ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 338 ช่วงเวลาดีๆ ที่มีความสุข

พอถูกปลาซาบะงับ เสี่ยวฮุยรู้สึกตัวและกำลังที่จะอ้าปากร้อง ในช่วงเวลาคับขันนี้เองปลาซาบะรู้สึกว่าตัวมันนั้นจนมุมไม่มีทางสู้ จึงได้ระเบิดพลังออกมา ทำให้ไม่สามารถประมาทมันได้เลย
พาวลิสและเด็กๆ อีกสี่คนต่างพากันมองไปที่เสี่ยวฮุย จากนั้นเชอร์ลี่ย์จึงถามเสี่ยวฮุยด้วยความเป็นห่วงว่า “เจ็บไหม? อยากให้ฉันช่วยเป่าให้เธอหรือเปล่า?”
แล้วแบบนี้จะให้เสี่ยวฮุยร้องไห้ต่อหน้าเพื่อนใหม่ที่เพิ่งจะรู้จักกันเหรอ? เขาที่พยายามกั้นน้ำตาไว้แล้วยิ้มซึ่งนั่นทำให้ไม่น่าดูกว่าตอนร้องไห้เสียอีก แล้วเขาก็พูดกับยายว่า “ผมไม่เจ็บครับ ไม่เจ็บเลยสักนิดครับยาย”
จากนั้นยายจึงรีบดึงลูกชายเข้ามากอด ฉินสือโอวเห็นเช่นนี้จึงดึงออกมา แล้วพูดขึ้นมาว่า “แม่ เสี่ยวฮุยไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าให้ท้ายเสี่ยวฮุยแบบนี้สิ เพราะแม่กับพี่ให้ท้ายเสี่ยวฮุยอย่างนี้ไง เสี่ยวฮุยถึงได้กลายเป็นเด็กที่อ่อนแอแบบนี้”
ชาร์คได้เก็บปลาซาบะขึ้นมาวางไว้ที่กราบเรือ โดยที่มือซ้ายนั้นจับส่วนที่เป็นหัวปลา ส่วนมือขวานั้นจับตรงส่วนที่เป็นเอวลงไป จากนั้นได้นำมีดชำแหละปลามาทำการชำแหละโดยเริ่มจากส่วนด้านหลังของแก้มปลา และค่อยๆ หั่นเข้าไปถึงส่วนที่เป็นกระดูก ซึ่งต้องใช้แรงจึงจะสามารถหั่นตรงส่วนที่เป็นหัวปลาลงไปได้
จากนั้นชาร์คได้วางมีดชำแหละลงตรงกลางตัวปลา และชำแหละไปจนถึงส่วนหางของปลาอย่างเบาๆ แบบนี้ทำให้ปลานั้นดิ้น หลังจากชำแหละเสร็จเรียบร้อย นอกจากกระดูกของปลาแล้วนั้น สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงแต่เนื้อปลาที่ขาวสว่างแวววาว
พ่อของฉินสือโอวจ้องมองอย่างตาโตแล้วพูดว่า “ปลาซาบะกับปลาอินทรีบั้งนี่มีก้างน้อยเหมือนกันเลยเนอะ”
พี่เขยก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าเอากลับไปทอดกินก็ไม่เลวนะครับ”
ในขณะที่สองคนกำลังพูดคุยกันว่าจะเอาปลาไปทำอะไรกินนั้น ชาร์คได้เอาเนื้อปลาไปแขวนไว้ที่ตะขอเกี่ยวปลา จากนั้นก็สะบัดเบ็ดตกปลาออกไป แล้วพูดว่า “แต่นี่ก็เป็นเหยื่อได้ดีเหมือนกันนะครับ สามารถตกปลาทูน่าได้ ไม่แน่วันนี้เราอาจจะได้ลาภก้อนโตกันก็ได้”
เชอร์ลี่ย์แปลคำพูดนั้น ส่วนพ่อของฉินสือโอวและพี่เขยก็รู้สึกตะลึงงันเล็กน้อย ที่แท้ก็เป็นเหยื่อล่อปลานี่เอง ช่างสิ้นเปลืองจริงๆ
หลังจากตกปลาเสร็จก็ได้เอาเบ็ดตกปลาไปเสียบไว้ที่กราบเรือ ขณะที่ฉินสือโอวก็กำลังนั่งคุยอยู่กับพ่อแม่ของเขา วินนี่ก็ได้ยกน้ำผลไม้ที่เพิ่งคันเสร็จออกมาให้ได้ดื่มกัน เหลือเพียงส่วนที่เป็นเนื้อผลไม้เก็บไว้ให้กับฉงต้าและต้าป๋าย
ฉงต้านั้นถึงจะกินก็จริง แต่ปากของมันร้ายมากชอบกินคำใหญ่ๆ และปากใหญ่ๆ ของมันก็เคี้ยวขมุบขมิบเพื่อลิ้มรสสักหน่อย จากนั้นก็ปีนขึ้นมาบนดาดฟ้าของเรือแล้วหันกลับมาพ่นอาหารใส่ และร้องฮึมฮัมใส่วินนี่อย่างไม่พอใจ แล้วก็แสดงท่าทางสะบัดไปมาอย่างไม่พอใจ
ส่วนต้าป๋ายนั้นไม่เลือกกิน มันเคี้ยวอาหารอย่างสบายอกสบายใจ กินเนื้อผลไม้ในส่วนของมันลงไปอย่างรวดเร็ว
คลื่นลมทะเลที่พัดผ่านกับน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ดูเหมือนว่า บนท้องทะเลไม่ได้มีเพียงแค่เรือยอชต์ที่ถูกคลื่นซัดอยู่เป็นระลอกลำนี้เท่านั้น แต่ยังมีแสงสว่างระยิบระยับเล็กๆ กับนกนางนวลกลุ่มหนึ่งที่กำลังบินไปมาอย่างเพลิดเพลินบนพื้นผิวทะเล และในบางครั้งก็ได้ส่งเสียงร้องอันไพเราะและบินผ่านบนเรือยอชต์ไปราวกับเป็นนางฟ้าตัวน้อยในเทพนิยาย
พ่อและแม่ของฉินสือโอวที่สุดแล้วก็ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุข ทั้งสองคนได้นอนจิบน้ำผลไม้และรับลมทะเลกับอาบแดดอยู่บนเก้าอี้อย่างพออกพอใจ
ทันใดนั้นจู่ๆ นกนางนวลสองตัวก็เกิดทะเลาะและตีกันขึ้นมา เสี่ยวฮุยและเด็กๆ อีกสี่คนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันส่งเสียงเชียร์ไปมาไม่หยุด พอทะเลาะและตีกันเสร็จสักพักนกนางนวลก็บินจากไป เหลือทิ้งไว้เพียงขนนกที่ค่อยๆ ปลิวลงมาอย่างช้าๆ
เสี่ยวฮุยจึงเก็บขนนกขึ้นมาแล้วเอาไปอวดให้พี่สาวของฉินสือโอวดู พี่สาวของฉินสือโอว ยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกจะเอาพวกมันมาทำอะไร? ไหนลองคิดสิ”
จากนั้นเสี่ยวฮุยเกาหัวแล้วพูดอย่างเศร้าใจว่า “เหมือนมันจะไม่มีประโยชน์เลยฮะ”
ทันใดนั้นพ่อจึงถือโอกาสพูดขึ้นมาว่า “ทำไมจะไม่มีประโยชน์ล่ะ? มา เอามาให้ตาดูหน่อย ตาจะให้ดูอะไร ของสิ่งนี้เอามาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเลยล่ะ”
คุณพ่อเลยตัดแบ่งขนนกออกเป็นสองส่วน ไปแขวนไว้ที่ตะขอเกี่ยวปลา แล้วโยนลงไปในน้ำ จากนั้นขนนกก็ค่อยๆ พลิ้วไหวอยู่บนผิวน้ำอยู่ช้าๆ
“อย่างนี้จะสามารถทำอะไรได้?” เสี่ยวฮุยเอียงคอถามด้วยความสงสัย
ชาร์คพยักหน้าพูดอย่างชื่นชมว่า “ตะขอเกี่ยวปลาขนนกนี้ สามารถตกปลากะพงทะเลได้ บอส ผมต้องขอพูดเลยว่า พ่อของคุณถือเป็นผู้ที่มีฝีมือท่านหนึ่งเลยก็ว่าได้”
ที่จริงแล้วนั้นขนนกสามารถนำมาตกปลาได้ ในแม่น้ำไป๋หลงที่บ้านเกิดของฉินสือโอวนั้นมีปลากะพงแม่น้ำอยู่ ซึ่งที่นั่นถือเป็นสถานที่ที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติ เพราะบริเวณริมแม่น้ำได้มีการปลูกต้นหยางและต้นหลิวไว้ ทำให้ในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงมักจะมีหนอนแก้วตกลงไปในน้ำ ทำให้ปลากะพงแม่น้ำมักจะออกมารอกินหนอนแก้วที่ตกลงไปอยู่บริเวณผิวน้ำอยู่บ่อยครั้ง
ฉินสือโอวจำได้ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กช่วงที่มีปลากะพงแม่น้ำจำนวนมาก คุณพ่อเคยใช้วิธีเอาหนอนแก้วติดไว้กับขนนกพิราบเพื่อที่จะทำการตกปลากะพงแม่น้ำในแม่น้ำนั้นมาแล้ว
เพียงแต่นี่ไม่ใช่วิธีในการที่จะใช้กับปลาทะเลได้ดีมากนัก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วปลาทะเลที่ว่ายน้ำออกมาหาเหยื่ออยู่บริเวณผิวน้ำนั้นมีจำนวนน้อยมาก
ดังนั้นชาร์คถึงสามารถพูดได้ว่าพ่อของฉินสือโอวนั้นเป็นผู้มีฝีมือ มีแต่มืออาชีพถึงจะสามารถใช้วิธีนี้ในการตกปลากะพงทะเลได้ ซึ่งโดยปกติแล้วปลากะพงทะเลนั้นจะติดเบ็ดได้ง่าย เพราะพวกมันชอบกินขนนกที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับปลาไหลทราย
และเพื่อเป็นการให้เกียรติให้กับพ่อของเขา ฉินสือโอวจึงควบคุมจิตสำนักแห่งโพไซดอน ทำให้สามารถหาปลากะพงทะเลมาได้หนึ่งตัว
ซึ่งปลาชนิดนี้มีครีบที่หลังทั้งยังมีก้างที่ยาว ในส่วนของแก้มนั้นค่อนข้างแข็ง ลำตัวมีลักษณะเรียวยาวทำให้ง่ายต่อการจำแนก
ฉินสือโอวได้เลือกปลากะพงทะเลที่มีขนาดสี่สิบกว่าเซนติเมตรซึ่งมีขนาดยาวเกือบครึ่งเมตร เมื่อควบคุมตำแหน่งที่จะตกปลาได้แล้วเขาถึงค่อยปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอน
สำหรับปลากะพงทะเลเมื่อเทียบกับปลากะพงแม่น้ำที่เปรียบเสมือนเป็นญาติตระกูลเดียวแล้วนั้นยังถือว่ามีความโลภกว่ามาก เพราะเมื่อปลากะพงทะเลเห็นขนนกที่กำลังพลิ้วไหวอยู่บนผิวน้ำ มันมักจะคิดว่านั้นคือปลาไหลทรายตัวหนึ่ง จึงได้จู่โจมอ้าปากและกัดเข้าไป
เส้นเอ็นตกปลาค่อยๆ ถูกดึงกลับขึ้นมา จากนั้นพ่อของฉินสือโอวจึงรีบกดรอกตกปลาขึ้นไป ซึ่งถ้าเก็บปลากะพงทะเลที่มีขนาดครึ่งเมตรไว้ไม่ดี ปลาชนิดนี้นั้นที่มีพลังมหาศาลก็จะระเบิดพลังออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อเทียบกับปลาทะเลตัวแบนที่มีขนาดหนึ่งเมตรแล้วนั้นถือว่าจัดการได้ยากกว่า
ในช่วงเวลานี้เอง หู่จือและเป้าจือจึงได้โอกาสแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คน ด้านพ่อของฉินสือโอวกัดฟันเพื่อที่จะดึงเส้นเอ็นตกปลาขึ้นมา ทำให้ปลากะพงทะเลได้ถูกดึงขึ้นมาอยู่บริเวณผิวน้ำ จากนั้นหู่จือและเป้าจือจึงใช้โอกาสนี้กระโดดลงไปโดยโจมตีจากทางด้านหลังฝั่งซ้าย
ทำให้ปลากะพงทะเลตกใจกลัวจึงได้กระโดดขึ้นมาผิวน้ำ
ขณะที่พ่อของฉินสือโอวกำลังเก็บตะขอเกี่ยวปลาและเส้นเอ็นตกปลาที่เหลือขึ้นมาจากน้ำอยู่นั้น ปลากะพงทะเลก็ได้กระโดดขึ้นมาและดิ้นอย่างทุรนทุรายใกล้ตายราวกับเสือที่ถูกถอดเล็บ สุดท้ายแล้วก็โดนพ่อของฉินสือโอวเก็บมันขึ้นมา
ปลาขนาดใหญ่ยาวเกือบครึ่งเมตรที่ถูกถือขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่เบิกบานดูมีความสุขของพ่อฉินสือโอวนั้น ทำให้วินนี่ถึงกับต้องถ่ายรูปเก็บช่วงเวลานี้ไว้สักหน่อย
จากนั้นหู่จือและเป้าจือได้ปีนขึ้นมา พ่อของฉินสือโอวจึงไปนั่งยองๆ คั่นตรงกลางระหว่างสุนัขสองตัวนี้ แล้วยกปลากะพงขึ้นมาและพูดขึ้นว่า “ลูกสาว ถ่ายรูปพ่อกับสุนัขเจ้าสองตัวนี้ให้หน่อยสิ ไอ้หยา! ช่างเป็นสุนัขที่ดีจริงๆ เมื่อเทียบกับเจ้าสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดที่บ้านของเสี่ยวฮุยแล้ว ถือว่าดีกว่ากันมาก”
“เจ้าเกี๊ยวซ่ายังเด็กฮะ ถ้าโตขึ้นก็จะจับปลาได้เหมือนกัน” เสี่ยวฮุยรีบแก้ต่างให้กับสุนัขที่ตัวเองรัก
ปลากะพงทะเลที่ติดอยู่บนเบ็ดตกปลา พ่อของฉินสือโอวก็หยิบขึ้นมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขารู้สึกชอบใจเป็นอย่างมากเวลาที่ได้เห็นปลาเริ่มมาติดเบ็ด พี่เขยเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันจึงได้ไปหยิบเบ็ดตกปลาที่วางไว้บนเรือมาตกปลาด้วย
นีลเซ็นตั้งใจเลือกทอดสมอจอดเรือบริเวณที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยหญ้าทะเล เพราะที่นี่นั้นถือเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในการทำประมงที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดเต็มไปด้วยปลาค็อด ปลาซาบะและปลาแฮร์ริ่งจำนวนมาก ซึ่งพ่อและพี่เขยของฉินสือโอวนั้นพอหย่อนเบ็ดตกปลาลงไปไม่นาน ก็ได้ตกปลาค็อดดำมาคนละตัว
สองชั่วโมงต่อมาทั้งสองยังคงกำลังตกปลาอยู่ และยังคงตกปลาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปลาที่ตกนั้นมีทั้งปลากระบอกเทา ปลาค็อด ปลาเหล็กใน ปลาแซลมอนชัม และปลาใหญ่ปลาเล็กที่มาติดเบ็ดอีกมากมาย
จนสุดท้ายแล้วแม่และพี่สาวอดใจไม่ไหวจึงได้ไปลงมือตกปลากันบ้าง ส่วนชาร์คพอตกได้ปลาลิ้นหมามาสองตัวก็เอาเบ็ดตกปลามาเก็บ จึงเหลือเพียงพ่อของฉินสือโอวและคนอื่นๆ อีกสี่คนที่ยังเล่นอยู่ที่นั่น
วินนี่ถือกล้องถ่ายรูปเก็บภาพของทั้งสี่คนไว้ไม่หยุด ทั้งสี่คนที่เล่นกันอย่างสนุกสนานมีความสุข
ฉงต้าทำท่าทางลับๆ ล่อๆ แอบอยู่ด้านหลัง เพียงแค่มีปลาซาบะแล้วปลาแฮร์ริ่งติดเบ็ดขึ้นมา มันก็จะเริ่มทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ลุกนั่งขยับไปมา จากนั้นก็แอบหยิบปลาออกมาอย่างเนียนๆ ซึ่งเป้าหมายของมันมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการได้กินปลาเล็กพวกนี้
พ่อและแม่ของฉินสือโอวเริ่มอดใจไม่ไหวที่ต่อมาพบว่ามีปลาซาบะและปลาแฮร์ริ่งอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งพอตกเบ็ดตกปลาลงไปไม่นานประมาณสี่ถึงห้านาที ก็สามารถตกปลาขึ้นมาได้หนึ่งตัวแล้วจึงใจดีเอาไปป้อนให้ฉงต้ากิน
ขณะเดียวกันฉินสือโอว เห็นว่ามีปลาค็อดขนาดไม่ใหญ่มากเพียงสามสิบกว่าเซนติเมตรอยู่จำนวนหนึ่ง เลยกะจะเอาไปป้อนให้ฉงต้ากินแต่มันกลับกินไม่ไหวแล้ว
แม่เลยรู้สึกเสียดาย เดินเข้าไปหยิบปลาตัวนี้แล้วพูดขึ้น “ปลาพวกนี้ช่างอ้วนอุดมสมบูรณ์ดีจริงๆ ถ้ากินไม่ไหวงั้นฉันเอาไปทำปลาอบรมควันมาให้พวกแกกินดีกว่า ปลาพวกนี้ถ้าเอาไปทำปลารมควันก็คงจะอร่อยไม่น้อย”
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset