สำหรับเกษตรกรแล้ว การทำงานในไร่นั้นไม่มีที่สิ้นสุด
ความทรงจำของฉินสือโอวในวัยเยาว์ ดูเหมือนว่านอกจากฉลองวันปีใหม่หลายวันนั้นแล้ว วันอื่นๆ ก็มีงานในไร่หรือไม่ก็แปลงเกษตรของที่บ้านรอเขาให้ไปทำ เช่นรดน้ำ พรวนดิน ถอนหญ้า ไม่มีงานหนักอะไร แต่งานเล็กน้อยจิปาถะนี่ไม่น้อยเอาซะเลย
หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพด พ่อแม่ของฉินสือโอวต้องแกะเมล็ดข้าวโพดในตอนกลางคืน สำหรับฉินสือโอวแล้วนี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย ในช่วงวัยเด็กของเขา ตอนกลางคืนต้องเปิดไฟเพื่อทำงานอย่างหนักนอกบ้าน อีกทั้้งยังเป็นอาหารของยุง เขาขยาดที่ต้องเป็นอาหารของยุง เขาพูดทั้งแง่ดีและแง่ร้าย พ่อของเขาจึงรับปากว่าจะใช้เครื่องจักรในการแกะข้าวโพด
แต่เดิมฉินสือโอวคิดว่า เก็บข้าวโพดเสร็จ การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุดลง อย่างนี้เขาก็สามารถพาพ่อแม่ของเขาไปพักผ่อนที่ฟาร์มปลาได้
ปรากฏว่า ในตอนกลางคืนที่เขาพูดถึงความคิดนี้ พ่อของฉินสือโอวก็เริ่มนับ “อีกหนึ่งอาทิตย์ก็ต้องเก็บถั่วลิสงในไร่ หลังจากเก็บเกี่ยวถั่วลิสงเสร็จ ก็ต้องรีบเก็บขิงต่อ การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงก็สิ้นสุดลงอย่างนี้ พอที่ว่างต้องปลูกข้าวสาลีต่อ…”
“พ่อ พ่อกับแม่จะอยู่ว่างๆ บ้างไม่ได้เหรอ? มีคำพูดเก่าแก่ที่บอกว่า ‘มีวาสนาแต่ไม่ใช้ก็เหมือนไม่มี’ นะ การใช้ชีวิตในแคนาดาดีมากจริงๆ ที่นั่นทิวทัศน์ดี อากาศก็ดี การกินการดื่มก็ดี อะไรก็ดีไปหมดทั้งนั้น พ่อกับแม่ไปเที่ยวดูหน่อยได้ไหม?” ฉินสือโอวพูดได้แค่นั้น
พ่อของฉินสือโอวสูบบุหรี่ แล้วค่อยๆ ถาม ” ทิวทัศน์ของที่นั่นดียังไง? มีต้นไม้เยอะ น้ำเยอะ นกเยอะหรือเปล่า? อากาศดีแค่ไหน? ไม่ใช่เพราะรถมีน้อย โรงงานมีไม่มากหรอกเหรอ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า กำลังจะเริ่มพูด แต่พ่อของเขาพูดต่อ “งั้นมันแตกต่างจากบ้านเราตรงไหน? แกดูสิ ในหมู่บ้านมีต้นไม้ใหญ่ทุกหนทุกแห่ง หน้าบ้านเป็นแม่น้ำไป๋หลงที่นั่นของแกน่ะ รถน้อย โรงงานไม่มาก แต่หมู่บ้านของเราไม่มีรถไม่มีโรงงานเลย”
คำพูดนี้ทำให้ฉินสือโอวพูดอะไรไม่ออก เขาพบว่าตัวเองไม่มีคำพูดใดๆ จะพูดต่อ
“อีกอย่างตอนนี้แกก็ได้ดิบได้ดี ฉันกับแม่ของแกไม่มีความกังวลใจอะไร ปกติอยากกินอะไรก็กิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ใช้ชีวิตอย่างนี้ยังไม่สบายอีกเหรอ? ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องพ่อแม่หรอก ใช้ชีวิตที่ดีของแกในแคนาดาก็พอแล้ว” พ่อของเขากล่าวอีกครั้ง
ฉินสือโอวก็รู้ว่าพ่อแม่ของเขาไม่ต้องการไปแคนาดา ปัญหาหลักคือพวกเขาไม่เคยออกจากบ้านและคงทิ้งไปไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาในการสื่อสาร ไปที่เมืองแฟร์เวลก็ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด แม้แต่คนที่จะพูดคุยด้วยก็ไม่มี แท้จริงแล้วในใจของพวกเขาไม่ยอมจากบ้านเกิดไปไหน
สุดท้ายฉินสือโอวหมดหนทางจึงต้องใช้เคล็ดลับเด็ด “งั้นพ่อกับแม่ต้องไปดูลูกสะใภ้สักหน่อยสิ? พ่อกับแม่ไม่อยากเจอลูกสะใภ้เร็วๆ เหรอ?”
เสน่ห์ของวินนี่ใช้ได้ผลกับทุกคนจริงๆ พออ้างถึงประเด็นนี้ทั้งสองคนเริ่มมีปฏิกิริยาที่ดีขึ้น พ่อกับแม่ของเขาปรึกษากันสักพัก จากนั้นตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “หลังจากเก็บขิงและปลูกข้าวสาลีเสร็จ พ่อกับแม่จะไปที่นั่นกับแก!”
หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ฉินสือโอวอยู่ที่บ้านก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องทำแล้ว เดือนกว่าๆ พ่อกับแม่ก็จะไปอยู่ด้วยกันที่แคนาดา เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่บ้านต่อไป
ดังนั้นเขาจึงอยู่ต่อไปอีกสามสี่วันเพื่อกินข้าวร้องเพลงกับฉินเผิงและเพื่อนๆ เมื่อพบปะกันจนหายคิดถึงแล้ว เขาจึงจองตั๋วเครื่องบินกลับนครเซนต์จอห์น
ทันทีที่เขาออกจากสนามบินเซนต์จอห์น เบิร์ดที่สวมชุดพรางตาอยู่ไปช่วยเขายกกระเป๋าเดินทางและพาเขาไปที่เฮลิคอปเตอร์
อย่าเห็นว่ามันเป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก เมื่อมีมันแล้วการเดินทางสะดวกขึ้นเยอะจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะค่าบำรุงรักษาที่แพงเกินไป สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ฉินสือโอวก็วางแผนจะเปลี่ยนยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางทั้งหมดเป็นเครื่องบินอยู่เหมือนกัน
แน่นอนว่าสำหรับเขาแล้ว ค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาเครื่องบินเล็กๆ ลำหนึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเงินของบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอ็กซ์โพลเรชั่นและบริษัทบริษัทกู้ซากในมหาสมุทรเสี่ยวอวี๋ต่างต้องโอนเข้าบัญชีของเขา
ฉินสือโอวไม่ได้ไปร่วมงานประมูลของล้ำค่าที่กู้ได้จากท้องทะเลที่ไมอามีจัดขึ้น แต่หลังจากนั้นเขาเห็นข่าวรายงานว่าการประมูลนั้นร้อนแรงมาก บริษัทโอดิสซีย์เชิญสื่อมวลชนจำนวนมากมาร่วมงานเพื่อสร้างชื่อเสียง และให้งานประมูลได้รับความสนใจมากพอ โอดิสซีย์เชิญสื่อจำนวนมากเข้ามาเพื่อสร้างแรงผลักดันและได้รับความสนใจเพียงพอสำหรับการประมูล
เป็นที่เข้าใจได้ว่าเมื่อก่อนที่บริษัทโอดิสซีย์ลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อกู้เรือรบเมอซี่ ปรากฏว่าค้นหาเรือพบ สมบัติที่กู้ขึ้นมาได้นั้น รัฐบาลสเปนเข้ามาแทรกแซงแล้วเอาผลงานนั้นไป สิ่งที่เหลือให้พวกเขาคือการมีรายจ่ายมากกว่ารายรับที่ทำให้บริษัทเกือบจะล้มละลาย
สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ครอบครัวหนึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อย่างนี้เป็นลักษณะของการถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขสีแดงที่แสดงว่ารายจ่ายมากกว่ารายรับ และยังทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง
ดังนั้นหลังจากที่ฉินสือโอวได้ไดอารี่ของกัปตันเรือดังเคิลออสเตียสแล้ว บริษัทโอดิสซีย์จึงยอมจ่ายผลประโยชน์ 15%เพื่อที่จะได้ครอบครองไดอารี่เล่มนี้
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรักษาสมบัติของซากเรืออับปางชุดสุดท้ายนี้ให้ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นทุนก้อนสุดท้ายที่บริษัทโอดิสซีย์จะฟื้นกิจการขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถนำมาใช้เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย
สำหรับสมบัติที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลือถือเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น การประมูลครั้งสุดท้ายคือ 1.62 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ
หลังจากการจ่ายภาษีที่ซับซ้อน การหลีกเลี่ยงภาษี และการคืนภาษี บริษัทโอดิสซีย์ได้รับท้ายสุดคือ 1.1 ร้อยล้าน เป็นของฉินสือโอว 15% นั่นก็คือ 16.5 ล้านเหรียญสหรัฐ!
ถือโอกาสจากการประมูลครั้งนี้เพื่อขายเหรียญทองคำของสหรัฐอเมริกา ปี 1907 ในราคาดีๆ รายได้จากการประมูลคือ 34.5 ล้านเหรียญ รายได้จากทองหล่อ 29.8 ล้านเหรียญ และมูลค่ารวม 64.3 ล้านเหรียญสหรัฐ!
เมื่อเกี่ยวข้องถึงเงินจำนวนมากขนาดนี้ การโอนเงินจึงไม่ใช่กระบวนการของการป้อนตัวเลขในคอมพิวเตอร์เท่านั้น
บริษัทโอดิสซีย์และบริษัทเสี่ยวอวี๋ดำเนินขั้นตอนต่างๆ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศของอเมริกา สุดท้ายแล้วฉินสือโอวจะได้รับเงินในหนังสือสัญญากับบริษัทโอดิสซีย์จำนวน 16.5 ล้าน และจากบริษัทบริษัทกู้ซากในมหาสมุทรเสี่ยวอวี๋อีกจำนวนหนึ่ง รวมแล้วเป็นเงินทั้งหมด 34 ล้านเหรียญสหรัฐ
อัตราแลกเปลี่ยนของดอลลาร์สหรัฐกับดอลลาร์แคนาดาคือ 1 ต่อ 1.25 ซึ่งหมายความว่า เงินในบัญชีธนาคารของฉินสือโอวมีเงินเพิ่มขึ้นหกสิบกว่าล้านดอลลาร์แคนาดา และแน่นอน นี่คือเงินก่อนหักภาษี
เมื่อก่อนซื้อฟาร์มปลาและลงทุนในทรัพยากรประมง เงินในกระเป๋าของฉินสือโอวหายไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้เขายังมีเงินทุนอยู่ประมาณสี่สิบล้านดอลลาร์แคนาดาบวกกับหกสิบล้านดอลลาร์แคนาดาที่โอนเข้ามาตรงเวลาแค่เงินทุนหมุนเวียนของเขาก็มีตั้งหนึ่งร้อยล้านแล้ว!
คราวนี้เขาเข้าร่วมสโมสรมหาเศรษฐี ที่สำคัญเป็นสโมสรเงินทุนหมุนเวียนหลายร้อยล้าน หากนับรวมอสังหาริมทรัพย์แล้ว ตัวของเขาก็มีมูลค่ามหาศาล
เมื่อฉินสือโอวกลับถึงฟาร์มปลา ในวันต่อมาบิลลี่ เบลค และแบรนดอนทั้งสามคนรีบปรี่เข้าไปหาเขาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขามีของฝากให้กับทุกคน
เป็นดังที่คาดการณ์ไว้ ในการประมูลครั้งนี้ ฉินสือโอวสร้างผลกำไรที่น่าตกใจอย่างยิ่งให้กับทั้งสองบริษัท พวกเขาร่วมกันถือหุ้นของบริษัทบริษัทกู้ซากในมหาสมุทรเสี่ยวอวี๋ 49 เปอร์เซ็นต์ เงินปันผลก่อนการเสียภาษีคือสามสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ
หลังจากพบหน้ากัน ทั้งสามคนเข้าสวมกอดฉินสือโอวทีละคนและกำลังจะเข้าไปกอดวินนี่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ถูกฉินสือโอวขวางไว้เสียก่อน เขายิ้มและพูดขึ้นว่า “คนนี้ไม่จำเป็นหรอก ไอ้พวกระยำ ฉันปล่อยให้วิญญาณสกปรกของพวกนายมาทำให้วินนี่ด่างพร้อยไม่ได้แน่”
บิลลี่อ้าแขนกว้างๆ แล้วพูดว่า “ไม่ ฉิน เพื่อนที่ดีของฉัน เพื่อนร่วมหุ้นในตลาดการค้าของฉัน! เราเพิ่งร่วมมือกันต่อสู้เพื่อชัยชนะ พวกเราเป็นพี่น้องกันในคูน้ำเดียวกันนะ แต่นายกลับไม่ให้ฉันกอดกับคนในครอบครัวของนาย อย่างนี้เรียกว่าอะไร?”
เบลคพูดอย่างมั่นใจว่า “มีเหตุผลเพียงสองข้อที่เขาทำแบบนี้ ข้อแรก เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อเราในฐานะเพื่อนในคูน้ำเดียวกัน ข้อที่สองคือ วินนี่ไม่ใช่คนในครอบครัวของเขา”
แบรนดอนตบไหล่ฉินสือโอวแล้วยิ้ม “นายเลือกให้ดีๆ นะเพื่อน ขอเสริมอีกนิด ตามหลักมารยาทแล้ว พวกเราไม่เพียงแค่กอดคนในครอบครัวของนายได้ แต่ยังหอมแก้มเธอได้อีกด้วยนะ”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา ชี้ไปที่คนสามคน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนายนี่อยากจะเล่นคำกับฉันใช่ไหม? ได้ วันนี้ฉันจะเล่นเป็นเพื่อนพวกนายสักตั้ง ให้พวกนายได้รู้เสียบ้างว่าอะไรคือไอคิวของชาวจีน”
เมื่อพูดเสร็จ ฉินสือโอวผิวปากเสียงยาว หู่จือและเป้าจือ วิ่งทะยานออกมาเหมือนลูกกระสุนปืน ปอหลัวผละจากชายทะเลกระโดดมาทางนี้ ส่วนฉงต้าวิ่งตามมาอย่างเหนื่อยหอบ…
ไม่เพียงแค่นั้น นิมิตส์บนท้องฟ้าที่เพิ่งจับปลาแฮร์ริ่งตัวเล็กๆ ได้ มันกำลังจะดื่มด่ำกับอาหารอันโอชะ พอได้ยินเสียงผิวปากอันแหลมคม มันก็รีบบินโผลงมายืนคาบปลาแฮร์ริ่งอยู่บนไหล่ของฉงต้า เหลือกตามองบิลลี่และพวก
ฉินสือโอวปรบมือและพูดว่า “เอาเลยพวก พวกนายอยากกอดคนในครอบครัวของฉันไม่ใช่เหรอ? มาเลยทีละคน ฉันขอแนะนำหน่อย นี่คือลูกๆ ของฉันกับวินนี่ และแน่นอนว่ายังมีลูกๆ อีกหลายตัวที่กำลังมา”
บิลลี่และคนอื่นๆ หันกลับไป เห็นกระรอกกลุ่มหนึ่งกระโดดม้วนขึ้นลงวิ่งมาทางด้านนี้…
“ไม่ใช่แค่กอดนะ แต่ต้องหอมแก้มพวกมันด้วย พวกนายพูดเองนะ วันนี้หากใครไม่ทำละก็ หึๆ เบิร์ด นายว่าจะจัดการยังไงดี?” ฉินสือโอวหัวเราะยกใหญ่ เมื่อมองดูท่าทางอันขมขื่นของชายสามคน เขารู้สึกดีมาก
เบิร์ดเดินออกมาพร้อมใบหน้าที่เย็นชา ถือมีดทหารยุทธวิธีในมือ แล้วพูดอย่างใจเย็น “บอส ฟาร์มปลายังอาหารสัตว์อยู่ เอาเนื้อคนให้อาหารปลาปลาค็อด รสชาติคงอร่อยกว่า”
…………………………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 321 เงินเข้าบัญชี
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!