ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1671 หายไปไหนแล้ว

สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือปลาวาฬสีน้ำเงินและพืชที่ใหญ่ที่สุดคือสาหร่ายสีน้ำตาล แต่สิ่งมีชีวิตที่มีสมองใหญ่ที่สุดกลับไม่เกี่ยวข้องกับพวกมัน แต่เป็นวาฬหัวทุย
ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลมาจากการข้อโต้แย้งที่มากมายนับไม่ถ้วน ตัวอย่างเช่นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2492 เรือแปรรูปของญี่ปุ่นที่เรียกว่าเรือฮิโชมารุ หมายเลข 1 ได้คำนวณน้ำหนักสมองของวาฬที่พวกเขาฆ่า
ผลที่ได้คือสมองของวาฬหัวทุยมีขนาดใหญ่กว่าวาฬตัวอื่นมากและหนึ่งในนั้นคือ สมองของวาฬหัวทุยที่มีความยาวถึง 14.94 เมตรและมีน้ำหนักหนัก 9.2 กิโลกรัม ซึ่งเป็นสมองของวาฬหัวทุยที่หนักที่สุดในตอนนั้นและน้ำหนักสมองที่หนักที่สุดมาจากวาฬสีน้ำเงินที่มีความยาว 27.43 เมตร แต่สมองของมันมีน้ำหนักเพียง 6.9 กิโลกรัมเท่านั้น
แน่นอนว่าน้ำหนักของสมองไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้สัตว์มีจิตสำนึกที่อิสระ หลายคนคิดว่าอัตราส่วนสมองและน้ำหนักตัวของมนุษย์เป็นสาเหตุที่ทำให้มนุษย์มีจิตสำนึกที่เป็นอิสระ
แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่สมเหตุสมผล ฉินสือโอวเข้าใจว่า เมื่อเทียบกับขนาดตัวแล้ว สมองของมนุษย์ไม่ได้ใหญ่มาก สมองของนกหลายชนิดมีสัดส่วนมากกว่าถึง 8% ของน้ำหนักตัว ในขณะที่สมองของมนุษย์ มีน้ำหนักเพียง 2.5% ของน้ำหนักตัว
ดังนั้น จนถึงตอนนี้สมองยังถือว่าเป็นปริศนาท่ามกลางความลึกลับในความเข้าใจผิด เหล่าศาสนิกชนเรียกสมองว่าเป็น ‘เขตต้องห้ามของพระเจ้า’ ซึ่งหมายความว่าต่อให้มีพลังมากพอเท่ากับพระเจ้า แต่ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆ
เดิมทีฉินสือโอวต้องการโทรหาเบิร์กเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการวิจัยเกี่ยวเรื่องการรับรู้และภาษาของสัตว์จำพวกวาฬ แต่เขาค้นหาในอินเทอร์เน็ตก็ไม่พบเบอร์โทรศัพท์ของเขา เขาจึงต้องโทรหาศาสตราจารย์แซนเดอร์ส ซึ่งอยู่ในระบบเดียวกัน อาจจะหาได้ง่ายกว่า
ศาสตราจารย์แซนเดอร์สยังใช้ความพยายาม เขาถามเพื่อนถึงสี่คนและในที่สุดก็หาเบอร์โทรศัพท์ของเบิร์คเจอ
แต่หลังจากที่ฉินสือโอวโทรศัพท์ไป คนที่รับโทรศัพท์กลับบอกเขาว่า ศาสตราจารย์เบิร์กได้เสียชีวิตไปแล้วและเขาก็จากไปยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ…
แม่เจ้า ฉินสือโอววางสายโทรศัพท์โดยไม่พูดจาอะไร แต่ทันทีหลังจากนั้นทฤษฎีสมคบคิดก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา  ศาสตราจารย์ท่านนี้ ทำไมถึงจากไปในเวลาแบบนี้ด้วยนะ?
เขาคาดเดาคร่าวๆ ดูเหมือนว่าวาฬหัวทุยเหล่านี้จะเข้ามาในฟาร์มปลาของเขาได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้วนี่นา? ระหว่างสองเรื่องนี้มีความเชื่อมโยงกันไหมนะ?
ฉินสือโอวกินอาหารเย็นด้วยความงุนงง ความจริงแล้วเขาสามารถใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสื่อสารกับวาฬหัวทุยแก่ได้โดยตรงโดย แต่มนุษย์มักจะรู้จักระมัดระวังและรู้จักกลัว เขาไม่รู้ว่าสำหรับเขาแล้วจิตสำนึกของวาฬหัวทุยแก่จะเป็นอย่างไร ถ้าจะดูดรับเอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนของเขาไปล่ะ?
เขาต้องขอบคุณหัวใจโพไซดอนสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้รับในแคนาดา ถ้าไม่มีหัวใจโพไซดอน เขาก็คงจะจบเห่ไปแล้ว
ดังนั้น เขาจึงต้องรอบคอบและระมัดระวัง แม้ว่าการรอบคอบและระมัดระวังแบบนี้จะทำให้ตัวเองตกใจ แต่เขาก็ยังกังวลอย่างไม่มีเหตุผล!
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับก้างปลากำลังติดคออยู่ ในระหว่างทานอาหารเย็น ใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว วินนี่พูดอะไรเขาก็พยักหน้าพูดตามน้ำไปหมด
“ดื่มนมสักแก้วสิคะ นี่เป็นนมสดที่บูลส่งมาให้”
“โอเค”
“คุณดูเหนื่อยนิดหน่อยนะคะ คุณไปพักผ่อนรอมั้ยคะ ฉันจะเตรียมน้ำให้คุณอาบ”
“โอเค”
“ฉันจะเรียกผู้ช่วยสาวสวยสุดอึ๋มทิญามาหาคุณ คืนนี้จะให้เธอไปผ่อนคลายให้คุณดีไหม?”
“ได้สิ” เมื่อเสียงนั้นลดลง ฉินสือโอวก็รู้สึกเห็นท่าไม่ดี จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองและพบว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นนั้นเยือกเย็นอย่างกับแท่งเหล็ก
บ้าน่า ฉินสือโอวรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “เมื่อกี้พูดอะไรนะ? ผมได้ยินไม่ชัดน่ะ?”
เขาแค่กำลังคิดเรื่องอื่นและจิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อตัว แต่เขาก็ไม่ได้ไม่มีสติอะไร
วินนี่ไม่ได้ตำหนิอะไรเขา แต่มองไปที่กอร์ดอนด้วยสายตามีเลศนัยและถามอย่างเย็นชาว่า “กอร์ดอน เมื่อกี้นายพูดอะไร? บอกฉันอีกทีสิ ฉันได้ยินไม่ชัด”
ฉินสือโอวถึงกับผงะ จากนั้นก็รู้ว่าเมื่อกี้คือเจ้าเด็กกอร์ดอนจอมหลอกลวงคนนั้น ดังนั้นเขาจึงโมโหขึ้นมาทนที จึงทุบโต๊ะและพูดว่า “กอร์ดอน ไอ้เด็กจอมโกหก คืนนี้ฉันจะฆ่าแก…”
“คุณหุบปากไปเลย เมื่อกี้คุณกำลังคิดอะไรอยู่? คำตอบนั้นกลับตอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา!” วินนี่ตะโกนใส่เขาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเขาเรื่องที่จะไปผ่อนคลายกับทิญา
แต่สุดท้าย เรื่องนี้ก็ยังคงโทษกอร์ดอน วินนี่จึงรีบให้เขากินข้าวกินน้ำให้เสร็จ จากนั้นก็สั่งการบ้านให้เขา โดยบอกว่าในเมื่อว่างแบบนี้แล้ว งั้นก็ควรไปทำการบ้านให้เสร็จ
กอร์ดอนร้องไห้และบอกว่าไม่กล้าอีกต่อไปแล้ว วินนี่นิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆ และดื่มน้ำผลไม้อย่างสง่างามพร้อมกับพูดว่า “นายพูดอะไรออกมา มันสายไปแล้วล่ะ รีบทำเถอะ ทำเสร็จเมื่อไรก็เล่นได้เมื่อนั้น วันนี้ไม่เสร็จ พรุ่งนี้ก็ทำต่อ วันอาทิตย์ก็ไม่ต้องออกไปเล่น”
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของกอร์ดอนที่เหมือนกับท้องผูก ไวส์และเชอร์ลี่ย์จึงหัวเราะอย่างมีความสุข “สมควรแล้ว ถ้าไม่ทำตายแน่!”
หลังจากกอร์ดอนเก็บของทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว วินนี่ก็มองไปที่ฉินสือโอวด้วยความแปลกใจและถามว่า “คุณกำลังคิดอะไรอยู่? เมื่อกี้ทำไมใจลอยแบบนั้น?”
เถียนกวาที่กำลังใช้ช้อนขนชามนมขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าก็รีบแย่งพูดว่า “ฟิน ฟิน อยากฟิน…”
วินนี่โมโหเด็กหญิงตัวเล็กแทบบ้า จึงอุ้มเธอมาไว้บนตัก จากนั้นก็เอานมและพายชิ้นเล็กๆ ให้เธอรีบกินให้เสร็จ เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงไม่มีเวลาไปตามเรื่องของฉินสือโอว
ฉินสือโอวกินอาหารในจานอย่างเอร็ดอร่อยแล้วจึงกลับไปที่ห้อง หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะให้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนติดตามวาฬหัวทุยไป เพื่อหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำ ฉินสือโอวจึงถ่ายทอดจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้กับหัวหน้าวาฬหัวทุยอีกครั้งและต้องรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเจ้าวาฬตัวนี้กำลังว่ายน้ำไปทางทิศใต้พร้อมกับฝูงวาฬหัวทุยและวาฬหัวทุยแก่ตัวนั้นที่สามารถปลดปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
ฉินสือโอวกังวลเกิดอะไรขึ้น? เจ้าวาฬตัวนั้นหายไปไหนแล้ว?
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะกังวล แต่เขาก็ยังไม่ได้หมดหวัง ฟาร์มปลาคือที่ดินของเขาเองและเจ้าวาฬแก่ก็ไม่สามารถหลบหนีได้
ดังนั้น เขาจึงปลดปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอย่างมั่นใจและจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ค้นหาที่บริเวณรอบๆ น่านน้ำอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากค้นหารอบๆ น่านน้ำแล้วก็ไม่พบร่องรอยของวาฬแก่หัวทุย
ฉินสือโอวถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ดูเหมือนว่าพลังของวาฬแก่จะแย่เหมือนรูปลักษณ์ภายนอก ไม่เป็นไร มาสิ ถ้าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนยังไม่เพียงพอ งั้นฉันก็จะปลดปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปอีกครั้ง
เมื่อจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสองค้นหาต้องสองฝั่งก็ต้องใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง ส่วนเขาก็ค้นหาในพื้นที่ทะเลที่มีรัศมี 100 กิโลเมตร และก็ยังไม่พบวาฬแก่ เขาจึงสิ้นหวังทันที ให้ตายเถอะ เจ้าวาฬแก่ไม่สามารถทำความเร็วได้ถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้หรอก? แม้ว่าจะทั้งกินข้าวไปด้วยและค้นหาไปด้วย เขายังต้องใช้เวลามากสุดถึงสองชั่วโมง!
ถ้าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสองยังไม่เพียงพออีก งั้นก็ต้องจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งแปดออกมาโจมตีพร้อมกันแล้วล่ะ!
ท่านชายฉินโกรธมาก แม่เจ้า ไม่อยากจะเชื่อว่าจะหาปลาวาฬแก่ที่มีความยาวแค่สิบหกสิบเจ็ดเมตรไม่เจอ มันก็เป็นแค่วาฬตัวใหญ่ที่โดดเดี่ยวและฟาร์มปลาก็คืออาณาเขตของเขา มันไม่ควรหาวาฬหัวทุยไม่เจอสิ
แต่แล้วก็มีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้น จิตสำนึกทั้งแปดของฉินสือโอวได้ค้นหารอบๆ บริเวณฟาร์มปลาและก็พบเรืออับปางซึ่งเขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน แต่ไม่พบวาฬแก่หัวทุยที่แปลกประหลาดตัวนั้น!
…………………………..
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset