พอออกจากมอนทรีออลแล้ว ฉินสือโอวก็ไปที่ฟาร์มปลาต้าฉินสองต่อ พวกชาวประมงได้ไปถึงก่อนแล้ว และได้เตรียมพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวสาหร่ายสีน้ำตาลในน้ำแล้ว
การผลิตอาหารปลาไม่ได้พึ่งเพียงแค่สาหร่ายทะเลและพืชน้ำเท่านั้น ยังต้องทำการเติมของจำพวกแป้ง โปรตีนในผงที่สกัดมาจากกระดูกสัตว์จำพวกนี้ด้วย โดยการเติมเข้าไปในสัดส่วนที่เท่ากัน สุดท้ายจึงจะได้ออกมาเป็นอาหารที่สามารถส่งไปขายในตลาดได้
แต่ก่อนที่จะทำการเริ่มงานนี้ เขาจะต้องไปที่แมรีส์ทาวน์ก่อน เพื่อไปทำงานอีกชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือการรับสมัครคนงานในห้องปฏิบัติการประมาณสี่สิบถึงห้าสิบคน พอสาหร่ายสีน้ำตาลถูกตากจนแห้งแล้ว ก็จะเริ่มการผลิตในทันที
เพราะว่าฟาร์มปลาต้าฉินสองอยู่ใกล้กับแมรีส์ทาวน์มากกว่า เขาจึงเลือกสถานที่ที่จะทำการรับสมัครเป็นที่เมืองนี้ ต่อไปคนเหล่านี้จะต้องพักอาศัยกันที่ฟาร์มปลาต้าฉินสองกันในระยะยาว และฟาร์มปลาต้าฉินสองก็จะกลายเป็นฟาร์มปลาที่ผลิตอาหารปลาโดยเฉพาะ
เมืองแมรีส์ทาวน์ก็เป็นเมืองเล็กเมืองหนึ่ง เป็นเมืองท่าเมืองเล็กเมืองหนึ่ง ค่าครองชีพที่นี่ค่อนข้างถูกและค่าแรงก็ต่ำ ฉินสือโอวได้ทำการติดต่อไปที่บริษัทรับจัดหางานเพียงแห่งเดียวของเมือง หลังจากทำการบอกถึงคุณสมบัติ เงินเดือนและสวัสดิการในการรับสมัครพนักงานเรียบร้อยแล้ว พอเขาบินไปที่แมรีส์ทาวน์แล้วลงเครื่องมาเท่านั้น ผู้รับผิดชอบของบริษัทรับจัดหางานก็บอกว่าสามารถทำการสัมภาษณ์ได้เลย
เมื่อได้รับข่าวนี้ ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง จึงถามไปว่า “เร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ? ประสิทธิภาพการทำงานของพวกคุณนี่ไม่เลวจริงๆ”
คนรับผิดชอบงานนี้ที่ชื่อบรันท์ คาร์ลหัวเราะแล้วพูดว่า “สวัสดิการที่คุณให้เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ดีที่สุดในปีนี้แล้ว การจะรับสมัครคนงานไม่กี่คนจะไม่ง่ายได้เหรอครับ?”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าสวัสดิการที่ให้ไปปกติทั่วไปมาก เพราะเขาต้องการไลน์การผลิตแบบ 8+4 ก็คือในทุกวันจะทำงานกันวันละแปดชั่วโมงตามปกติ แล้วก็มีอีกสี่ชั่วโมงที่เป็นการทำงานล่วงเวลาตามความสมัครใจ แน่นอนว่าค่าแรงของการทำงานในชั่วโมงปกติจะคิดตามค่าแรงมาตรฐานทั่วไป ส่วนค่าแรงของการทำงานล่วงเวลาสี่ชั่วโมงก็คือสองเท่าจากปกติ
ค่าจ้างรายชั่วโมงของแต่ละรัฐในแคนาดาไม่เท่ากัน ช่วงต้นปีของทุกปีทางกรมแรงงานของพวกเขาจะทำการตั้งค่าแรงรายชั่วโมงขั้นต่ำออกมา หรือก็คือว่าไม่ว่าคนคนนั้นจะทำงานอะไร ขอแค่มีการเซ็นสัญญาเพื่อเป็นพนักงานอย่างเป็นทางการแล้ว ก็จะได้รับค่าแรงขั้นต่ำตามมาตรฐานนี้
เมืองแมรีส์ทาวน์ก็เหมือนกับเมืองเซนต์จอห์นคืออยู่ในเขตปกครองของรัฐนิวฟันด์แลนด์ และเมืองนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่สภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างแย่เมืองหนึ่งด้วย ดังนั้นค่าแรงขั้นต่ำจึงตั้งไว้ค่อนข้างต่ำ อย่างเช่นรัฐออนแทรีโอมีค่าแรงขั้นต่ำที่ 13.8 ดอลลาร์แคนาดา ส่วนรัฐนิวฟันด์แลนด์จะแค่ 12.5 ดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น
เมื่อเป็นแบบนี้ หากว่าคิดตามค่าแรงขั้นต่ำแล้ว งั้นค่าแรงต่อวันของพนักงานคนหนึ่งก็คือหนึ่งร้อยดอลลาร์ เดือนหนึ่งเหมือนจะสามารถได้รับเงินประมาณสามพันเหรียญ เมื่อคิดแบบนี้ดูเหมือนจะไม่ต่ำ แต่ว่าค่าแรงของนิวฟันด์แลนด์ไม่ได้คิดแบบนี้ พวกเขาคิดกันเป็นรายสัปดาห์ หนึ่งอาทิตย์จะทำงานกันที่ห้าวัน หรือก็คือเดือนหนึ่งสามารถได้รับเงินมากสุดแค่สองพันสองร้อยเหรียญเท่านั้น
แต่ว่าหากคิดเป็นเงินหยวนแล้ว ก็จะได้ถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันกว่าหยวน หากว่าทางเจ้าของให้ที่พักและอาหารฟรี คนงานจากประเทศจีนที่ไปทำงานก็สามารถเก็บเงินได้จำนวนไม่น้อยเลย แต่แน่นอนว่าเลิกคิดถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันหยวนไปเลย เพราะบริษัทจัดหาจะต้องเก็บค่าหัวอย่างแน่นอน
ค่าแรงที่ฉินสือโอวให้คือ 15 ดอลลาร์แคนาดาต่อชั่วโมง เพราะว่างานการผลิตอาหารปลาไม่หนัก ที่คนงานต้องทำก็เพียงแค่ควบคุมเครื่องจักรเท่านั้น งานที่เหนื่อยที่สุดก็คือการนำสาหร่ายและพืชน้ำที่ตากแห้งแล้วใส่เข้าไปในเครื่องจักรเท่านั้น
สำหรับค่าแรงที่เขาให้ ทำงานวันละแปดชั่วโมงก็เท่ากับได้เงินวันละ 120 ดอลลาร์แคนาดา ค่าแรงสำหรับงานล่วงเวลาสี่ชั่วโมงคือสองเท่าจากปกติ รวมๆ กันแล้ววันหนึ่งก็เท่ากับ 240 ดอลลาร์แคนาดา นอกเหนือจากนี้เขาได้ใช้ระบบทำงานล่วงเวลาแบบครบสี่บวกหนึ่งด้วย นั่นก็คือหากทำล่วงเวลาติดกันเป็นเวลาห้าวัน งั้นค่าล่วงเวลาของวันที่ห้าก็จะคิดให้โดยอิงจากค่าแรงในวันหยุดสำคัญ หรือก็คือได้รับค่าแรงสามเท่า
นอกจากเรื่องทำงานล่วงเวลาทุกวันแล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์เขาก็ไม่ต้องทำงานอีกด้วย เพราะมีวันหยุดให้สองวันต่ออาทิตย์ เมื่อเป็นแบบนี้หากว่าทำงานล่วงเวลาสี่ชั่วโมงทุกวัน พนักงานสามารถมีรายรับต่อเดือนที่หกพันเหรียญ หากอ้างอิงตามมาตรฐานของค่าแรงทั่วทั้งแคนาดา รายรับนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลย
ฉินสือโอวหวังว่าคนงานสามารถปฏิบัติงานกันวันละ 12 ชั่วโมง เพราะว่าสาหร่ายทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินสองอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก สามารถรองรับการผลิตได้ตลอดทั้งปีเลย แถมตลาดทางนี้ก็ค่อนข้างใหญ่ ฟาร์มปลาหลายร้อยที่เลยที่รออาหารปลาที่เขาผลิตอยู่ ดังนั้นให้ดีที่สุดก็คือต้องทำการผลิตอาหารปลาให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
ดังนั้น ตอนที่เขาทำการประกาศรับสมัครจึงได้บอกกับทางบริษัทจัดหางาน ว่าอยากได้คนงานที่มาจากประเทศจีน เขาเข้าใจเพื่อนร่วมชาติดี อย่างเช่นพวกของเกิงจุนเจี๋ย คนเหล่านี้ทนความลำบากได้ดี จากบ้านมาก็เพื่อหาเงิน พวกเขาต้องเลือกทำงาน 8+4 อย่างแน่นอน
ส่วนคนพื้นที่ของแคนาดาน่ะเหรอ? ไม่ไหวอย่างแน่นอน เพราะมีหลักการการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน พวกเขาทำงานก็เพื่ออยู่รอดเท่านั้น การทำงาน 12 ชั่วโมงสำหรับพวกเขานั้นเหนื่อยเกินไป พวกเขายอมได้เงินสามพันเหรียญต่อเดือน ไม่มีทางทำเพื่อเงินหกพันเหรียญเด็ดขาด
แต่ถ้าเป็นเพื่อนร่วมชาติจะไม่เป็นแบบนั้น การมีรายได้หกพันดอลลาร์แคนาดาต่อเดือน คิดเป็นเงินหยวนก็เท่ากับสามหมื่นหยวน ฉินสือโอวจะทำการแจกเงินรางวัลประจำเดือนให้กับคนที่ทำงานดีในแต่ละเดือนด้วย และทุกปีทุกคนก็จะได้โบนัสด้วย เท่ากับมาทำงานกับเขาหนึ่งปี ก็จะสามารถนำเงินกว่าสี่แสนหยวนกลับไปได้ไม่มีปัญหาแน่นอน
เขาเชื่อว่าสวัสดิการที่เขาให้นั้น สามารถดึงดูดเพื่อนร่วมชาติที่มาจากจีนได้อย่างแน่นอน
แต่ว่าในการรับสมัครเขาไม่สามารถจำกัดสัญชาติของพนักงานได้ เพราะนี่ก็เป็นกฎหมายแรงงานของแคนาดาด้วย เนื่องจากถูกมองว่าการจำกัดสัญชาติของพนักงานก็เท่ากับเป็นการเหยียดสัญชาติ เมื่อเป็นอย่างนี้จึงทำได้แต่ต้องรอดูคนงานที่ทางบริษัทจัดหางานติดต่อให้เท่านั้น
บริษัทจัดหางานบริษัทนี้ชื่อว่า ‘บริษัททรัพยากรบุคคลเรนโบว์ดอร์จำกัด’ เจ้าของบรันท์ คาร์ลเป็นคนยิว บริษัทตั้งอยู่เขตนอกเมือง เป็นอาคารสูงใหญ่ที่ดูดีมากเลยทีเดียว
พอถึงบริษัทแล้ว บรันท์ก็พาฉินสือโอวไปที่ห้องรับรองห้องหนึ่ง ในนั้นได้มีคนงานร้อยกว่าคนรออยู่ก่อนแล้ว เช่นเดียวกับตอนที่สัมภาษณ์งานพวกของเกิงจุนเจี๋ย ก็คือเขาจะต้องทำการสัมภาษณ์อีกรอบหนึ่ง เพื่อทำการคัดเลือกพนักงานที่เหมาะสม
ฉินสือโอวนั่งลงในห้องรับรองเพื่อดูใบสมัครงานของคนเหล่านี้ก่อน บนนั้นมีทั้งสัญชาติและรูปภาพ สุดท้ายเหมือนที่เขาคิดไว้เลย คนที่มาสัมภาษณ์งานส่วนมากล้วนเป็นเพื่อนร่วมชาติของเขา คนท้องถิ่นแคนาดาค่อนข้างน้อย ถึงจะมีก็เป็นคนผิวดำกับคนอพยพจากประเทศอื่นเสียมากกว่า
เมื่อเห็นฉินสือโอวพยักหน้า บรันท์ก็ยิ้มออกมาอย่างได้ใจแล้วพูดว่า “เป็นอย่างไรบ้างครับ คุณฉิน ถูกใจคนงานที่ผมเตรียมให้คุณใช่ไหมครับ? นี่เรียกว่า ‘เปิดโอกาสให้สิ่งที่ชอบ’ ใช่ไหมครับ? ไม่ต้องแปลกใจไปครับ ผมชอบวัฒนธรรมของประเทศจีนของคุณมาก และเรียนมาได้สักพักแล้วครับ”
ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมาอย่างพอใจเช่นกัน แล้วพูดว่า “เป็นการเสนอให้ในสิ่งที่เขาชอบครับ แต่คุณทำถูกแล้วครับ ดูจากข้อมูลแล้ว ผมรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่เลวเลย ให้พวกเขาเตรียมตัวมาสัมภาษณ์ได้เลยครับ”
กรรมการในการสัมภาษณ์ครั้งนี้นอกจากฉินสือโอวแล้ว ก็มีเกิงจุนเจี๋ยกับแลนซ์ด้วย พวกเขาทั้งสองคนจะต้องมาพักอาศัยที่ฟาร์มปลาต้าฉินสองเพื่อคุมการผลิตอาหารปลาระยะหนึ่ง ดังนั้นจะรับพนักงานแบบไหนจำต้องเคารพในความคิดเห็นของพวกเขาทั้งสองคนด้วย
ก่อนจะทำการสัมภาษณ์ เกิงจุนเจี๋ยไปเข้าห้องน้ำก่อน เพื่อไปเซ็ตผมให้เรียบแบบว่าไม่มีหลุดแตกออกมาเลยสักเส้นพร้อมกับใส่มูสใส่ผมอีกด้วย หลังจากนั่งลงแล้วเขาก็นั่งตัวตรง ท่าทางสุขุม สายตาเฉียบคม ทำเอาแลนซ์ไม่กล้าสบตาด้วยเลย เขาพูดว่า “เกิงเพื่อน นายทำแบบนี้จะทำให้คนที่มาสัมภาษณ์กลัวเอาได้นะ”
เมื่อได้ฟังคำนี้แล้ว เกิงจุนเจี๋ยก็หัวเราะเหอๆ ออกมา พูดว่า “เมื่อก่อนตอนที่มาเข้าร่วมงานแบบนี้ ฉันเป็นคนที่ถูกสัมภาษณ์ตลอด หากพูดภาษาบ้านเราล่ะก็ ฉันก็คือผู้เข้าสอบ ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้เป็นผู้คุมสอบสักที ฉันจำเป็นต้องวางมาดให้เหมือนสิ!”
…………………………
Related
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1711 สัมภาษณ์พนักงานใหม่
Posted by ? Views, Released on January 14, 2022
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!