่งของมัน
กระบองนี้ทำขึ้นจากสเตนเลส อันหนึ่งน้ำหนักหลายร้อยกิโล แรงปัดจากคราเคนที่เกิดขึ้นนั้น จึงเป็นแรงที่มหาศาลมาก กระบองลอยออกไปในทะเลเป็นเส้นตรง ทำให้เกิดคลื่นน้ำกระเพื่อมไปมารุนแรงทั่วทุกแห่ง ทำให้เกิดแรงเสียดทานที่ทรงพลังขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ฉินสือโอวก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสิ่งน่ารังเกียจขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าคราเคนตัวนี้สามารถทำให้น้ำทะเลบริเวณนี้เกิดเหตุการณ์สุดยอดแบบนี้ได้ในพริบตา รูปร่างของกระบอก การไหลของน้ำ กระแสน้ำ สิ่งเหล่านี้สร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ จนทำให้เขารู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
ฉินสือโอวบังคับให้ฝูงวาฬหัวทุยออกจากที่นี่ เขาให้จุดหมายปลายทางของพวกมันอยู่ที่ฟาร์มปลาแห่งที่สอง เขาอยากให้พวกมันไปอาศัยอยู่ที่นั่น ที่นั่นมีทรัพยากรการประมงที่อุดมสมบูรณ์ เพราะว่ามีสาหร่ายทะเลที่ดึงดูดปลาและกุ้งจำนวนมาก ซึ่งสัตว์พวกนั้นก็เป็นอาหารของวาฬหัวทุยพอดี
หลังจากที่ฝูงวาฬหัวทุยออกจากที่นี่ไป จู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกขึ้นมาได้ว่า ฝูงวาฬหัวทุยไปรู้มาจากไหนว่าที่หลุมน้ำเงินของฟาร์มปลามีแมลงยักษ์สีดำอาศัยอยู่? ทำไมพวกมันถึงอยากจะมากินแมลงยักษ์สีดำเป็นอาหารกันนะ? เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขาคิดไม่ตก
น่าเสียดายที่ฝูงวาฬหัวทุยไม่สามารถพูดได้ และไม่ได้มีจิตสำนึกที่เป็นอิสระเหมือนกับมนุษย์ ทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจเท่านั้น
เมื่อจัดการกับวาฬหัวทุยเสร็จแล้ว ฉินสือโอวจึงถือโอกาสนี้ไปดูฟาร์มหอยไข่มุก ตอนนี้ขนาดของหอยนางรมลอยได้โตขึ้นแล้ว จากการดูแลพวกมันมาราวสี่ปี หอยนางรมลอยก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดเป็นฟาร์มหอยขนาดใหญ่ราวพันหมู่ ไม่รู้ว่าที่นี่มีหอยนางรมลอยอยู่เท่าไรกันแน่ ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวให้พลังโพไซดอนแก่พวกมันตลอด ทำให้พวกมันเจริญพันธุ์อย่างรวดเร็ว
เพราะว่าจำนวนของหอยนางรมลอยที่เยอะขึ้น ฉินสือโอวจึงไม่ได้นำไข่มุกเข้าไปใส่ในตัวของพวกมันเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาพวกมันให้พวกมันผสมพันธุ์และสร้างไข่มุกสีดำขึ้นมาเอง แบบนั้นไข่มุกถึงเม็ดจึงจะเป็นของที่มีมูลค่าสูง
หอยนางรมลอยขนาดใหญ่แบบนี้ ครั้งที่แล้วที่เขาแกะเปลือกของมันเพื่อที่จะเอาไข่มุก เขาเกือบจะพลาดฆ่ามันแล้ว ครั้งนี้ในร่างกายของมันคงจะมีไข่มุกสีดำขนาดใหญ่อยู่เป็นแน่ ฉินสือโอวไปดูหอยพวกนั้น เขาอยากจะแกะเปลือกของพวกมันออกมาจริงๆ ทั้งหมดนี้เป็นเงินทั้งนั้น
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป อย่าฆ่าไก่เพื่อที่จะเอาไข่เลย อย่างไรเขาก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะใช้ไข่มุกดำพวกนี้อยู่แล้ว
แสงแดดตอนกลางวันส่องสว่างลงมาผ่านน้ำทะเลสีใส หอยนางรมลอยเคลื่อนไหวไปมาใต้แสงที่ส่องลงมา พวกมันเจริญเติบโตได้ดีมาก เปลือกหอยสีดำบ่งบอกถึงความสง่างามและลึกลับ แม้แต่การขายเปลือกหอยของหอยนางรมลอยก็สามารถทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไร ฉินสือโอวจึงตัดสินใจจะจัดการกับไข่มุกดำพวกนี้ เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนในการเก็บไข่มุกดำพวกนี้
ปรากฏว่าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนนั้นส่งผลเป็นวงกว้าง ทำให้พวกหอยนางรมลอยรวมกันมั่วซั่ว หอยขนาดเล็กใหญ่ต่างรวมเข้าด้วยกันไปหมด งานนี้ต้องใช้แรงงานคนมาคัดเลือกเท่านั้น เนื่องจากหอยนางรมลอยขนาดเล็กยังไม่มีไข่มุกสีดำ ต้องเก็บมาเพียงหอยนางรมลอยขนาดใหญ่เท่านั้น
ในตอนที่เริ่มเก็บไข่มุกสีดำ ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่คนมีควรที่รู้เรื่องนี้มากนัก เขาจึงเก็บมันด้วยตัวเองเงียบๆ คนเดียว หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ หอยนางรมพวกนี้เจริญพันธุ์เร็วมาก น้ำทะเลที่นี่ก็ใสสะอาดมาก และหอยนางรมไข่มุกดำพวกนี้ก็อาศัยอยู่ตามแนวปะการังบริเวณน้ำตื้น ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสแบบนี้ เหล่าชาวประมงสามารถเห็นพวกมันได้
เช้าวันต่อมา ฉินสือโอวไปหาเบิร์ดและนีลเซ็น จากนั้นก็ไปหาอีวิลสัน แต่พวกเขาทั้งสี่คนก็เพียงพอแล้วสำหรับงานนี้
แม้ว่าเขาจะไม่รังเกียจที่จะบอกชาวประมงให้รับรู้ว่าที่ฟาร์มปลามีไข่มุกสีดำ แต่เขาไม่อยากให้ทุกๆ คนรู้ว่าหอยนางรมลอยพวกนี้สามารถผลิตไข่มุกสีดำที่มีมูลค่าได้มากมายขนาดนี้ ดังนั้นเขาไปหาเบิร์ดและนีลเซ็นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสองคนเป็นทหาร ดังนั้นพวกเขาจึงเงียบสนิท และเชื่อฟังฉินสือโอวอย่างแข็งขัน
ในซีกโลกใต้อย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่มีไข่มุกอยู่อุดมสมบูรณ์ การเก็บไข่มุกพวกนี้ถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก สิ่งที่สำคัญคือต้องเก็บในช่วงที่อากาศเย็น ซึ่งถือว่าเป็นการทำบาปอย่างหนัก
โดยฤดูกาลที่แตกต่างกันในซีกโลกเหนือและใต้ ในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บไข่มุกของทางซีกโลกใต้ เนื่องจากที่ออสเตรเลียกำลังจะเข้าสู่หนาว หากทางซีกโลกเหนือต้องการที่จะเก็บไข่มุก โดยปกติแล้วจะรอจนถึงช่วงปลายปี ประมาณเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์
สาเหตุที่ไม่สามารถเก็บไข่มุกในช่วงที่อุณหภูมิสูงก็เพราะว่าอากาศร้อนจะทำให้เกิดการตกตะกอนของไข่มุกได้อย่างรวดเร็ว และในช่วงนั้นเนื้อของไข่มุกจะเหลวไม่แน่น พื้นผิวของไข่มุกสีดำก็จะถูกปกคลุมด้วยสารสีขาว เรียกว่าการละลายของสารอะราโกไนต์ พวกมันจะทำให้ผิวของไข่มุกขุ่นมัว ซึ่งนั่นทำให้มูลค่าของมันลดลง
มีเพียงเฉพาะในฤดูหนาวหรือช่วงที่อุณหภูมิต่ำเท่านั้น ที่การหลั่งของสารนี้ในไข่มุกจะช้าลง ด้วยเหตุนี้ผิวของไข่มุกค่อนข้างเบาบางละเอียดลออ เวลาสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกนุ่มนวล และยังทำให้ไข่มุกดูเงางาม ไข่มุกลักษณะนี้สามารถขายในท้องตลาดได้ราคาดีเลยทีเดียว
นีลเซ็นและเบิร์ดเริ่มเป็นมืออาชีพในการเป็นชาวประมง ทั้งสองคนมักจะเรียนรู้เรื่องการทำฟาร์มทางทะเลจากแซนเดอร์ส พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า หลังจากที่ได้รับคำสั่งของฉินสือโอว พวกเขาไม่ได้มีข้อสงสัยเลยสักนิด พวกเขาพยักหน้าและไปเตรียมชุดดำน้ำ
นี่คือเหตุผลที่ฉินสือโอวเลือกใช้สองคนนี้ ไม่เรื่องเยอะและรักษาความลับได้
อันที่จริงแล้วจะเก็บไข่มุกตอนนี้ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร พลังโพไซดอนได้ปรับสมดุลของหอยนางรมลอยแล้ว ทำให้ไข่มุกได้รับการพัฒนาด้วยเช่นกัน ไข่มุกสีดำที่ได้จึงมีขนาดที่พอดีและแข็งแรง รวมถึงสีที่สวยกว่าไข่มุกทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูหนาว ไข่มุกสีดำที่ได้ก็จะมีความเงาสวยงาม
ฉินสือโอวดำลงไปน้ำแล้วหยิบหอยนางรมลอยขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือขึ้นมาหนึ่งอัน เขาบอกกับอีวิลสันว่า หลังจากลงน้ำไปแล้วให้เก็บหอยที่มีมาตรฐานแบบนี้ อีวิลสันพยักหน้าอย่างมึนงงพลางพูดว่า “เข้าใจแล้ว ตัวใหญ่ก็อร่อย”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นฉินสือโอวก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เขาโบกมือปัดพลางพูดว่า “ตัวใหญ่อร่อย ลงไปได้แล้ว เย็นนี้เรากินหอยกัน”
หอยนางรมลอยส่วนใหญ่แล้วจะให้ผลผลิตเป็นไข่มุกสีดำ แต่ว่าเนื้อของมันก็กินได้เช่นกัน อีกทั้งเนื้อยังหนึบกว่าหอยธรรมดาทั่วไปอีกต่างหาก เพียงแต่เมื่อเทียบกับไข่มุกสีดำแล้ว ราคาของเนื้อของมันค่อนข้างต่ำ คนที่สนใจเนื้อของมันก็ค่อนข้างน้อย ดังนั้นในด้านของวัตถุดิบทางอาหารจึงไม่ได้รับความนิยมเท่าไร
………………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset