ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 312 คอร์เนอร์ บรูค

วันที่ 18 เดือนกันยายน ฉินสือโอวสวมชุดถังจวงอีกครั้ง แล้วพาวินนี่ไปเข้าร่วมงานชุมนุมของชาวจีนในครั้งนี้
พอมาอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ ฉินสือโอวพบว่าคนจีนให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ มีงานเลี้ยงชุมนุมเพื่อเฉลิมฉลองวันรำลึกต่างๆ รวมถึงงานเลี้ยงฉลองตามเทศกาลอยู่หลายงาน
นี่เป็นหนึ่งในวิธีที่ชาวจีนนำมาใช้เพื่อเพิ่มความเป็นปึกแผ่น อีกทั้งเพื่อเป็นการเผชิญหน้ากับคนขาว ชาวจีนยิ่งต้องสามัคคีกัน ดังนั้นผู้อพยพหลายคนล้วนแต่ยินดีเข้าร่วมงานชุมนุมกันทั้งนั้น อยู่ต่างถิ่นต้องพึ่งพาเพื่อนร่วมชาติ อีกทั้งงานเลี้ยงแบบนี้ก็ยังช่วยให้ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ เป็นโอกาสดีที่จะเข้าวงสังคม
ครั้งนี้สถานที่ในการจัดงานครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่นครเซนต์จอห์น แต่อยู่ที่คอร์เนอร์ บรูค เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนแถบชายฝั่งทิศตะวันตกในรัฐนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดา
นครเซนต์จอห์นเป็นเมืองเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนิวฟันด์แลนด์ ส่วนคอร์เนอร์ บรูคถูกจัดเป็นอันดับสอง แต่ว่าจำนวนชาวจีนในเมืองแห่งนี้มีมากกว่าที่นครเซนต์จอห์น
นี่ก็เกี่ยวข้องกับสภาพโครงสร้างเศรษฐกิจของทั้งสองเมืองเช่นกัน นครเซนต์จอห์นมีรายได้หลักจากอุตสาหกรรมการประมงและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่วนเศรษฐกิจของคอร์เนอร์ บรูคจะพึ่งพา การตัดไม้ เหมืองหินปูน อุตสาหกรรมปศุสัตว์และอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ เหมาะกับการลงทุนจนไปถึงการทำงานหาเลี้ยงชีพของคนจีนมากกว่า
คอร์เนอร์ บรูคตั้งอยู่บนปากแม่น้ำฮัมเบอร์ทางชายฝั่งตะวันตกของนิวฟันด์แลนด์ มีจำนวนประชากรไม่ถึงห้าหมื่นคน ในจำนวนเหล่านั้นมีชาวจีนอยู่ราวๆ แปดพันคน เป็นเมืองของชาวจีนที่มีชื่อเสียงในแคนาดา
ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิเสธคำเชิญครั้งแรกเป็นการเสียมารยาท ฉินสือโอวก็ไม่อยากมาเลยจริงๆ คอร์เนอร์ บรูคอยู่ทางฝั่งตะวันตกของนิวฟันด์แลนด์ ส่วนเมืองแฟร์เวลอยู่ทางฝั่งตะวันออก ระยะทางนับว่าไกลกันอยู่มาก
แถมคราวนี้ ฉินสือโอวจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปก็ไม่ได้ เพราะว่าพวกเขาสวมชุดราตรีไปร่วมงานเลี้ยง ตอนลงเฮลิคอปเตอร์ลมแรงเกินไป จะทำให้เสื้อผ้ายับและเปื้อนฝุ่นได้ง่ายๆ
ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบออกเดินทาง ไม่อย่างนั้นก็จะไปไม่ทันงานเลี้ยง ทันแค่ทานมื้อเย็นเท่านั้น
เดิมทีฉินสือโอวไม่อยากขับรถ เขารู้สึกเหนื่อยอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อออกเดินทางก็ไม่ได้เป็นแบบนี้แล้ว
นิวฟันด์แลนด์ก็เหมือนกันกับที่อื่นๆ ในแคนาดา เขตพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ถนนกว้างขวางตรงดิ่ง ในช่วงเช้าจะพบเห็นรถได้น้อย หลังจากได้ขับทะยานไปบนถนน ก็เหมือนกับได้ขี่ม้าบนทุ่งหญ้าโดยที่ไม่จำเป็นต้องจับบังเหียน ขับตรงไปได้อย่างสบายๆ
ในตอนแรกฉินสือโอวยังค่อนข้างควบคุมความเร็วอยู่ พอมองเห็นป้ายจำกัดความเร็วบนท้องถนน เขาก็ลดความเร็วลงมาต่ำกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง
วินนี่ยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “คุณเร่งความเร็วได้นะคะ ไม่ต้องไปสนใจป้ายจำกัดความเร็วหรอก ป้ายจำกัดความเร็วของนิวฟันด์แลนด์น่ะมีไว้ดูเฉยๆ ตอนนี้คุณจะขับด้วยความเร็วร้อยยี่สิบหรือกระทั่งร้อยห้าสิบก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”
พอฉินสือโอวได้ยินอย่างนี้ เขาก็เหยียบคันเร่งลงไปอีกทันที รถคาดิลแลควันร้องคำรามแล้วเพิ่มความเร็วขึ้นอีก ต้นสนจีนกับต้นเมเปิล ที่อยู่ริมถนน ถูกความเร็วของรถสะบัดทิ้งห่างไว้ด้านหลัง
ในความเร็วเท่านี้ กับสภาพถนนแบบนี้ รถคาดิลแลควันก็แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่เหนือชั้นของมัน
ถึงแม้จะเพิ่มความเร็วขึ้นอีก แต่รถกลับไม่ลอยเลยแม้แต่น้อย มันวิ่งไปบนพื้นถนนอย่างมั่นคง นอกจากนี้เพราะทางหลวงที่ราบเรียบ เมื่อนั่งอยู่บนรถจึงไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเลยแม้แต่น้อย เหมือนนั่งเก้าอี้อยู่ในบ้าน แล้วชมวิวนอกหน้าต่างที่คล้อยหลังไปอย่างต่อเนื่อง
ที่ทำให้รู้สึกดีที่สุดก็คือ ขับรถไปบนทางหลวงที่ราบเรียบขนาดนี้ แต่ฉินสือโอวไม่ต้องเสียค่าทางด่วน ทั่วทั้งรัฐนิวฟันด์แลนด์ไม่มีถนนเส้นไหนที่เก็บเงินเลยสักเส้น คุณขับได้ตามสบาย
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว หลังจากอุณหภูมิของอากาศเพิ่มสูงขึ้น ฉินสือโอวก็เปิดหน้าต่างออก รับรู้ถึงลมแรงที่พัดผ่านใบหูไปอย่างสดชื่น
จากนครเซนต์จอห์นถึงคอร์เนอร์ บรูค ระหว่างทางที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นแถบทุ่งหญ้าไปกว่าครึ่ง ดังนั้นเมื่อมองออกไปด้านนอก ก็มักจะมองออกไปได้ไกลหลายกิโลเมตร กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้ากับผืนดินกว้างใหญ่ก็คล้ายว่าจะเชื่อมเข้าด้วยกัน
ตอนที่ขับรถมาได้เกือบครึ่งทาง ฉินสือโอวขับผ่านทะเลสาบกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง วินนี่บอกให้เขาจอดรถพักผ่อนก่อนสักหน่อย ฉินสือโอวจอดรถแล้วลงไปเดินเล่นที่ริมทะเลสาบอยู่สิบกว่านาที
ทะเลสาบแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าทะเลสาบเฉินเป่า น้ำในทะเลสาบก็ใสสะอาดยิ่งกว่า เหมือนฉากหนึ่งในหนังเรื่องฟอร์เรสท์ กัมพ์ ตอนที่กัมพ์กำลังวิ่งไปบนท้องถนน ข้างกายเขาก็มีทะเลสาบขนาดใหญ่แบบนี้เหมือนกัน
“ทะเลสาบท่ามกลางภูเขา น้ำใสสะอาดอย่างนั้น เจนนี่ มันเหมือนกับท้องฟ้าอีกหนึ่งผืนที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน จนผมแยกไม่ออกแล้วว่าด้านไหนคือท้องฟ้า ด้านไหนคือผืนน้ำ”
ฉินสือโอวอดที่จะคิดถึงบทพูดอมตะท่อนนี้ไม่ได้ ตอนนี้ทะเลสาบผืนนี้ก็ใสสะอาดแบบนั้นเลยล่ะ
ถ่ายรูปไปแล้วครึ่งโหล ฉินสือโอวก็ออกเดินทางอีกครั้ง จากนั้นรถราและผู้คนก็เริ่มเพิ่มขึ้นทีละน้อย ทุกครั้งที่มีรถขับผ่าน ทั้งสองฝ่ายก็จะผิวปากทักทายกัน กระทั่งว่า บางครั้งก็มีคนขับรถบางคนที่คุยกันผ่านวิทยุสื่อสาร
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเหตุการณ์เช่นนี้แปลกใหม่มากๆ เปิดวิทยุบนถนน มีคนถ้ามีคนพูดมาเขาก็ตอบกลับไปสองครั้ง ในหนังฮอลลีวูดเมื่อก่อน จะสามารถเห็นเหตุการณ์แบบนี้ได้เช่นกัน คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะยังได้สัมผัสมันกับตัวเอง
แท้จริงแล้วนี่เป็นเรื่องปกติมาก ระยะเวลาในการขับรถกว่าหกเจ็ดชั่วโมง ล้วนแต่เป็นเส้นทางไกลลิบลิ่วทั้งสิ้น ทำให้จิตใจเหนื่อยล้าและเกิดความรู้สึกมึนชาได้ง่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ได้เจอกับรถคันอื่นบนท้องถนน คนขับรถจึงพากันเห็นคุณค่าของสิ่งนี้
ออกเดินทางในเวลาหกโมงเช้า ในช่วงมื้อเที่ยงตอนเที่ยงวัน ก็มาถึงเมืองเล็กคอร์เนอร์ บรูคแห่งนี้แล้ว
ก่อนออกเดินทางรถคาดิลแลควันถูกขัดทำความสะอาดจนเงาวับ เมื่อมาถึงโรงแรมวินสตัน วูดเดน โบ๊ทในเมืองเล็ก มันก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองจนทั่วทั้งคันซะแล้ว…
โรงแรมวินสตัน วูดเดน โบ๊ทคือโรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในคอร์เนอร์ บรูค อุตสาหกรรมบริการของแคนาดามีความเจริญมาก ถึงแม้จะเป็นเมืองที่มีประชากรแค่สี่ห้าแสนคนแต่ก็มีโรงแรมระดับห้าดาวอยู่หลายแห่ง
ฉินสือโอวโทรศัพท์หาเอี๋ยนตงเหล่ย จากนั้นเขาจึงขับรถเข้ามารับทั้งสองคนไป มองเห็นวินนี่ที่สวมชุดกี่เพ้า เกล้าผมสูง สายตาของเอี๋ยนตงเหล่ยก็ปรากฏความสนใจขึ้นมาแวบหนึ่ง เขาพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวฉินมีวาสนาดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีแฟนสวยขนาดนี้”
วินนี่ส่งรอยยิ้มนุ่มนวล เธอพูดกับเขาว่า “ขอบคุณค่ะ ชมฉันเกินไปแล้ว”
เอี๋ยนตงเหล่ยยักคิ้ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่ได้ชมเกินไปหรอก ผมพูดจริงๆ แถมภาษาจีนของคุณก็ยังดีมากอีกด้วย พี่น้องชาวจีนหลายคนที่มางานชุมนุมครั้งนี้ ไม่มีใครพูดได้ชัดเลยสักคน”
เอี๋ยนตงเหล่ยพาทั้งสองคนเข้ามาในโรงแรม ห้องพักถูกเปิดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ห้องดีลักซ์ สวีทหนึ่งห้อง เอี๋ยนตงเหล่ยถามว่ามีปัญหาอะไรไหม ฉินสือโอวแทบจะหุบยิ้มไม่ลง เขาพูดซ้ำๆ ว่าไม่เป็นๆ ดีมากแล้วๆ
ห้องเดี่ยวเตียงใหญ่เตียงเดียวเลยนะ จะยังต้องเปลี่ยนอะไรอีก? ใครจะเปลี่ยนต้องมีเรื่องกับฉินสือโอวแล้ว!
ช่วงเที่ยงเอี๋ยนตงเหล่ยไปที่ภัตตาคารอาหารจีนแห่งหนึ่ง ชื่อว่า ’ล่าเหมยจื่อ’ (สาวแซ่บ) แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นอาหารหูหนาน
เอี๋ยนตงเหล่ยพูดให้เขาฟังว่า เจ้าของโรงแรมวินสตัน วูดเดน โบ๊ท กับเจ้าของภัตตาคารอาหารจีนเป็นชาวจีนด้วยกันทั้งคู่ ตอนนี้ชาวจีนเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของเมืองนี้ อุตสาหกรรมหลายอย่างล้วนแต่ถูกชาวจีนซื้อไปหมดแล้ว
ตอนนี้ชาวจีนมีชื่อเสียงในสังคมที่แคนาดามากๆ ทว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ชื่อเสียงพวกนี้เกี่ยวกับแค่เรื่องเงินเท่านั้น ถึงแม้ฉินสือโอวจะเป็นคนหนุ่มผู้เกี้ยวโกรธ แต่ตอนนี้เขาก็คงต้องยอมรับแล้วว่า ภาพลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นและเกาหลีได้สร้างไว้ในแคนาดานั้นยังดูดีกว่ามากนัก
งานชุมนุมจะเริ่มตอนบ่ายโมงครึ่ง เอี๋ยนตงเหล่ยมีหน้ามีตาในสังคมชาวจีนที่นิวฟันด์แลนด์ หลังจากที่พวกเขาเข้ามานั่งแล้ว หลิวชิงพ่อครัวใหญ่เจ้าของภัตคารก็เข้าครัวลงมือทำ หัวปลานึ่งราดพริก ไก่ผัดตงอัน ล่าเว่ยเหอเจิง (เนื้อหมักราดซอส) มะเขือยาวนึ่งพริกหยวก ปิงถังเซียงเหลียน (เม็ดบัวลอยแก้ว) อู๋กังเซียงกาน เนื้อวัวแห้งผัดพริกแดง อาหารจีนหูหนานชื่อดังหลากเมนูด้วยตัวเอง หลังจากนั้นก็เข้ามาร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเขา
ขณะรับประทานอาหาร เอี๋ยนตงเหล่ยก็พูดถึงลำดับของงานชุมนุมครั้งนี้ให้ฟังอย่างคร่าวๆ ช่วงบ่ายจะเป็นการบรรยาย ช่วงสี่โมงเย็นจะมีปาร์ตี้น้ำชา พอถึงหกโมงครึ่งก็จะเริ่มงานประมูลยามค่ำคืน
ฟังที่เอี๋ยนตงเหล่ยเล่า ฉินสือโอวก็หยิบเอาของที่เขาเตรียมมาประมูลขึ้นมา
เมื่อเปิดหีบห่อที่มีความประณีตออก หอยเบี้ยสีทองที่มีสีสันงดงามก็เผยให้เห็นความสวยงามที่น่าตื่นตะลึงของมัน เอี๋ยนตงเหล่ยก็เป็นคนรอบรู้ พอมองเห็นเปลือกหอยเบี้ยสีทองอันนี้เข้าก็เบิกตากว้าง แล้วพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวฉิน นายทุ่มทุนจริงๆ”
………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset