บทที่ 279 หู่เป้าแสดงพลัง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หู่จือและเป้าจือมุดอกของวินนี่ไปมาด้วยความรัก วินนี่จุ๊บตรงนั้นจูบตรงนี้ ลูบตรงนั้นเกาตรงนี้ ใบหน้างดงามของเธอแสดงออก ถึงความสุขอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ปล่อยหมาสองตัวนั้นซะ ถ้ามีอะไรก็มาลงที่ผม” ฉินสือโอวพูดด้วยท่าทีจริงจัง
วินนี่ชำเลืองมองเขาหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเขาอย่างเชิดๆ ว่า “ฉันกำลังจุ๊บลูกๆ ของฉันอยู่ คุณเป็นลูกของฉันเหรอคะ?
หู่จือและเป้าจือรีบวิ่งวนไปรอบๆ พวกมันแลบลิ้นออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าฉินสือโอวกับวินนี่กำลังกินอะไรกันอยู่ กินกันอย่างหอมหวานขนาดนั้น จนพวกมันอยากกินด้วยจนจะบ้าแล้ว
บนเรือลำหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ท่าเรือ มีผู้ชายหลายคนผิวปากขึ้นมาแถมบางคนก็ยังตะโกนแซวว่า “คนสวย ขึ้นมาทำที่เรือพวกเราบ้างสิ ฮ่าๆ”
ฉินสือโอวแอบด่าพวกเขาอยู่ในใจ เขาชูนิ้วกลางให้คนพวกนั้นพร้อมทั้งยิ้มเยาะแล้วพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณเอาเรือเข้ามาจอดใกล้ๆ สิ เดี๋ยวผมจะช่วยทำให้สักครั้ง เอาให้สาแก่ใจเลยล่ะ”
พวกเขาล้วนแต่มีนิสัยอาจหาญกันทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวเป็นคนผิวเหลือง ก็เอาเรือเข้ามาใกล้อย่างไม่ยี่หระ มีคนพูดขึ้นมาว่า “มาสิ ขอดูหน่อยว่าแกจะทำยังไง…”
ฉินสือโอวก็ทำให้พวกเขาดูจริงๆ เขาผิวปากหนึ่งครั้งพร้อมทั้งหันหลังกลับแล้วยื่นมือออกไป จากนั้นหู่จือและเป้าจือก็เหมือนกับลูกธนูที่ถูกยิงออกจากคันศร พวกมันเห่า ‘โฮ่งๆ’ แล้วพุ่งออกไป ขาทั้งสี่ข้างเหยียบอยู่บนปลายท่าเรือ กระโดดลอยตัวไปชนกับหน้าอกของชายร่างใหญ่สองคน
ตอนนี้หู่จือและเป้าจือมีอายุได้หกเดือนแล้ว พวกมันได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ถึงแม้ว่าจะยังไม่โตจนมีรูปร่างอย่างสุนัขแลบราดอร์ที่โตเต็มวัย แต่พวกมันกลับยิ่งกล้าหาญ ยิ่งมีพละกำลัง ทั้งยังมีความเร็วที่มากกว่า
เมื่อพวกมันกระโดดเข้าไปชน มนุษย์ดวงกุดทั้งสองที่ถูกชนจนล้มลงไปบนเรือก็ร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ส่วนคนอื่นๆ ก็ตกใจจนร้องโวยวายออกมาอย่างน่าสมเพชแล้ววิ่งเข้าไปในห้องโดยสารอย่างรีบร้อน
หู่จือและเป้าจือโถมตัวลงไปแล้วก็กระโดดขึ้น มาอีก จากนั้นก็ชนคนอีกหลายคนจนกลายเป็นน้ำเต้าที่กลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้นติดต่อกันอยู่หลายครั้ง มือข้างหนึ่งของฉินสือโอวถือเอากระเป๋าเดินทางของวินนี่เอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โอบเอวของวินนี่วิ่งเข้าไปในเรือแฟร์เวล
รอจนเขาวิ่งเข้าไปในเรือแล้ว ไม่ต้องให้เจ้านายบอก หลังจากชนคนบนเรือจนล้มก็หู่จือและเป้าจือก็รีบวิ่งหนีขึ้นไปบนเรือลาดตระเวนอย่างฉลาดปราดเปรื่อง
ฉินสือโอวสตาร์ทเครื่องเรือเล็ก เรือแฟร์เวลก็ลอยออกไปจากท่าเรือพร้อมร่องรอยของทางน้ำที่เป็นเส้นโค้งอย่างสง่างาม ขับมุ่งหน้าสู่เกาะแฟร์เวลอย่างสง่าเปิดเผย ชายร่างใหญ่บนเรือกลุ่มนั้นก็ลุกขึ้นมาอย่างคนจนตรอกแล้วตะโกนออกมาอย่างไร้ประโยชน์ว่า
“ไอ้ลูกหมาโสเภณีเลี้ยงมา ฉันจะเอาปืนเรมิงตันไประเบิดหัวหมาของมัน…”
“แจ้งตำรวจสิ มันปล่อยหมามาโจมตีคนอื่น ถ้าฆ่าหมามัน…”
“พระเจ้าช่วย เอวฉัน หมาเวรพวกนั้นมันชนเข้ากับเอวด้านหลังของฉัน…”
ผู้คนบนท่าเรือที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็พากันยิ้มกริ่ม ไม่มีใครเข้าไปช่วย แน่นอนว่า ไม่มีใครเชื่อเช่นกันว่ากะลาสีเรือพวกนี้จะกล้าไปหาเรื่องมหาเศรษฐีที่เลี้ยงหมาพร้อมทั้งควงสาวสวย แถมขับเรือลาดตระเวนราคาสี่ห้าสิบล้านคนนั้นจริงๆ
เมื่อขึ้นเรือมาแล้ว วินนี่ก็เอาแต่หัวเราะคิกคักไม่หยุด ฉินสือโอวควบคุมหางเสือไว้ เขาพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม “นี่มันน่าตื่นเต้นมากเลยใช่ไหม?”
วินนี่พยักหน้า เธออุ้มเอาหู่จือและเป้าจือที่กำลังแลบลิ้นออกมาขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดพร้อมทั้งใช้ใบหน้าที่สวยงามของเธอถูเข้ากับหัวของพวกมัน แล้วพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว น่าตื่นเต้นมาก ลูกๆ ของฉันทำได้ดีที่สุดเลย พวกมันสามารถปกป้องคุณแม่ได้แล้ว ใช่ไหมล่ะ?”
หู่จือและเป้าจือเอาหัวของพวกมันถูกับวินนี่ด้วยความคึกคักดีใจเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวคิดว่านี่มันไม่ถูกต้อง เขาจึงหันหน้ากลับไปมองดูดีๆ เจ้าหมาทรยศทั้งสองตัวทั้งถูไปด้วยแล้วก็แสยะปากไปด้วย ดูยังไงๆ ก็เหมือนกับว่ากำลังยิ้มด้วยความพึงพอใจอยู่
วินนี่ไม่ได้สนใจ เธอลูบไปตามขนยาวๆ ของพวกมันแล้วพูดว่า “อืม ฉันไม่อยู่ก็เลยไม่มีใครตัดขนให้พวกแกเลยสินะ ทำไมถึงได้ยาวขนาดนี้กันนะ? ถ้ากลับไปแล้วฉันจะตัดให้พวกแก…”
ยังไม่ทันพูดจบ หู่จือและเป้าจือที่เห็นเธอทำมือเป็นรูปกรรไกรก็แอบก้มหัวลงทันที ทำท่าทางเหมือนว่าเห็นของที่น่าสนใจมากกว่า แล้ววิ่งออกไปจากห้องขับเรือ
พอเจ้าหลอดไฟดวงน้อยทั้งสองตัวจากไป ฉินสือโอวก็ดึงวินนี่เข้ามา เขาใช้แขนโอบเอวเธอเอาไว้เพื่อสานต่องานใหญ่บนท่าเรือเมื่อก่อนหน้านี้
วินนี่ดิ้นตัวออกมา เธอกดมือใหญ่ของเขาที่กำลังก่อเหตุเอาไว้ แล้วปฏิเสธเขาอย่างนิ่มๆ ว่า “อย่าทำอย่างนี้สิคะ นี่มันบนเรือนะ”
ตอนนี้รูจมูกของสุภาพบุรุษฉินแทบจะพ่นควันออกมาแล้ว เขาหอบหายใจหนัก “แต่ที่นี่ไม่มีคนนะ ที่รัก คุณไม่รู้หรอกว่าผมคิดถึงคุณขนาดไหน ผมน่ะเก็บเนื้อรักษาตัวไว้เพื่อคุณอย่างดีเลยนะ ทำเอาผมอึดอัดจะตายอยู่แล้ว”
วินนี่มองเขาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกรักและความอ่อนโยน เธอพูดกับเขาว่า “หาโอกาสที่ดีกว่านี้ไหมคะ ฉันก็รักษาเนื้อตัวไว้อย่างดีเพื่อคุณเหมือนกัน แต่ถ้าทำมันครั้งแรกในที่แบบนี้ ต่อไปจะรู้สึกเสียดายเอานะคะ”
ตอนนี้ฉินสือโอวอัดอั้นอย่างกับสุนัขตัวหนึ่ง มีหรือที่จะสนใจเรื่องกาลเทศะ? วินนี่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด อีกทั้งยังช่วยเขาจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ ทั้งยังต้องสัญญากับเขา เขาถึงได้ซึมลงแล้วยอมทำตัวดีๆ
หลังจากเรือเทียบฝั่งแล้ว เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ก็ยังขายเกี๊ยวปลาอยู่ในเมือง ส่วนชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และนีลเซ็นก็ออกทะเลไปแล้ว มีเพียงแค่เออร์บักที่ยังอยู่ในบ้านเหมือนกับพ่อบ้านคนหนึ่ง
ธุรกิจเล็กๆ ของพวกเด็กๆ นับว่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เนื่องจากเกี๊ยวมีราคาไม่แพงแถมยังรสชาติดี คนในเมืองจึงมักจะมาช่วยอุดหนุนพวกเขาอยู่บ่อยๆ ดังนั้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนอกจากที่พวกเขาจะเข้าร่วมค่ายลูกเสือฤดูร้อนของโรงเรียนแล้ว พวกเขาก็ยังขายเกี๊ยวกันด้วย
ฉินสือโอวก็รีบเข้ามาในบ้านด้วยจิตใจที่ร้อนรนเหมือนโดนไฟเผา เขายังอยากจะไปต่อกับวินนี่อยู่ แต่เมื่อเห็นเออร์บัก เขาก็อดกลั้นไว้สักครู่จากนั้นความรู้สึกพวกนั้นก็หายไปทันที…
ตอนที่เออร์บักกำลังกอดวินนี่อยู่ เขาก็พูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “พอรู้ว่าเธอจะมา เจ้าฉินก็ดีใจจนแทบแย่ ห้องของเธอเขาก็พาเชอร์ลี่ย์ไปทำความสะอาดไว้รอเธอมาประมาณห้ารอบแล้ว เข้าไปอยู่ได้เลยนะ”
วินนี่ส่งยิ้มหวานราวกับน้ำผึ้งไปให้ฉินสือโอวพร้อมทั้งหอมแก้มของเขา เธอตบแก้มของเขาเบาๆ แล้วพูดกับเขาว่า “คุณก็เป็นเด็กดีเหมือนกันนะคะ เหมือนหู่จือกับเป้าจือเลย เป็นสุดที่รักของฉันด้วยกันทั้งนั้นเลย”
ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่จริงแล้วเขาเป็นคนทำความสะอาดซะที่ไหนกันล่ะ เป็นเออร์บักต่างหากที่พาเด็กๆ ทำความสะอาด
หลังจากที่วินนี่ขึ้นไปข้างบนแล้ว เออร์บักก็พูดกับเขาว่า “มีเรื่องอื่นกำลังรอนายอยู่ แอนโทนี ไวท์จากสำนักงานบัญชีเดลเลอร์ส่งอีเมลมาให้นาย นายลองไปดูได้ ใบเสร็จเงินคืนภาษีของนายออกมาแล้ว”
“อะไรนะครับ ยังมีเงินคืนภาษีด้วยเหรอ? ไม่ใช่ว่าอยู่ในใบเสร็จเสียภาษีเมื่อก่อนหน้านั้นหมดแล้วเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
เออร์บักยิ้มแล้วตอบเขาว่า “ตอนนั้นมันคือการเลี่ยงภาษี ไม่ใช่การขอเงินภาษีคืน ของบางอย่างที่นายซื้อ อย่างเช่นเรือยอชต์กับรถหรูและของที่มีราคาแพงพวกนั้น จะไม่มีนโยบายเงินคืนภาษี แต่ถ้านายซื้อลูกพันธุ์ปลา อาหารปลาหรือพวกหญ้าทะเล พวกนั้นจะขอเงินภาษีคืนได้”
ฉินสือโอวยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง “เงินคืนภาษี” เท่าไรนัก ที่แคนาดา เนื่องจากภาษีเงินได้ส่วนบุคคลเป็นการชำระล่วงหน้า เมื่อเขาซื้อของที่เกี่ยวกับลูกพันธุ์ปลา เงินที่เสียไปก็มีภาษีอยู่ในนั้นด้วย
เงินภาษีพวกนี้จะถูกหักโดยผู้ขาย ที่เป็นผู้ชำระแทน หรือก็คือ ที่แคนาดา ของชิ้นเดียวกันที่ถูกขายออกไป ทั้งคนซื้อและคนขายต่างก็ต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐบาล ซึ่งนี่ก็คือกรมสรรพากรของยุโรปและอเมริกาในตำนานที่ถูกเรียกว่า ‘นโยบายผีดูดเลือด’
แต่สำหรับเจ้าของฟาร์มปลาแล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับภาษีหลายอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กรมสรรพากรจะทำการกำหนดอัตราการหักภาษีตามระดับราคาของไตรมาสที่แล้ว ตอนที่ฉินสือโอวซื้อของพวกนี้ ก็จะจ่ายเงินตามภาษีในไตรมาสก่อนหน้า
จากนั้น หลายๆ อย่างก็เหมือนกับที่เออร์บักได้กล่าวมาแล้ว เมื่อคุณซื้อของเยอะเข้า รัฐบาลก็จะคืนเงินภาษีกลับมาส่วนหนึ่ง นี่ก็ถือว่าเป็นการสนับสนุนการใช้จ่ายและการสร้างสรรค์ของคุณ
ใบเสร็จที่สำนักงานบัญชีเดลเลอร์ส่งมาให้ฉินสือโอวในครั้งนี้ รวมสองส่วนที่สำคัญเอาไว้ เขาลองดาวน์โหลดเอกสารมาดู พวกนี้เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย มีจำนวนมากถึงหกแสนห้าหมื่นดอลลาร์ นับว่าเป็นลาภลอยที่ได้มาอย่างไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
………………………………