ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 260 ฉงต้าจะลดน้ำหนัก

บทที่ 260 ฉงต้าจะลดน้ำหนัก
โดย
Ink Stone_Fantasy

เรือนกนางนวลถึงชายหาดน้ำตื้นจอร์จ เหล่าชาวประมงต่างก็ตกปลาไปค่อนวันแล้ว มีคนพูดหยอกไปในคลื่นสาธารณะด้วยว่า “กัปตันโชคช่วย คุณตั้งใจมากดดันพวกผมเหรอครับ? หากจะพักร้อนเชิญลงใต้ครับ ที่นั่นมีไมอามี”
 “ไม่ครับ ผมมากดดันแมลงน่าสงสารพวกนั้นต่างหาก ลืมไปแล้วว่าเหรอว่าผมเป็นใคร? ผมน่ะกัปตันตายยาก!” ฉินสือโอวพูดพร้อมหัวเราะฮ่าๆ
เรือของเขาไม่ได้ลงสมอเป็นหลักแหล่ง ถึงแม้ว่าจะมีเบ็ดตกปลาปักอยู่ตรงเรือ แต่ว่าการจับปลาได้หรือไม่นั้น เขาไม่ได้สนใจเลย สิ่งที่เขาจะทำก็คือกดดันพวกนักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟกับมาพักร้อนต่างหาก
การออกมาครั้งนี้ของเขากินเวลาไม่น้อยเลย นี่ก็เป็นเวลาสิบวันแล้ว ได้เวลาที่จะกลับเกาะแฟร์เวลเสียที
ส่วนเรื่องการจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ? เรื่องนี้ง่าย ถึงแม้กลับเกาะแฟร์เวลก็ยังทำต่อได้
เมื่อเป็นแบบนี้ เรือนกนางนวลจึงเริ่มแล่นไปบนผืนน้ำอย่างล่องลอย แล่นจากฝั่งนี้ไปฝั่งนู้นของชายหาดน้ำตื้นจอร์จ จากนั้นก็แล่นกลับมาที่เดิม หลักๆ ก็คือแล่นให้นักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟอยู่ในสายตา เพื่อจะยั่วโมโหพวกนั้น
 “ฉันล่ะชอบนักเวลาที่พวกเขาโกรธหัวฟัดแต่ทำอะไรไม่ได้ แน่จริงก็มาหาเรื่องฉันสิ ใช่ไหม ฉงต้า?” ฉินสือโอวบีบหน้าอ้วนๆ ของฉงต้าทีหนึ่ง แล้วหัวเราะอย่างไม่หยุดหย่อน
ฉงต้าเงยหน้ามองเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา
 “มา มาทำท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักกัน” ฉินสือโอวพูดพร้อมจับอุ้งเท้าอ้วนๆ ของฉงต้าขึ้นมา
ฉงต้าพลิกตัวอยากวิ่งหนี แต่ถูกฉินสือโอวทับขาทั้งสองไว้ ทำให้มันพลิกตัวไม่ได้ ทำได้แต่นั่งเท่านั้น
ถึงตอนที่สนุกแล้ว ท้องอ้วนๆ ของฉงต้าสั่นไปมา มันร้องเสียงอาวๆ สักพัก พยายามดิ้นเพราะอยากนั่งขึ้นมา แต่ว่ามันอ้วนเกินไป ท้องก็ใหญ่เกินไป พยายามอยู่สองที ก็ยังลุกขึ้นนั่งไม่ได้
 “สู้ๆ ฉงต้า นั่งให้ได้!” ฉินสือโอวร้องเชียร์มัน “หนึ่ง สอง ลุกสิ หนึ่ง สอง สาม ลุกอีกทีเร็ว…..”
ฉงต้าจ้องฉินสือโอวอย่างหมดแรง หน้าอ้วนๆ นั้นแสดงออกอยู่อย่างเดียวคือน่าสงสาร แต่รอบนี้ฉินสือโอวแข็งใจ ต้องให้เจ้าหมีสีน้ำตาลตัวน้อยนี้ลดความอ้วนให้ได้
ช่วงนี้มันไม่เมาเรือเวลาออกทะเลแล้ว แถมกินจุได้มากขึ้นกว่าเดิม ขนาดรอบเอวขนาดหน้าอกและแผ่นหลังก็โตอย่างรวดเร็ว ต้องลดน้ำหนัก ไม่อย่างนั้นจะเหลือภาพลักษณ์ของจ้าวแห่งป่าได้อย่างไร?
 “แอ๊บแบ๊วก็ไม่มีประโยชน์ รีบลุกขึ้นนั่ง!” ฉินสือโอวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “มา เดี๋ยวพ่อจะร้องเชียร์ให้เอง หนึ่ง สองออกแรง สอง สองสู้ๆ สาม สองนอนลงไป สี่ สอง มาอีกรอบหนึ่งสิ….”
ฉงต้าถึงขั้นออกแรงเต็มที่ สุดท้ายด้วยท่าทีทุลักทุเลเกือบจะนั่งได้แล้ว แต่สุดท้ายบุชที่มองดูอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกสนุก กางปีกกระโดดผลุบเข้ามา กระโดดทับไปบนหน้ามันเต็มๆ
 ‘พลั่ก’ ฉงต้าหงายหลังไปในทันที ไขมันบนตัวสั่นสะท้านไปมาเหมือนกับคลื่นน้ำ
ฉงต้าร้องหงิงหงิงเริ่มไม่พอใจ ฉินสือโอวผิวปากแล้วพยักหน้าไปที่ตัวของมัน หู่จือกับเป้าจือก็วิ่งเข้ามาประกบซ้ายขวา ทั้งข่วนทั้งกัด พากันทรมานมัน
แต่คนขี้เกียจมักมีวิถีของคนขี้เกียจเสมอ ฉงต้าตัดสินใจต่อต้านขาดใจ กางเล็บออกมาปิดหน้าไว้ ยังไงมันก็หนังหนาผิวด้านอยู่แล้ว ตอนนี้แค่แกล้งทำตัวเป็นหมีตายก็พอ พวกนายอยากทรมานก็เชิญเลย
ฉินสือโอวก็มีวิธีจัดการมันเหมือนกัน เขาพูดกับชาร์คว่า “ทำสลัดราดน้ำเชื่อมเมเปิลให้ฉันจานหนึ่ง”
ผลไม้ในอเมริกามีราคาถูกกว่าแคนาดามาก ค่าครองชีพในเมืองกลอสเตอร์นั้นต่ำ ฉินสือโอวจึงตุนผักผลไม้จำนวนมากไว้บนเรือ
ชาร์คใช้บีตรูต สับปะรด มะเขือเทศราชินี แอปเปิล สาลี่ องุ่น และมะม่วงเป็นวัตถุดิบหลักในการทำสลัด เสียดายที่ไม่มีพวกบลูเบอร์รีกับราสเบอร์รีด้วย นี่ก็คือความแตกต่างของทั้งสองประเทศ ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้กันมาก แต่ผลเบอร์รีที่เห็นได้ทั่วไปในนิวฟันด์แลนด์กลับเห็นได้น้อยมากที่นี่
เช่นเดียวกัน ในนิวฟันด์แลนด์ก็หาซื้อมะพร้าวสดได้มากยาก แต่ในเมืองกลอสเตอร์กลับมีเต็มไปหมด ชาร์คใช้น้ำมะพร้าวชงผสมกับน้ำเชื่อมเมเปิล แล้วใส่เนยและน้ำสลัดผสมไปมา เท่านี้สลัดผลไม้ที่แสนอร่อยก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
“อีวิลสัน มานี่” ฉินสือโอวตะโกนสุดเสียง
อีวิลสันที่กำลังแข่งจ้องตาอยู่กับต้าป๋ายก็วิ่งตึงตังเข้ามา เขาหัวเราะเหอๆ ยื่นมือเตรียมจะกินสลัดผลไม้
ฉินสือโอวพูดปลอบใจเขาว่า “อีกเดี๋ยวค่อยให้นายกันนะ อันนี้ไม่ได้ทำให้นายกิน”
อีวิลสันพยักหน้าอย่างว่าง่าย “โอเค อันนี้ให้บอสกิน ส่วนอีวิลสันค่อยกินทีหลัง”
ให้อีวิลสันทับขาหลังของฉงต้าไว้ ฉินสือโอวหยิบเนื้อมะพร้าวชิ้นหนึ่งส่ายไปรอบๆ จมูกฉงต้า จากนั้นก็ยัดเข้าปากตัวเอง จากนั้นก็หยิบบีตรุตขึ้นชื่อของเมืองกลอสเตอร์ไปจุ่มกับน้ำเชื่อมเมเปิลให้ฉงต้าดม แล้วก็กินเองอีก
สัมผัสการดมกลิ่นของหมีสีน้ำตาลนั้นเป็นเลิศมาก ดีกว่าสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ถึงหลายสิบเท่า จมูกเล็กๆ ของมันสั่นไปมา ดวงตาก็เบิกโพลง จ้องไปที่ถ้วยสลัดในมือของฉินสือโอวอย่างไม่ละสายตา แล้วร้องขออย่างน่าเวทนา ยื่นมือออกไปขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินสือโอวกินไปสองชิ้น แล้วเอาถ้วยวางไว้ตรงหว่างขาของฉงต้า แล้วรวดบีบไปที่กระเจี๊ยวน้อยอันอวบอ้วนของมันแล้วพูดว่า “อยากกิน ก็ลุกขึ้นมากินเอง”
ครั้งนี้ฉงต้าเอาจริงขึ้นมาแล้ว มันพยายามสุดแรงเกิด ทีเดียวก็ลุกขึ้นนั่งได้ มันดีใจสุดขีดยื่นแขนออกไปหยิบผลไม้มากิน
แต่มันยังอ่อนต่อโลกนัก ไร้เดียงสาอย่างนี้จะตามเจ้าพ่อฉินที่โหดร้ายทันได้อย่างไร?
ฉงต้าที่อุตส่าห์ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ยังไม่ทันได้กินผลไม้เลย ฉินสือโอวก็ทับไปที่ไหล่มัน ทำให้มันล้มลงไปอีก
ฉงต้าไม่ใส่ใจ พยายามลุกขึ้นมาอีกรอบ ฉินสือโอวก็ทับให้มันล้มไปอีก
ฉันต้องลุกขึ้นมา ฉันจะกินสลัด ฉงต้ากลืนน้ำลายลงคออึกๆ ออกแรงสะบัดไหล่พยายามจะลุกขึ้นนั่ง ล้มลงต่อไปเถอะ ฉินสือโอวก็ทับให้มันล้มลงไปอีก…
สุดท้าย ฉงต้าหมดแรงแล้ว สะบัดสุดแรงก็ลุกขึ้นไม่ได้ จึงตะโกนร้องอาวๆ ออกมา
ครั้งนี้มันไม่ขยับตัวแล้ว นอนอยู่บนพื้นหายใจหอบพลางร้องตะโกนต่อไป
ฉินสือโอวหัวเราะ หยิบสับปะรดมาชิ้นหนึ่งให้มันกิน ฉงต้ากลืนลงไปไม่ทันได้เคี้ยวเสียด้วยซ้ำ แล้วมันก็มีแรงฮึดขึ้นมาทันที ก็สลัดผลไม้อร่อยมากนี่นา
ทำจนฉงต้าหมดแรงแล้วจริงๆ ฉินสือโอวจึงจะอุ้มมันขึ้นมา ฉงต้าคือตัวตะกละตัวจริงเสียงจริง ถึงขนาดว่าขี้เกียจที่จะเอาเรื่องที่ตัวเองโดนแกล้งแบบนี้ มันนั่งอยู่บนพื้นอุ้มถ้วยสลัดไว้แล้วเริ่มการหยิบผลไม้ยัดเข้าปากอย่างบ้าคลั่ง
บุชเดินเตาะแตะเข้าไปยื่นคออยากจะกินสักชิ้น ฉงต้าก็สะบัดแขนออกไปทันที ตบจนเจ้าตัวน้อยกลายเป็นลูกข่างกลิ้งออกไปไกล
ฉินสือโอวรู้สึกปวดใจ รีบไปอุ้มบุช บุชส่ายหัวไปมา ดูท่าคงจะมีอาการมึนไปสักพัก มันขดตัวอยู่บนพื้นไม่ขยับไปไหนครู่หนึ่ง
เมื่ออาการเริ่มดีขึ้น บุชโกรธแล้ว อย่างไรเสียก็เคยเป็นจ่าฝูงของนักเลงข้ามชาติจากอเมริกานี่นา มันบินเข้าไปใช้ปากนุ่มนิ่มนั้นจิกฉงต้า
ฉงต้าไม่สนใจมัน อย่างไรเสียมันก็ไม่รู้สึกเจ็บอยู่แล้ว ขอแค่นายไม่มาแย่งสลัดฉันกินก็พอ อยากทำอะไรก็เชิญเลย
เมื่อฉินสือโอวหยอกฉงต้าเสร็จ พอดีกับมีเรือตกปลาที่แล่นเข้ามาอย่างเร่งรีบ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของเขาแผ่ไปดู เฮ้ย ปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวใหญ่ขนาดสองเมตรกว่าตัวหนึ่งกำลังว่ายวนเวียนอยู่ใต้เรือนี่นา ดูเหมือนใกล้จะงับเบ็ดแล้วด้วย
ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ต้องจับกลับไป!
สุดท้าย ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่กินเบ็ดไปแล้วตัวนี้ ก็สะบัดหางหายไปจากเครื่องโซนาร์สำหรับหาปลาทันที
นักตาปลาอาร์บีเอฟเอฟอึ้งมองกันตาค้าง เขารีบเก็บตะขอเบ็ดขึ้นมาดู เห็นแต่เพียงหัวปลาที่ใช้เป็นเหยื่อที่เหลือแค่ครึ่งหัวเท่านั้น….
……………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset