ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1732 รอยยิ้มมีพิษ

สแตนลีย์พูดคุยอย่างออกรสออกชาติสักพักแล้วก็เตรียมจะกลับ ฉินสือโอวรีบรั้งเขาไว้ พูดว่า “เพื่อน พวกเราชาวจีนให้ความสำคัญเรื่องการต้อนรับแขกมาก ตอนนี้ก็ถึงเวลาทานอาหารแล้ว จะให้คุณกลับไปได้อย่างไรกัน? อยู่กินอาหารที่ฟาร์มปลาสักมื้อเถอะครับ”
นี่คือจะให้ตัวเองอยู่ต่อเพื่อเป็นคนทำกับข้าวให้นี่นา สแตนลีย์ไม่ได้โง่ จึงเดาจุดประสงค์ของฉินสือโอวออกได้ในทันที
แต่ความจริงแล้วเรื่องกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉินสือโอวตบอกแล้วพูดว่า “เดี๋ยวผมให้คุณลองชิมอาหารของชาวประมงดู ผมกล้าพูดเลยว่าคุณไม่เคยกินอาหารแบบนี้มาก่อนแน่นอน มาครับ ให้เหล่าชาวประมงของผมแสดงฝีมือให้คุณเห็นกัน”
“แน่ใจว่าไม่ต้องให้ผมเป็นพ่อครัวหลักจริงเหรอครับ?” สแตนลีย์ถามด้วยความไม่ไว้วางใจ เขาไม่ถือสากับการทำกับข้าวเล็กๆ  น้อยๆ แต่พอเห็นชาวประมงหลายสิบคนในฟาร์มปลาแล้ว หากว่าให้เขาดูแลรับผิดชอบทั้งหมด งั้นคงต้องเหนื่อยกว่าการบริหารร้านอาหารของตัวเองเป็นแน่ ร้านอาหารสามดาวของเขาก็มีลูกค้าแค่วันละไม่กี่สิบคนเท่านั้นเอง
อย่างไม่ต้องสงสัย กระเพาะของเหล่าชาวประมงนั้นไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษแต่งตัวเนี้ยบสามารถเทียบได้แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นอีวิลสันที่เป็นเหมือนคนยักษ์แล้ว เขาเชื่อว่าเจ้าหมอนี่คนเดียวสามารถกินอาหารในร้านของเขาในปริมาณสำหรับสิบคนได้แน่นอน
ดังนั้น หากว่าให้เขามาทำกับข้าว เขาก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ แต่ว่าถ้าไม่ต้องให้เขาออกโรง งั้นเขาก็เต็มใจที่อยู่ต่ออีกสักพัก แม้จะไม่ได้พูดถึงเรื่องการร่วมมือกันทำร้านอาหาร แต่แค่ทิวทัศน์ของฟาร์มปลา ก็มีค่าพอให้คนอยากอยู่ต่อได้แล้ว
การที่สามารถอยู่บนจุดสูงสุดของหนึ่งสายอาชีพได้นั้น ไม่ว่าจะวิสัยทัศน์หรือประสบการณ์จะต้องไม่ปกติอย่างแน่นอน ฉินสือโอวกับสแตนลีย์คุยกันได้สนุกสนานมาก นอกเหนือจากนี้เขายังได้เรียนรู้เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการทำอาหารตะวันตกอีกด้วย
เคล็ดลับพวกนี้ล้วนเป็นเทคนิคพิเศษที่ตระกูลคาร์ลเบิร์ตกลั่นกรองมาจากประสบการณ์หลายปีของพวกเขาเลย ถ้าเป็นในนิยายยุทธจักรก็คือสุดยอดเคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดให้แก่ผู้ชายเท่านั้น แต่สแตนลีย์กลับพูดออกมาหมดเปลือกเลย ขอแค่ฉินสือโอวถามเขาก็จะตอบในทันที ไม่มีอึกอักหรือหมกเม็ดอะไรทั้งนั้น
บางทีเขาอาจจะแสดงให้ฉินสือโอวเห็นถึงความจริงใจของเขาโดยผ่านวิธีการนี้ก็ได้
ทุกครั้งที่เหล่าชาวประมงออกทะเลจะได้ผลเก็บเกี่ยวดีทุกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะมีเป้าหมายที่กำหนดไว้อยู่แล้ว แต่ว่าในฝูงปลาก็มักจะมีปลาชนิดอื่นปนมาด้วยอยู่แล้ว และก็ยังมีสัตว์ทะเลจำพวกหอยและกุ้งปูอีกด้วย
พอพวกเขากลับมาแล้ว ฉินสือโอวพูดว่า “เพื่อนฝูงทั้งหลาย วันนี้มีแขกพิเศษมาเยี่ยมพวกเรา พวกเราต้องต้อนรับเขาให้ดี มาเถอะ มาทำอาหารทะเลชุดใหญ่ที่มีเอกลักษณ์ของพวกเราชาวประมงที่สุดกันเถอะ”
เหล่าชาวประมงอึ้งไปสักพัก แล้วก็พยักหน้าพูดว่า “ดีๆๆ”
เมื่อเห็นความเป็นมิตรของคนเหล่านี้แล้ว สแตนลีย์ก็ลุกขึ้นมายิ้มแล้วโบกมือให้ ในใจเขารู้สึกเกรงใจเล็กน้อย ดูชาวประมงพวกนี้ช่างซื่อสัตย์ ช่างจริงใจเหลือเกิน ความคิดของเขาเมื่อกี้นี้ใจแคบเกินไปแล้ว
จากนั้นภายใต้การมองดูของสแตนลีย์ เหล่าชาวประมงก็ทำการก่อตั้งหม้อเหล็กใบใหญ่ขึ้นบนชายหาด แล้วเอาปลาโอแถบ ปลากุเรสีทอง หมึกกระดอง แล้วก็หอยเชลล์ ปูเสฉวนบกกับปูแดง ใส่ลงไปในหม้อทั้งหมดแล้วก็เริ่มตุ๋น
แสตนลีย์ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นวิธีการทำอาหารที่ตามใจฉันมาก เสร็จแล้วขั้นต่อไปคืออะไรครับ? พูดตามตรง ผมยังไม่เคยเห็นวิธีการทำอาหารแบบนี้มาก่อนเลย”
ฉินสือโอวพูดว่า “ขั้นต่อไปเหรอ? ไม่มีขั้นต่อไป มีแค่นี้เท่านั้น หลังจากตุ๋นเสร็จออกมาแล้วทุกคนหยิบจานมาคนละใบ ชอบอะไรก็ใช้มือหยิบเอาก็ได้แล้ว โอ้ ถ้าหากคุณอยากจิ้มน้ำจิ้มแล้วล่ะก็ ที่นี่พวกผมมีน้ำขิงกระเทียมบดซีอิ๊วกับน้ำส้มสายชูอยู่นะ คุณจะเอาอะไรครับ?”
รอยยิ้มบนหน้าของสแตนลีย์ได้หายวับไปในทันที ก็เหมือนกับน้ำแข็งเยือกเย็นในฤดูหนาวที่ถูกเทลงไปในน้ำร้อนของขั้วโลกเหนือ ‘ซู้ม’ ทีเดียว  น้ำร้อนได้กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว
“กินแบบนี้เหรอครับ? อาหารทะเลสไตล์ชาวประมง?” สแตนลีย์ถามด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “ใช่ครับ นี่น่ะคือวิธีการทำอาหารที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของที่นี่เลยนะครับ ผมบอกคุณนะ ความจริงแล้วรสชาติไม่เลวเลย โดยเฉพาะน้ำซุปทะเลในตอนท้าย ที่ทุกคนมารวมตัวกันแล้วใช้ช้อนตักดื่มน่ะ เป็นอย่างไร สุดยอดมากเลยใช่ไหมครับ?”
สแตนลีย์มองไปที่เขาอย่างแน่นิ่ง “คุณอย่าบอกผมนะว่า ช้อนของทุกคนจะตักน้ำซุปจากหม้อโดยตรงเลย”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ จะให้ไปตักที่ไหนได้อีกครับ?”
สแตนลีย์มองดูสีหน้าของฉินสือโอวอย่างตั้งใจ หน้าตาได้รูป เค้าโครงหน้าดูแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว สีหน้าดูซื่อสัตย์และจริงใจ สายตาแน่วแน่และเปิดเผย ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นใบหน้าของคนใสซื่อที่หล่อเหลาคนหนึ่ง
แต่เขาไม่ยอมรับไม่ได้เลย ตัวเองแม่งดูคนผิดแล้ว เจ้าหมอนี่เป็นคนที่เจ้าเล่ห์มากมายคนหนึ่งเลย
ในตอนนี้มีชาวประมงใช้กระบวยไม้อันใหญ่อันหนึ่งตักน้ำซุปจากในหม้อมาชิม จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ดี รสชาติจืดเกินไป โรยเกลือหน่อยสิ” พูดจบ เขาก็เอาน้ำซุปที่เหลือในกระบวยเทกลับไปในหม้อ
มีชาวประมงพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันตรงนั้นอย่างจริงจังอีกว่า “ถ้าให้ดีที่สุดพวกเราน่าจะใส่มันฝรั่งลงไปด้วยนะ ชิ้นมันฝรั่งที่อมน้ำซุปอาหารทะเลนี้เข้าไปน่ะ รสชาติสุดยอดมากเลย!”
“ใส่แอปเปิลกับบลูเบอร์รีลงไปหน่อย แบบนี้อาหารทะเลจะได้มีกลิ่นหอมของผลไม้ด้วย รสชาติจะได้ดียิ่งขึ้น”
“ไม่ดีหรอก อาหารทะเลกับผลไม้จะเอามาต้มรวมกันได้อย่างไร? ให้ฉันพูดนะฉันว่าใส่กระดูกแพะลงไปหน่อยดีกว่า บอสเคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอ ที่ประเทศของเขา ปลากับแพะมารวมกันคือรสชาติที่ดีที่สุดน่ะ”
“ไอ้โง่ ปลากับแพะมารวมกันทำให้ได้เป็นคำว่าสดใหม่ในภาษาจีน ไม่ได้หมายความว่าการทำแบบนั้นรสชาติดีที่สุด…”
มองดูเหล่าชาวประมงที่เถียงกันไปพลางใส่นู่นนี่ลงไปในหม้อไปพลางแล้ว สีหน้าของสแตนลีย์ก็ซีดมากขึ้นเรื่อยๆ เขายังเห็นมีคนหยิบกุ้งมังกรออกมาจากหม้อแล้วเริ่มแกะกินเลย แถมยังใช้มือหยิบออกมาจากหม้อโดยตรงอีกด้วย!
ต้องรีบจบเรื่องทันที เขาปัดมือพูดว่า “คุณฉิน ผมมีข้อเสนออันหนึ่ง ให้ผมมาทำอาหารทะเลหม้อนี่แทนดีไหมครับ? ฮ่าๆ คุณดูสิผมมาเยี่ยมคุณด้วยมือเปล่า ถ้ายังให้คุณต้องเปลืองแรงทำกับข้าวอีก ผมเกรงใจน่าดู”
ฉินสือโอวพูดอย่างลำบากใจว่า “แบบนี้ไม่ดีมั้งครับ? อย่างไรเสียคุณก็เป็นแขก”
สแตนลีย์ยิ้มแล้วพูดว่า “ดี ดีแน่นอนครับ ผมหวังว่าคุณจะไม่เห็นผมเป็นแขก ผมอยากจะทำงานร่วมกับคุณจริงๆ นะครับ”
ฉินสือโอวพยักหน้า “ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้แล้ว งั้นผมก็ต้องยอมรับแล้วล่ะ มา เพื่อนฝูงทั้งหลาย ไปเตรียมตัวกัน สแตนลีย์เพื่อนของพวกเราจะเป็นคนรับผิดชอบอาหารมื้อนี้เอง ฉันบอกพวกโง่อย่างพวกนายเลยนะ วันนี้พวกนายโชคดีมาก สแตนลีย์เป็นผู้สืบทอดของตระกูลทำอาหารในอิตาลีคาร์ลเบิร์ต แถมเขายังเป็นเชฟหลักของร้านอาหารมิชลินสามดาวอีกด้วย!”
“ว้าว สุดยอด!” เหล่าชาวประมงชื่นชมโดยชูนิ้วโป้งกันขึ้นมา
สแตนลีย์ยิ้มและพยักหน้าตอบ แต่ทำไมเขารู้สึกว่าสายตาของชาวประมงพวกนี้ไม่ได้เป็นสายตาชื่นชมอย่างเดียว แต่แฝงความนัยอย่างอื่นด้วย? แล้วแฝงไปด้วยอะไรล่ะ? เขาคิดอยู่สักพัก เหมือนครั้งแรกที่ฉินสือโอวไปร้านอาหารของเขา เขาก็ใช้สายตาแบบนี้มองฉินสือโอวด้วยเหมือนกัน
เขาไม่มีเวลามากพอในการคิด เหล่าชาวประมงพากันหลีกทางให้แล้ว จากนั้นก็นำวัตถุดิบมาส่งให้เพื่อเชิญให้เขาแสดงฝีมือ
มีทั้งปลาทูน่าครีบเหลือง หอยงวงช้าง ปลาไหลอเมริกัน ปลาลิ้นหมา ปูดันเจเนสส์ กุ้งมังกร ปลายอดม่วง ปลาลายญี่ปุ่น ปลาหัวเมือก ปลาไหลเจ็ดดาว เพรียงตีนเต่า ปลาอีโต้มอญ ปลาจะละเม็ดเงิน แถมยังมีปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์ที่พบเห็นได้น้อยอีกด้วย….
นู่นนิดนั่นหน่อย วัตถุดิบทุกรูปแบบถูกส่งมาให้ สแตนลีย์ตาค้างอ้าปากหันไปมองฉินสือโอว
รอยยิ้มของท่านชายฉินจริงใจและใสซื่อกว่าเดิม “วัตถุดิบของฟาร์มปลาของเราค่อนข้างเรียบง่าย หวังว่าคุณเชฟใหญ่คาร์ลเบิร์ตอย่าได้ใส่ใจ แต่ว่าที่ห้องแช่แข็งยังมีวัตถุดิบที่ไม่เลวอยู่ เดี๋ยวอีกสักพักผมให้ลูกน้องไปเอามาให้คุณครับ”
สแตนลีย์ “รอยยิ้มของคุณมีพิษ!”
………………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset