บทที่ 276 เจอกวางมูส
โดย
Ink Stone_Fantasy
แม้งานเลี้ยงจะยาวไปถึงห้าทุ่มครึ่ง แต่อาหารและเครื่องดื่มก็ยังเหลือเฟือ จุดหนึ่งที่ชาวแคนาดามีความคล้ายคลึงกับชาวอเมริกันก็คือความฟุ่มเฟือย พวกเขาไม่ให้คุณค่ากับทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือน้ำก็ตาม
เมื่อคำนึงถึงเรื่องที่ว่าสาวๆ ต้องพักผ่อน แฮมเล็ตจึงประกาศว่างานเลี้ยงได้สิ้นสุดลงแล้ว ฉินสือโอวมีหน้าที่ขับรถส่งสาวๆ กลับที่พัก รถขบวนหนึ่งที่เปิดไฟหน้าขับตรงเข้าไปในเมือง
ฉินสือโอวเองก็ดื่มเหล้าไปนิดหน่อย แต่ตอนเต้นเมื่อกี้เหงื่อออกไม่น้อย ก็เริ่มสร่างเมาแล้วล่ะ
เสียงแตรดังขึ้นจากโตโยต้าโคสเตอร์ของฮิวจ์ ฉินสือโอวตกใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเงาสีเหลืองหนึ่งปรากฏบนถนน!
ตอนสังเกตเห็นสิ่งสิ่งนั้น รถได้พุ่งเข้าใส่แล้ว
โชคดีที่พลังแห่งโพไซดอนได้ปรับปรุงความเร็วในการตอบสนองของฉินสือโอวแล้ว สมองยังไม่ทันได้คิด ก็ได้เหยียบไปที่เบรกก่อนแล้ว รถคาดิลแลควันคันใหญ่เริ่มสั่นไหว และหยุดลงในเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม ได้ยินแค่เสียง ‘บูม’ รถก็ชนเข้ากับเจ้าของเงานั้น
“ให้ตายเถอะ!” ฉินสือโอวตบพวงมาลัยอย่างแรง หญิงสาวสี่คนในรถตกใจจนตื่น จงฉูฉู่หน้าซีด และถามด้วยเสียงสะอื้นว่า “คุณชนคนเข้าแล้วใช่ไหม?”
นี่เป็นไปไม่ได้หรอก เงาสีเหลืองเมื่อกี้ตัวยาวและสูงไม่ถึง 1.5 เมตร เห็นได้ชัดว่าเป็นสัตว์ป่า
เขากระโดดลงจากรถ ฮิวจ์และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังได้วิ่งมาแล้ว เมื่อเดินหน้าไปดู สัตว์ป่าขนทองที่มีความสูงระดับไหล่อยู่ที่หนึ่งเมตรและมีความยาวของตัวประมาณ 1.2 เมตรตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้น มีเขาเล็กๆ บนหัวสองอัน ดูดีๆ แล้วเป็นลูกกวางมูสนั่นเอง
กวางมูสเป็นกวางที่มีรูปร่างใหญ่และสูงที่สุดในโลก มีหน้าตาเหมือนอูฐ กวางชนิดนี้มีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนอูฐ ขายาวๆ ทั้งสี่ขาก็คล้ายกับอูฐ ไหล่ของมันสูงเป็นพิเศษ เป็นเหมือนโคกที่อยู่ด้านหลังอูฐ เป็นสัตว์สายพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของนิวฟันด์แลนด์
สำหรับสัตว์สายพันธุ์นี้ ไม่ได้เป็นที่นิยมของคนนิวฟันด์แลนด์
ตอนนี้นิวฟันด์แลนด์มีกวางมูสกว่าร้อยตัว เนื่องจากพวกมันมีความกล้าหาญ ตอบสนองช้า เมื่อเห็นรถก็ไม่รู้จักหลบ แต่กลับถูกแสงไฟดึงดูด ดังนั้นพวกมันจะเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ในเวลากลางคืนและตอนเช้ามืด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร กวางมูสชอบแสงไฟจากรถยนต์ บางครั้งที่พวกมันเห็นแสงไฟในตอนกลางคืน พวกมันจะกระโจนเข้าใส่เหมือนผีเสื้อกลางคืนซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ง่าย
แม้กวางมูสจะมีรูปร่างที่สูงใหญ่ แต่แขนขาของพวกมันนั้นเรียวเล็ก เมื่อถูกรถชนเข้าใส่ พวกมันกระเด็นไปบนฟ้า ร่างกายของพวกมันมักจะชนเข้ากับรถแล้วกระแทกกระจกหน้าแตก ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่อย่างมาก
อันตรายนี้เกิดจากขณะที่ร่างกายของพวกมันชนเข้ากับกระจก พื้นที่ที่ถูกแรงกระแทกค่อนข้างกว้าง ดังนั้นจึงทำให้ถุงลมนิรภัยอาจไม่เด้งออกมาเหมือนปกติ
มีการทดลองกวางมูสในการทดสอบรถยนต์ในสแกนดิเนเวีย โครงการนี้ต้องการทดสอบประสิทธิภาพของรถตอน เอส-เทิร์น ในความเร็วสูง เพื่อให้สามารถควบคุมรถต่อเมื่อชนเข้ากับกวางมูส
ฮิวจ์วิ่งมาดูฉินสือโอว เมื่อเห็นว่าไม่เป็นอะไรก็โล่งอกไปที แล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ ทำไมนายตอบสนองช้าอย่างนี้ล่ะ? ขนาดฉันอยู่ข้างหลังยังเห็นกวางมูสตัวนี้เลย แต่นายกลับชนเข้าไปดื้อๆ เนี่ยนะ?”
“พระเจ้าอวยพร โชคดีนะที่ฉินและสาวๆ ไม่เป็นอะไร” แฮมเล็ตพูดปลอบใจ “สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือรถ รถของนายคงได้รับแรงกระแทกอย่างแรงเลยล่ะ”
เมื่อกี้ฉินสือโอวเหยียบเบรกได้ทันเวลาพอดี ความเร็วของรถในตอนที่ชนเข้ากับกวางมูสถือว่าช้ามากแล้ว ไม่อย่างนั้นกวางมูสตัวนี้ต้องกระเด็นขึ้นมาชนเข้ากับกระจกหน้ารถอย่างแน่นอน
เขาย่อตัวไปดู กวางมูสตัวนี้ยังไม่ตาย แค่ขาหักเท่านั้น ตอนนี้มันนอนอยู่บนพื้นและส่งเสียงครึกโครม และพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ดูเหมือนว่าขาทั้งสี่ของมันจะหักไปหมดแล้ว มันร้องทุกครั้งที่ขยับเพราะความเจ็บปวด ยังไงก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
ฮิวจ์มองแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “มันเป็นกวางมูสเผือก ซึ่งหายากมาก ว่ากันว่าในกวางมูสหนึ่งหมื่นตัวจะเจอกวางมูสเผือกแค่ตัวเดียว”
กวางมูสเผือกเป็นแค่ชื่อเฉพาะ ไม่ได้หมายความว่าขนของสัตว์ป่าต้องกลายเป็นสีขาว แค่มันมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากลักษณะทั่วไป ก็สามารถเรียกว่าสัตว์เผือกได้ ตัวอย่างเช่นกวางมูสตัวนี้ กวางมูสโดยทั่วไปแล้วจะมีขนสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ แต่กวางมูสน้อยตัวนี้กลับเป็นสีทอง ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัตว์เผือกนั่นเอง
เมื่อกวางมูสน้อยเห็นผู้คนมากมายรอบตัว ดวงตาดำโตของมันแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว มันพยายามขยับตัวเพื่อจะหนี แต่ยังไงก็ขยับตัวไม่ได้ ทำได้แค่ส่งเสียงร้อง ‘โยว โยว’
ทันใดนั้น ความเป็นแม่ของสาวๆ เริ่มปรากฏ จงฉูฉู่จับแขนของฉินสือโอวแกว่งไปมาแล้วพูดว่า “พี่ฉิน คุณช่วยหาวิธีช่วยกวางตัวน้อยๆ ตัวนี้หน่อยได้ไหม? มันน่าสงสารมากเลย”
จงฉูฉู่จับแขนของเขาไปนาบที่หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอ ฉินสือโอวรู้สึกถึงความนิ่มและเด้งของมัน เขารีบดึงมือออกมา แล้วพูดล้อเล่นว่า “ไม่เป็นไร เราจะช่วยกวางน้อยตัวนี้”
แม้ว่ากวางมูสจะมีจำนวนมากและไม่มีวิกฤตการณ์สูญพันธุ์ แต่รัฐบาลแคนาดาได้กำหนดบทบัญญัติในกฎหมายการอนุรักษ์สัตว์ป่าแล้ว แน่นอนว่า มีคนไม่มากที่จะปฏิบัติตามจริงๆ ไม่อย่างนั้นในทุกๆ ปีก็จะไม่มีคนจำนวนมากขนาดนั้นเข้าไปล่ากวางในป่าได้อย่างไร
ฉินสือโอวโทรหาชาร์คให้เขาขับรถกระบะมา ในเมืองไม่มีสัตวแพทย์ ผู้คนในนั้นกำลังลังเลว่าควรทำยังไงต่อ ฉินสือโอวอาสาและพูดขึ้นว่า “ไปส่งที่ฟาร์มปลาผมเถอะ ตอนที่อยู่ประเทศจีนผมเคยทำงานด้านนี้”
แฮมเล็ตให้คนอื่นๆ กลับไปก่อน เขาจะอยู่ทำเครื่องหมาย เพื่อให้ง่ายต่อการตั้งป้ายเตือนได้ง่ายในวันพรุ่งนี้
ในยุโรปเหนือและอเมริกาเหนือ จะมีป้ายเตือนในที่ที่มีกวางมูสเดินเตร่เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับกวางมูสและอุบัติเหตุทางรถยนต์
ป้ายเตือนในแคนาดา สวีเดน นอร์เวย์และฟินแลนด์เป็นรูปสามเหลี่ยม ของที่ระลึกจำนวนมากก็จะใช้เป็นแบบแผน ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 แคนาดาออกแสตมป์ป้ายเตือนกวางมูสสามเหลี่ยม ซึ่งมีค่าแก่การสะสมมาก
หลังจากส่งสาวๆ กลับที่พักแล้ว ฉินสือโอวกลับไปที่ฟาร์มปลา กวางมูสน้อยตัวนี้ถูกชาร์คและซีมอนสเตอร์ยกลงมาแล้ว หู่จือ เป้าจือและต้าฉงต่างล้อมอยู่ข้างๆ ด้วยความอย่างรู้อยากเห็น
ฉงต้ายื่นอุ้งมือออกไปดึงหัวของกวางมูสน้อยสองที เห็นว่าเจ้านี่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ส่งเสียงร้องอย่างเสียใจหนึ่งครั้ง ซึ่งหมายความว่าสิ่งนี้ไม่สามารถกินได้
กวางมูสน้อยรู้สึกกลัวมาก ทั้งสุนัขทั้งหมี ล้วนแต่เป็นศัตรูของมัน
ชาร์คและซีมอนสเตอร์ไม่มีความรู้ด้านสัตวแพทย์ หลังจากที่ยกกวางมูสน้อยลงก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ฉินสือโอวให้ทั้งสองไปหาไม้กระดานและผ้าพันแผล เขาพันแผลให้กวางมูสอย่างสวยงาม จากนั้นนำสมุนไพรมาผสมในสาหร่ายทะเลป้อนให้มันกิน
สมุนไพรเหล่านี้เหมาเหว่ยหลงเป็นคนเอามาในครั้งก่อน เออร์บักยังกินไม่หมด ฉินสือโอวจึงนำมาใช้เพื่อปกปิดพลังแห่งโพไซดอน
กวางมูสนั้นมีนิสัยการกินที่หลากหลายมาก มีอาหารมากกว่า 70 ชนิด รวมถึงหญ้า ใบไม้ กิ่งไม้และพื้นน้ำอย่างดอกบัว แหนเป็ด สาหร่ายทะเล และอื่นๆ พวกมันดื่มน้ำทั้งวัน ฉินสือโอวใช้ถึงเครื่องดื่มขนาดใหญ่ทำถ้วยใส่น้ำให้มัน เพื่อสะดวกต่อการดื่มน้ำของกวางมูสน้อย
ขณะที่กวางมูสน้อยดื่มน้ำ เขาก็ได้ใช้น้ำเป็นตัวกลางในการส่งพลังแห่งโพไซดอนเข้าไป และแล้วปัญหานี้ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว
เมื่อจัดการกับกวางมูสน้อยเสร็จก็ดึกมากแล้ว ฉินสือโอวหาวแล้วตรงไปเข้านอน
หู่จือและเป้าจือเพิ่งเคยเห็นกวางมูสครั้งแรกจึงนอนมองอย่างสงสัยในระยะไม่ไกล ฉงต้าไม่สนใจแต่แรกแล้ว ลากต้าป๋ายไปไหนก็ไม่รู้
………………………………………